**ระบาย** เมื่อธุรกิจที่พึ่งสร้าง ถึงวันเจ๊ง เราควรทำยังไงต่อดีครับ

สวัสดีครับ วันนี้ขอมาระบายถึงประสบการณ์ธุรกิจที่ทางบ้านทำให้ฟังซักหน่อยละกันนะครับ
ตอนนี้ประสบปัญหาเจ๊งไม่เป็นท่า นั่งคิด ยืนคิด นอนคิด ตีลังกาคิดแล้ว มันตื้อไปหมด คิดไม่ออก
เลยอยากจะมาระบายให้ฟัง

บ้านผมลงทุนกับหุ้นส่วนอีก 2-3 คน ลงขันกันเปิดตลาดสดในพื้นที่ที่ทำเลดีประมาณนึง
ความต้องการคือให้เป็นตลาดขายส่ง 24 ชั่วโมง ให้กับบรรดาร้านอาหารธุรกิจ sme ลูกค้าครอบครัว หรืออื่นๆในละแวกนี้
ให้นึกภาพอารมณ์ประมาณตลาดไท หรือตลาดยิ่งจริญครับ ต้องการประมาณนั้น แต่เป็นขนาดมินิ ย่อมๆครับ ร้านค้าไม่มากแต่สินค้าครบครัน
มีประมาณ 100 ล็อก (โครงการเฟสแรก ถ้าเฟสแรกประสบผลดี ก็ขยายไปเฟส 2-3-4 ในพื้นที่เดียวกัน)
ซึ่งในแต่ละร้านจะเป็นผู้ผลิตมาเอง หรือพ่อค้าคนกลางน้อยขั้นสุดๆ เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่ถูกๆ

ก่อนมาลงทุน ก็ศึกษาพื้นที่อยู่พอสมควร มีชุมชนรายล้อม เป็นเมืองที่มีธุรกิจร้านค้าเยอะพอสมควร
แถมตลาดที่ค้าขายในลักษณะเดียวกันในย่านนี้ก็ยังไม่มี
มีเพียงตลาดเก่าแก่ดั้งเดิมที่เปิดมานานแล้ว(เป็นตลาดหลักที่คนในพื้นที่รัศมี 10+ กม.เลือกเดินจับจ่ายกัน)
ไม่สะดวกเรื่องที่ทางจอดรถ ไม่ค่อยสะอาด เวลาทำการช่วง 04:00-10:00 น.
ตลาดค้าส่งที่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปราวๆ 10++ โล มีตลาดสดสไตล์เดียวกันที่ดูสะอาด น่าเดิน ที่จอดรถสะดวกห่างไปราวๆ 5-6 โล
แต่ไม่เป็นไร ของเค้าขายปลีก ของเราขายส่ง อนาคตเค้าคือลูกค้าของเรา

ทำเลที่ตั้งของตลาดผมจึงถือได้ว่าค่อนข้างพอเหมาะพอดี ถัดไปจากตลาดมีห้าง 2 ห้างอยู่ติดกัน ห้างขายปลีกและขายส่ง
ในพื้นที่เดียวกันมีตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในแถบภาคนี้ เน้นขายของกิน ของมือสอง ของแฟชั่น เป็นตลาดเดินเล่นชิลๆ
ที่บ้านและหุ้นส่วนจึงคิดว่า เอาล่ะ ตรงนี้แหละ น่าจะเป็นทำเลสวยในการทำธุรกิจ น่าลงทุน ให้ตลาดเราเป็นอีกตัวเลือกนึงของคนที่นี่ละกัน

ในแรกเริ่มช่วงก่อสร้าง (เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว) ในระหว่างที่กำลังก่อสร้างก็เปิดรับจองร้านค้าครับ
ตลาดล็อค(จำกัด)สินค้า ในสินค้าประเภทเดียวกัน ซ้ำได้ไม่กี่เจ้า เพื่อให้พอดีกับพื้นที่ และไม่ให้เกิดการแชร์ลูกค้ามากจนเกินไป
ผลตอบรับดีครับ คนเข้ามาจองเต็มภายในประมาณ 2 อาทิตย์ ก็รับลงทะเบียน จ่ายเงินจองกันเสร็จสรรพ
มีบ่นๆว่าค่าที่สูงไปบ้าง ทำไมแพงกว่าตลาดดั้งเดิมบ้าง ก็ได้อธิบายไปครับ ว่าเหตุผลคืออะไร ทุกคนก็เข้าใจ
(ตรงนี้ขอยกตัวอย่างคร่าวๆนะครับ ตลาดดั้งเดิมค่าที่เดือนละ 5,000 บาท
ตลาดผมเดือนละ 7,500 บาท ข้อแตกต่างคือ ตลาดเดิมนั้นเวลาขายมีแค่ราวๆ 6 ชั่วโมง ตก 165 บาท/วัน
แต่ตลาดผมคุณขายได้ 24 ชั่วโมง หากคิดตามแต่ละรอบเวลา 6 ชั่วโมงเท่ากัน วันนึงขายได้ 4 รอบ รอบละราวๆ 63 บาทเอง
เวลาทำการต่างกันครับเพราะเราเปิดทำการตลอดเวลา)

