จากกระทู้ที่แล้วสถานการณ์ของผม
เข้าขั้นวิกฤตอย่างหนักจนแทบจะมืดแปดด้าน
ที่พักถูกๆก็ไม่มี ตั๋วรถไฟถูกๆก็ไม่มี
นอนข้างถนนเลยดีมั้ยคืนนี้? มาติดตามกัน
ครับว่า คืนนี้ผมจะเอาชีวิตรอดอย่างไร?
สามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ใน
Ep.1 : 100,000 เดียว แบกเป้ลุยเดี่ยว 7 เดือน 20 ประเทศ 3 ทวีป เอเชีย-ยุโรป-แอฟริกา ไม่ง้อเครื่องบิน!!
Ep.2 : จากไทยไปจีน ไม่นั่งเครื่องบินได้ไง?
และหากเพื่อนๆอยากทราบ
เรื่องราวและข้อมูลการเดินทางของผมแบบ
ละเอียดยิบ สามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ใน
เฟสบุ๊คเพจ : หาตังค์เที่ยวรอบโลก
หรือคลิ๊กลิ้งเพจได้เลยครับ
YouTube : North Vlog
16.30 น. หลังจากที่พวกเราเดินหาที่พักกันมาทั้งวัน เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน หิวก็หิว ผมจึงเลือกมาจบอยู่ที่ร้านอาหารคุนหมิงร้านหนึ่ง ซึ่งรสชาติไม่โอเครอีก "โอ้ย มันคืออะไรกันครับเนี่ย?"
ส่วนหนึ่งที่อาหารไม่ค่อยอร่อยน่าจะเป็นผลพวงมาจากความกังวลด้วยแหละนะ "วันนี้จะไปนอนที่ไหนดีเนี่ย?" ถ้าเลือกนอนข้างถนนจริงๆผมอาจจะโดนตำรวจลากตัวเข้าคุกนรกก็เป็นได้ "โอ้ย... การเดินทางรอบโลกของผมจะมาจบแค่ตรงนี้ไม่ได้นะ"
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินไปและนั่งครุ่นคิดไปนั้น โทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มมีสายเรียก
กเข้า "กริ้งๆๆ" ผมนั่งจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังโทรคุยกับใครบางคน ทันใดนั้นแผนการณ์เอาตัวรอดได้หลั่งไหลเข้ามาในหัว
ก่อนที่ผมจะเริ่มออกเดินทาง ผมได้ทำการติดต่อผู้หญิงจีนคนหนึ่งเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลืองานของเธอแลกกับที่พักและอาหารฟรี ซึ่งเธอเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ดอยู่ที่เมืองซีอาน เมืองทางภาคกลางของประเทศจีน
ซึ่งเธอได้ตอบตกลงรับผมเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเรานัดแนะกันว่าผมจะเดินทางไปที่นั่นอาทิตย์หน้า แต่เมื่อแผนการณ์ของผมกลับตาลปัตรจนดูวุ่นวาย ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้วนอกจากลองขอยืมโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มเพื่อโทรไปหาโฮสลินดา
"Welcome Noss"
"เย้ คืนนี้ตรูรอดตายแล้วโว้ย"
คำตอบรับอย่างอบอุ่นจากโฮสลินดา มันทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆไปเลย ผมรีบมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟคุนหมิงทันที ผมและเพื่อนชาวจีนบอกลากันหน้าสถานีรถไฟ พร้อมทั้งถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกันเป็นที่ระทึก ถ้าวันนี้ไม่ได้เด็กหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วย ชีวิตผมจะเป็นยังไงกันนะ?
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมต้องก้มกราบเลยคือ เจ้าโทรศัพท์มือถือของเพื่อนผมชาวจีนคนนี้ ถ้าไม่ได้แอปแปลภาษาจีน - อังกฤษ ที่อยู่ภายในเครื่อง วันนี้ทั้งวันพวกเราก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ชะตาชีวิตของผมคงต้องตกไปอยู่ในคุกนรกเป็นแน่แท้ "1 2 3 กราบ!!
สถานีรถไฟ Kunming Railway Station
"5,000 ก็ 5,000 วะ" ไม่เหลือทางเลือกอื่นใดอีกแล้วนอกจากยอมจำนนต่อโชคชะตาและเดินคอตกเข้าไปยังเคาวเตอร์เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปซีอาน ซึ่งราคาแพงโคตร
"ฮัลโหล? อะไรนะ? เห้ย? คืออะไร ทำไมตั๋วราคา 900 บาท?" นี่ผมไม่ได้มองผิดไปใช่มั้ย? ราคาตั๋วแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุนหมิง - ซีอาน ราคาแค่ 900 บาท มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน
19.49 น. ประตูชานชาลาเริ่มเปิดออก ผู้คนมากมายมหาศาลเบียดเสียดแย่งชิงกันขึ้นรถไฟขบวนนี้อย่างอลหม่าน "ตรูจะโดนเหยียบคอมั้ยครับเนี่ย?" อย่างกับฝูงซอมบี้บ้าคลั่งที่กำลังไล่ล่ามนุษย์ สักพักผมก็เริ่มเบียดเสียดแบบเขาบ้าง เอาดิๆ ฮ่าๆๆ
หลังจากที่ผมขึ้นมาบนรถไฟได้โดยสวัสดิภาพ ผมเริ่มมองหาเก้าอี้ที่นั่งของผมทันที แต่ทำไมผมไม่เห็นหมายเลขที่นั่งบนตั๋วโดยสารของผมเลยหล่ะ ผมจึงเดินเข้าไปถามอาซ้อคนหนึ่งข้างๆ ยื่นตั๋วให้เขาดูและชี้ไปยังที่นั่ง
อาซ้อหน้าตาใจดีมีเมตตาเบิ่งดูไปที่ตั๋วโดยสารของผมแล้วโพล่งพูดขึ้นมาดังลั่นว่า "เหมยโย่วๆ" คำนี้คุ้นๆนะเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน สักพักความทรงจำตอนที่เคยเรียนภาษาจีนมาบ้างช่วงมัธยมจึงหวนกลับคืนมา
"ไอ่เชี่ย!! เหมยโย่วแปลว่า ไม่มี" สรุปคือไม่มีที่นั่ง?
"ไม่มีที่นั่งแล้วตรูจะไปสิงสถิตอยู่ที่ไหนหล่ะครับเนี่ย?"
จากเมืองคุนหมิงไปถึงเมืองซีอาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 24 ชั่วโมง ผมต้องยืนแบบนี้ไปตลอดคืนเลยหรอ? "โอ้ย ชีวิตตรูนี่มันยิ่งกว่าละครอีกนะ แงง"
แต่ในความสับสนอลหม่านกลับมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อมีหนุ่มจีนคนหนึ่งโบกมือทักทายแล้วถามผมว่า
"คุณมาจากไหน?"

เป็นภาษาอังกฤษ)
"Thailand Thailand"
พอบอกปุ๊บ เขาตะโกนโพล่งขึ้นมาทันทีว่า "ไทกัวๆ (คนไทยๆ)" เท่านั้นแหละครับพี่น้อง ทุกสายตาบนโบกี้รถไฟจับจ้องมาที่ผมคนเดียว อย่างกับผมเป็นเซแลปชื่อดังระดับโลก รถไฟที่กำลังชุลมุนวุ่นวายในตอนแรกกลับกลายเป็นรถไฟร้าง แทบไม่มีใครปริปากพูดประมาณ 5 วินาที
หลังจาก 5 วินาที พวกเขาส่งยิ้มให้ผมและพยายามแย่งกันเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ หนึ่งในนั้นคือคุณลุงและคุณป้าที่พยายามกวักมือเรียก ที่นั่งตรงนั้นมันนั่งได้แค่สองคน แต่คุณลุงก็พยายามเบียดเสียดคุณป้าให้ติดชิดขอบหน้าต่างรถไฟ เพื่อให้ผมนั่งด้วย "โหว โคตรซึ้งเลยครับ น้ำใจช่างงดงาม"
หลายๆคนพยายามเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของผม ทั้งๆที่พวกเราสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลย แต่ผมสัมผัสได้ถึงแววตาแห่งความสุขของพวกเขาที่ได้เจอผม และด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา คืนนี้ผมจึงรอดตัวไปอีกหนึ่งคืน