ในระหว่างที่ตลาดก่อสร้าง ก็ยังมีลูกค้าเข้ามาขอพื้นที่อยู่เรื่อยๆ แต่เนื่องจากล็อกเต็มแล้ว เราก็เลยไม่ได้รับลูกค้าเข้าเพิ่มอีก
ได้แต่ให้ลูกค้ากรอกเอกสารไว้ รอเรียกเผื่อล็อกหลุด
ก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจนเสร็จ เราก็เรียกลูกค้าเข้ามาดูพื้นที่ และทำสัญญา จ่ายค่าประกันต่างๆนานา และนัดวันเปิด
ตลาดมีโซนตลาดสด โซนโต้รุ่งนั่งกิน และโซนผลไม้ขายส่ง
โดยที่ในช่วงนี้ก็โปรโมทตลาดผ่านสื่อโซเชี่ยล รถแห่ และป้ายประชาสัมพันธ์ตรงพื้นที่ตลาดไปด้วย
ตรงนี้เริ่มเกิดปัญหา ลูกค้าบางส่วนที่จองไว้ ไม่สะดวกมา (บางท่านสายป่านไม่พอ ติดปัญหาสะดุดเพราะโควิด ไม่พร้อมลงทุน นานาสารพัน)
ทำให้วันที่ตลาดทดลองเปิดช่วงแรก ร้านค้าไม่เต็ม มีร้านค้าประมาณ 70% ของพื้นที่ (ขายตั้งแต่ราวๆ ตี 2 ไป)
ผู้ค้าก็เลยเริ่มไม่ค่อยพอใจ ทำไมถึงเว้นล็อกว่างไว้ ทำไมไม่เอาร้านเข้าให้เต็ม ทำไมไม่จัดการปัญหาตรงนั้น
ตลาดก็ไม่ได้อยู่เฉยครับ ได้มีการเรียกร้านค้าสำรองเข้ามาดูพื้นที่อยู่เสมอ ตกลงมาบ้าง เงียบหายไปบ้างก็โอเคไม่เป็นไร
อย่างน้อยตลาดเราก็ถือว่ามีข้าวของครบ ทั้งทะล ผัก ผลไม้ อาหารแห้ง เครื่องปรุง เนื้อสัตว์ต่างๆ มีร้านค้าอยู่ 75% ก็ยังดี

ตลาดเปิดทำการไปได้ประมาณ 3-4 วัน ร้านค้าในตลาดสดบางร้านเริ่มถอดใจ เริ่มมีการพูดคุยกันในหมู่พ่อค้าแม่ค้า ว่าไม่เวิร์ค
ตลาดดึงคนมาไม่ได้ ไม่มีลูกค้ามาเดิน บลาๆ มีปัญหาจากพื้นที่ ร้อนไปบ้าง แดดส่องบ้าง น้ำแข็งน็อคของละลายเร็วเกินไปบ้าง
มีร้านค้าบางร้านที่มาตั้งของไว้มาขายวันแรกเพียงวันเดียวแล้วก็เงียบหายไป จนทำให้เกิดล็อกโบ๋ก็มี
ตลาดก็ไม่ได้นิ่งเฉย อัดฉีดการประชาสัมพันธ์ให้คนในพื้นที่รับรู้ถึงตลาดเพิ่มเข้าไปอีก
เรียกร้านค้าที่หยุดไปให้กลับมาขายให้เต็ม แต่ก็ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
จนในที่สุดก็เกิดการย้ายออกของร้านค้า หลังจากตลาดเปิดได้แค่ 5-6 วัน ร้านผักออกไป 1 ร้าน อีก 2 วัน ออกไปอีก 1 ร้าน
ร้านอื่นๆยังอยู่ดี ร้านอาหารโต้รุ่งยังอยู่ดี มีร้านค้าประเภทอื่นเข้ามาเพิ่มอยู่เรื่อยๆในล็อกว่าง ตลาดก็ดูจะพอถูไถไปได้บ้าง
แต่ในแต่ละวัน พ่อค้าแม่ค้าตลาดสดเริ่มหมดกำลังใจ เริ่มหยุด เริ่มหาย ถอยกันไปทีละราย
พอเกิดปัญหาพ่อค้าแม่ค้าขาดสภาพคล่อง ตลาดก็เลยช่วยพ่อค้าแม่ค้าหาขาส่ง รับออเดอร์ ส่งออเดอร์ไปยังร้านอาหารต่างๆเพื่อช่วยให้ร้านค้ามีรายได้
แรกๆผลตอบรับจากยอดออเดอร์ดีพอควร ร้านค้าบางร้านออเดอร์ขั้นต่ำวันละ หลักร้อยปลายๆเกือบพัน บางวันเป็นพันก็มี แต่ทำไปได้ซักพักออเดอร์เริ่มหาย เพราะสินค้าโดนยัด ของไม่สวยบ้าง ไม่ตรงสเป๊กบ้าง ลูกค้าปิดหนีโควิดบ้าง ไปลองสั่งเจ้าอื่นๆบ้าง ในระหว่างนั้นก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง
ร้านค้าทยอยออกเรื่อยๆ มีร้านใหม่เข้ามาบ้างแต่ไม่กี่วันก็ไป จนในระยะเวลาราวๆ 3 เดือน ตลาดเหลืออยู่เพียงแค่ 25-30%