13 สิงหาคม 2019
18.30 น. รถไฟเข้าเทียบชานชาลาเมืองซีอาน มณฑลซานซี ประเทศจีน ผมได้รับ ความช่วยเหลืออย่างดีจากสองสาวชาวจีน ทำให้ไปถึงบ้านโฮสลินดาโดยสวัสดิภาพ
มีหลายคนสอบถามผมเข้ามาเยอะมากว่า "ทำงานแลกที่พักและอาหารฟรีในต่างประเทศได้จริงๆหรอ?" ผมเดินทางมายังเมืองซีอานเพื่อตอบคำถามนี้ครับ
สถานที่ที่ผมมาใช้ชีวิตทำงานแลกที่พักและอาหารฟรี เป็นฟาร์มเห็ดที่อยู่ในเขตชนบทของเมืองซีอาน วิถีชีวิตของคนที่นี่คลุกคลีอยู่กับการทำงานเกษตรเป็นหลัก ซึ่งบ่อยครั้งที่ผมมักจะเห็นชาวบ้านขับรถกระบะเพื่อนำพืชผักและผลไม้จากฟาร์มของตัวเองมาขาย
เนื้องานที่ผมทำจะมีตั้งแต่การขนฟาง แบกของ เตรียมลังบรรจุภัณฑ์ การผสมคลุกเคล้าวัตถุดิบต่างๆเพื่อทำเชื้อเห็ด การบรรจุหัวเชื้อเห็ดลงในบรรจุภัณฑ์ และการนำผลิตภัณฑ์เห็ดที่ได้ไปขาย
ทุกวันงานจะเริ่มตั้งแต่ 08.30 - 12.30 น. พักเบรค 1 ชั่วโมง และเริ่มงานต่อเวลา 13.30 - 17.30 น. รวมๆแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง/วัน เวลาทำงานเยอะเกินไปมั้ย? ผมให้เพื่อนๆพิจารณากันเอาเองครับ โดยตามกฎของทางเว็บไซต์ระบุว่า ระยะเวลาการทำงานต้องไม่เกินวันละ 6 ชั่วโมง
สวัสดิการที่ผมได้รับคือ วันหยุดอาทิตย์ละ 2 วัน ซึ่งผมสามารถเลือกวันหยุดเองได้ มีอาหารฟรี 3 มื้อ ห้องนอน 1 ห้อง น้ำดื่มฟรี อินเทอร์เน็ตฟรีและจักรยาน 1 คันไว้ปั่นบริเวณหมู่บ้าน
หากเพื่อนๆสนใจอยากเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับชีวิต ได้เรียนรู้ทักษะการทำงานไปพร้อมๆกับการเรียนรู้วิถีชีวิตผู้คนในสังคมที่แตกต่าง ที่สำคัญที่สุดเลยคือกินฟรีอยู่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สามารถติดต่อโฮสทั่วโลกเพื่อขอเข้าไปทำงานได้ที่ช่องทางเว็บไซต์
https://www.workaway.info/
Workaway
Workaway เป็นเว็บไซต์สำหรับแบ็กแพ็คเกอร์ทั่วโลก ซึ่งต้องการเดินทางแบบประหยัด พร้อมๆกับการได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีคุณค่าในชีวิต แค่เพียงช่วยเหลือโฮสทำงานวันละ 5-6 ชั่วโมง/วัน คุณก็จะได้รับอาหารและที่พักฟรีๆ โดยเว็บไซน์นี้ีมีโฮสเข้าร่วมมากถึง 40,000 คนจาก 170 ประเทศทั่วโลก ประเภทงานจะมีตั้งแต่ งานเกษตร งานฟาร์ม งานสวนงานไร่ งานเพื่อสังคม งานสังคมสงเคราะห์ งานศิลปะ งานสอนหนังสือ งานโฮสเตล และงานในรูปแบบอื่นอีกมากมาย
การมาใช้ชีวิตที่นี่หลายๆวันมันก็สนุกดีนะ แต่บางครั้ง กลับรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครในหมู่บ้านที่สามารถพูดภาษาอังกฤษกับผมได้เลยนอกจากโฮสลินดาซึ่งเราไม่ได้เจอกันบ่อยมากนัก เพราะเธอยุ่งมากจนไม่มีเวลาเข้ามาที่ฟาร์มเลย
อีกทั้งผมไม่สามารถเล่นแอปพลิเคชั่นที่สามารถเล่นที่ไทยได้ เพราะพี่จีนเขาบล็อคแอปต่างชาติและมีแอปสัญชาติจีนเป็นของตัวเอง ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุ๊ค ไม่มีไอจี ไม่มีกูลเกิ้ล ไม่มียูทูป ไม่มีช่องทางใดเลยที่ผมสามารถติดต่อกับครอบครัวผมได้
ผมถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลาเกือบ 20 วัน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับตัวเองมากที่สุดเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่มีใครเลยนอกจากตัวผมเอง ช่วงกลางคืนมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในฟาร์มขนาดใหญ่โตชวนน่าวังเวงและขนหัวลุก มันเงียบขนาดที่ผมสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองแทบทุกขณะ "

ลุ้นสุดๆว่าคืนไหนตรูจะแจ็คพ็อตโดนผีหลอกเข้าสักวัน แง"
บางทีก็รู้สึกเหงานะ เหงาปาก
"ตรูจะเป็นใบ้อยู่แล้วโว้ยย"
ติดตามตอนต่อไป
Ep.4 การค้นพบเส้นทางใหม่จากจีน-มองโกเลีย แค่ 1,800 บาท
Ep.3 ทำงานแลกที่พักและอาหารฟรีในต่างประเทศได้จริงๆหรอ?
ส่วนหนึ่งที่อาหารไม่ค่อยอร่อยน่าจะเป็นผลพวงมาจากความกังวลด้วยแหละนะ "วันนี้จะไปนอนที่ไหนดีเนี่ย?" ถ้าเลือกนอนข้างถนนจริงๆผมอาจจะโดนตำรวจลากตัวเข้าคุกนรกก็เป็นได้ "โอ้ย... การเดินทางรอบโลกของผมจะมาจบแค่ตรงนี้ไม่ได้นะ"
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินไปและนั่งครุ่นคิดไปนั้น โทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มมีสายเรียก
กเข้า "กริ้งๆๆ" ผมนั่งจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังโทรคุยกับใครบางคน ทันใดนั้นแผนการณ์เอาตัวรอดได้หลั่งไหลเข้ามาในหัว
ก่อนที่ผมจะเริ่มออกเดินทาง ผมได้ทำการติดต่อผู้หญิงจีนคนหนึ่งเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลืองานของเธอแลกกับที่พักและอาหารฟรี ซึ่งเธอเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ดอยู่ที่เมืองซีอาน เมืองทางภาคกลางของประเทศจีน
ซึ่งเธอได้ตอบตกลงรับผมเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเรานัดแนะกันว่าผมจะเดินทางไปที่นั่นอาทิตย์หน้า แต่เมื่อแผนการณ์ของผมกลับตาลปัตรจนดูวุ่นวาย ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้วนอกจากลองขอยืมโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มเพื่อโทรไปหาโฮสลินดา
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมต้องก้มกราบเลยคือ เจ้าโทรศัพท์มือถือของเพื่อนผมชาวจีนคนนี้ ถ้าไม่ได้แอปแปลภาษาจีน - อังกฤษ ที่อยู่ภายในเครื่อง วันนี้ทั้งวันพวกเราก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ชะตาชีวิตของผมคงต้องตกไปอยู่ในคุกนรกเป็นแน่แท้ "1 2 3 กราบ!!