ในระหว่างนั้น ตลาดเองก็พยามปั้นพยามขยับอะไรเท่าที่พอจะทำได้ ทำโต้รุ่งติดถนนเพิ่อดึงคน
ปรับโซนผลไม้ขายส่งใหม่ให้เข้าถึงง่าย หรืออื่นๆ จนปลายปี ตลาดเหลือแค่ร้านผักและร้านทะเลอย่างละร้าน
ถึงตรงนี้ก็ขอขอบคุณร้าน 2 ร้านนี้มากๆที่อยู่สู้ด้วยกันมาจนถึงที่สุดครับ ขอบคุณจากใจจริงๆ
และแล้วมันก็กลับมาอีก เจ้าโควิดตัวร้าย ทำให้ในที่สุด ตอนนี้ตลาดไม่เหลือร้านค้าในตลาดสดแล้วครับ
ตลาดทำได้เพียงพยามประคองโซนโต้รุ่งริมถนนให้อยู่รอด (โซนโต้รุ่งดั้งเดิมแม่ค้าหายหมดแล้วครับ เลิกบ้าง ไปอยู่ที่ใหม่บ้าง)

ในระหว่างทางที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีโปรโมชั่นต่างๆมากมาย เพื่อช่วยประคองให้ตลาดไปได้
ทั้งลดค่าเช่า/เก็บแต่ค่าส่วนกลาง/เก็บแต่ค่าไฟ/ไปจนถึงขายฟรี แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามา เหมือนตลาดร้าง
ล่าสุดคือขอพนักงานลดเวลาทำงานลง เพราะไม่มีร้านค้าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เลิกจ้าง เพราะบ้านพนักงานเองก็แย่ๆ
ก็เลยอยากจะมาขอความเห็น ทำยังไงให้มันฟื้นดีครับ เงินเก็บของทั้งครอบครัวมาลงที่นี่
มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายแล้ว ถ้าหมดคือหมด ไม่เหลืออะไรแล้ว ยังถอนทุนคืนไม่ได้เลยซักนิด
รายรับของตลาดวันละหลักร้อย แต่รายจ่ายเดือนๆนึงเหยียบๆครึ่งแสน (ค่าน้ำไฟ ค่าจ้าง และค่าใช้จ่ายอื่นๆสำหรับมาตรการป้องกันโควิด)
ตอนนี้มันตันไปหมดแล้วครับ ยังดีที่หุ้นส่วนเข้าใจสถานการณ์ เลยไม่มีการกดดันอะไรกันมา
แต่แค่สถานการณ์ตอนนี้ก็ทำให้ที่บ้านแทบจะเป็นโรคเครียดหรือเผลอๆอาจไต่ไปถึงซึมเศร้าได้เลยครับ
เป็นอะไรที่เป็นห่วงที่บ้านมากๆ เราในฐานะลูกคนนึงอยู่กับโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่ม แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
ก็ยิ่งกดดันตัวเองเข้าไปอีก ทุกวันนี้มันแย่มากๆครับ

ส่วนถ้าถามถึงสถานการณ์ของธุรกิจประเภทเดียวกันเป็นยังไง ก็มีทั้งดี และแย่ครับ
บางที่ยอดตกลง บางที่ลูกค้าแน่น ลูกค้าเพิ่มขึ้น บางที่ต้องยกเลิกตลาดนัดไป แถมมีตลาดค้าส่งที่พึ่งขึ้นใหม่
เป็นเจ้าใหญ่เจ้าดังมาจากในตัวเมือง มาทำเพิ่มตรงนี้อีก (ห่างกันแค่ราวๆ 7-800 เมตร ตั้งฝั่งตรงข้ามกัน)
โอโหหหหหห ไม่ไหวครับ สู้ไม่ไหวแล้ว
เอาจริงๆคือต้องสู้แหละครับ แต่คิดวิธีสู้ไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือปรับตัวยังไงให้มันฟื้นขึ้นมาได้
ที่มาเล่าๆนี่เผื่อบางคนมองเห็นถึงข้อผิดพลาดของประสบการณ์ครั้งนี้ที่ผมและครอบครัวมองไม่เห็นด้วยครับ
เผื่อจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ไม่มากก็น้อย ทั้งผู้อ่านและตัวผมเอง

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะที่เล่าไม่หมด/ลืมใส่บ้าง/ขี้เกียจเล่าบ้าง
อาจะเรียบเรียงได้ไม่ดี งงๆ ขอโทษด้วยนะครับ
ยังไงก็ขอบคุณที่ได้ให้ระบายครับ ไม่รู้จะไประบายกับใครได้ ไม่มีเลยจริงๆ ขอให้ที่นี่เป็นที่พึ่งละกันครับ
ขอบคุณจากใจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่