"ฮัลโหล? อะไรนะ? เห้ย? คืออะไร ทำไมตั๋วราคา 900 บาท?" นี่ผมไม่ได้มองผิดไปใช่มั้ย? ราคาตั๋วแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คุนหมิง - ซีอาน ราคาแค่ 900 บาท มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน
19.49 น. ประตูชานชาลาเริ่มเปิดออก ผู้คนมากมายมหาศาลเบียดเสียดแย่งชิงกันขึ้นรถไฟขบวนนี้อย่างอลหม่าน "ตรูจะโดนเหยียบคอมั้ยครับเนี่ย?" อย่างกับฝูงซอมบี้บ้าคลั่งที่กำลังไล่ล่ามนุษย์ สักพักผมก็เริ่มเบียดเสียดแบบเขาบ้าง เอาดิๆ ฮ่าๆๆ
อาซ้อหน้าตาใจดีมีเมตตาเบิ่งดูไปที่ตั๋วโดยสารของผมแล้วโพล่งพูดขึ้นมาดังลั่นว่า "เหมยโย่วๆ" คำนี้คุ้นๆนะเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน สักพักความทรงจำตอนที่เคยเรียนภาษาจีนมาบ้างช่วงมัธยมจึงหวนกลับคืนมา
แต่ในความสับสนอลหม่านกลับมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อมีหนุ่มจีนคนหนึ่งโบกมือทักทายแล้วถามผมว่า
หลังจาก 5 วินาที พวกเขาส่งยิ้มให้ผมและพยายามแย่งกันเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ หนึ่งในนั้นคือคุณลุงและคุณป้าที่พยายามกวักมือเรียก ที่นั่งตรงนั้นมันนั่งได้แค่สองคน แต่คุณลุงก็พยายามเบียดเสียดคุณป้าให้ติดชิดขอบหน้าต่างรถไฟ เพื่อให้ผมนั่งด้วย "โหว โคตรซึ้งเลยครับ น้ำใจช่างงดงาม"
18.30 น. รถไฟเข้าเทียบชานชาลาเมืองซีอาน มณฑลซานซี ประเทศจีน ผมได้รับ ความช่วยเหลืออย่างดีจากสองสาวชาวจีน ทำให้ไปถึงบ้านโฮสลินดาโดยสวัสดิภาพ
สถานที่ที่ผมมาใช้ชีวิตทำงานแลกที่พักและอาหารฟรี เป็นฟาร์มเห็ดที่อยู่ในเขตชนบทของเมืองซีอาน วิถีชีวิตของคนที่นี่คลุกคลีอยู่กับการทำงานเกษตรเป็นหลัก ซึ่งบ่อยครั้งที่ผมมักจะเห็นชาวบ้านขับรถกระบะเพื่อนำพืชผักและผลไม้จากฟาร์มของตัวเองมาขาย
สวัสดิการที่ผมได้รับคือ วันหยุดอาทิตย์ละ 2 วัน ซึ่งผมสามารถเลือกวันหยุดเองได้ มีอาหารฟรี 3 มื้อ ห้องนอน 1 ห้อง น้ำดื่มฟรี อินเทอร์เน็ตฟรีและจักรยาน 1 คันไว้ปั่นบริเวณหมู่บ้าน
หากเพื่อนๆสนใจอยากเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับชีวิต ได้เรียนรู้ทักษะการทำงานไปพร้อมๆกับการเรียนรู้วิถีชีวิตผู้คนในสังคมที่แตกต่าง ที่สำคัญที่สุดเลยคือกินฟรีอยู่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สามารถติดต่อโฮสทั่วโลกเพื่อขอเข้าไปทำงานได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ https://www.workaway.info/
การมาใช้ชีวิตที่นี่หลายๆวันมันก็สนุกดีนะ แต่บางครั้ง กลับรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครในหมู่บ้านที่สามารถพูดภาษาอังกฤษกับผมได้เลยนอกจากโฮสลินดาซึ่งเราไม่ได้เจอกันบ่อยมากนัก เพราะเธอยุ่งมากจนไม่มีเวลาเข้ามาที่ฟาร์มเลย
อีกทั้งผมไม่สามารถเล่นแอปพลิเคชั่นที่สามารถเล่นที่ไทยได้ เพราะพี่จีนเขาบล็อคแอปต่างชาติและมีแอปสัญชาติจีนเป็นของตัวเอง ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุ๊ค ไม่มีไอจี ไม่มีกูลเกิ้ล ไม่มียูทูป ไม่มีช่องทางใดเลยที่ผมสามารถติดต่อกับครอบครัวผมได้
ผมถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลาเกือบ 20 วัน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับตัวเองมากที่สุดเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่มีใครเลยนอกจากตัวผมเอง ช่วงกลางคืนมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในฟาร์มขนาดใหญ่โตชวนน่าวังเวงและขนหัวลุก มันเงียบขนาดที่ผมสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองแทบทุกขณะ "