"เพื่อไทย" ชี้ "บิ๊กตู่" ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของปชช. เผยทีดีอาร์ไอแนะเยียวยาผู้เดือดร้อนทั้งหมด อย่าทิ้งคนลงทะเบียนไม่เป็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2536144
“เพื่อไทย” ชี้ “บิ๊กตู่” ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของปชช. เผยทีดีอาร์ไอแนะเยียวยาผู้เดือดร้อนทั้งหมด อย่าทิ้งคนลงทะเบียนไม่เป็น
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นางสาว
ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลล่าช้าไม่ทันความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งความโลเลทราบแล้วเปลี่ยนไม่มืออาชีพ ปล่อยประชาชนเผชิญชะตากรรมอย่างไร้ทิศทาง เป็นรัฐบาลเดียวในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่แจกเงินประชาชนแทนที่จะถูกชื่นชมกลับถูกประชาชนก่นด่า ขณะที่พลังประชารัฐพรรคแกนนำรัฐบาลแทนที่จะมีคนช่วยคิดวิธีแก้ปัญหาช่วยประชาชนกลับส่งคนมาโต้แบบมั่วๆ หวังแก้ตัวให้รัฐบาลรอดไปวันๆ เท่านั้น
“
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพูดย้ำมาตลอดว่า ไม่ประกาศล็อกดาวน์ ความเป็นจริงตัวเองไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ แต่อาศัยผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศแทน จนศบค.โดยหมอทวีศิลป์ออกมาแถลงว่าไม่ประกาศล็อกดาวน์ เหตุกระทบ ศก. เป็นภาระภาษีของประเทศในการเยียวยา ซึ่งความเป็นจริงความเดือดร้อนของประชาชนไม่ใช่ภาระภาษี แต่เป็นหน้าที่รัฐที่ต้องใช้ภาษีกลับคืนมาช่วยเหลือเจ้าของเงินภาษี และต้องเยียวยาให้เพียงพอกับความเดือดร้อน 3,500 บาท 2 เดือน จะไปพอใช้ได้อย่างไร รัฐบาลรู้ได้อย่างไรว่า 2 เดือนจะคุมโควิดได้ และขณะนี้การแพร่ระบาดยังเพร่ไม่หยุด แล้วค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ จากการถูกรัฐบาลสั่งให้อยู่บ้าน หนี้สิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้กู้เงินกยศ. หนี้ที่มีมาก่อนโควิด ถ้าไม่ให้ทำงาน ต้องช่วยความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ใช่คิดแค่อยากจะแจกเงินเท่าไหร่ โดยไม่ได้ดูบริบทความต้องการที่แก้ปัญหาได้จริง” นางสาว
ตรีชฎากล่าว
นางสาว
ตรีชฎากล่าวว่า ทางมูลนิธิสถาบันเพื่อการพัฒนาวิจัยประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เปิดผลวิจัยพบว่า ข้อเสียของการแจกเงินของรัฐบาลในครั้งนี้ ผู้รับสิทธิ์ได้เงินจำนวนที่น้อยเกินไปเมื่อเทียบรายได้ขั้นต่ำ และควรเพิ่มระยะเวลาการจ่ายเงินให้เปล่า ให้สอดคล้องกับผลกระทบของการระบาดโควิดรอบใหม่ควรเพิ่มระยะเวลาการแจกเป็น 3 เดือน รวมถึงคนบางกลุ่มที่ตกหล่นเรื่องการได้รับความช่วยเหลือ และยังมีผู้ประกอบการบางประเภทเงื่อนไขไม่เข้าเกณฑ์ รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือธุรกิจหลายประเภทที่กำลังวิกฤตหนัก เช่น เอนเตอร์เทนเมนท์ อาหาร ศิลปิน นักร้อง ร้านฟิตเนส นวดแผนไทย รวมถึง ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม หมอทวีศิลป์เคยพูดว่าเรามีบทเรียนแล้วว่า การใช้ยาแรง จัดการทั้งประเทศ เราได้บทเรียนแล้วว่า คนที่เจ็บปวดคือคนปกติ เราจะไม่ให้คนธรรมดาสามัญเจ็บปวดอีกแล้ว แล้วเวลานี้ใครเจ็บปวด
“
รัฐบาลกำหนดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคนมีสิทธิ์ได้ และผู้ที่เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ประมาณ 15.3 ล้านคนจะถูกคัดกรองอีกครั้งว่าจะมีคุณสมบัติตามเกณฑ์หรือไม่ ผู้ที่อาจจะต้องลงทะเบียนใหม่ คือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร ยกเว้น
1.กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ
2.กลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
3.กลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง
และ 4.กลุ่มแรงงานที่ได้รับสิทธิประกันสังคม ทั้งๆ ที่กลุ่มบุคคลที่ถูกยกเว้นไม่ได้รับเงินเยียวยา ข้าราชการบางคนเงินเดือนน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน ทุกคนที่ลงทะเบียนไปจะถูกคัดทิ้งหรือต้องลุ้นเหมือนครั้งที่แล้วมั้ย ครั้งที่แล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด ต้องแย่งกันลงทะเบียนอินเทอร์เน็ตเวบไซต์ล่ม บางคนเล่นโซเชี่ยลมีเดียไม่เป็นทำให้คนที่มีเกณฑ์ได้รับเงินต้องเสียสิทธิ์ ครั้งที่ผ่านมาการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาชัดเจนเลยคือ เป็นการช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง นอกจากจะช่วยเหลือประชาชนช้า ป่านนี้ยังไม่ชัดเจนเรื่องการกำหนดวิธีการช่วยประชาชนโดยถ้วนหน้าต้องทำอย่างไร ความเป็นจริงเวลานี้ประชาชนมีตวามเท่าเทียมกันจริงๆ ความเดือดร้อนทุกคนเท่าเทียมกัน” นางสาว
ตรีชฎากล่าว
นางสาว
ตรีชฎากล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหันมาสนใจและเยียวยาประชาชนให้ทันความเดือดร้อน ไม่ใช่ประกาศทราบแล้วเปลี่ยน คือ บอกประชาชนให้ทราบแล้วก็เปลี่ยนตลอด ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเช้ากทม. ออกประกาศให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 4-17 มกราคม ตกเย็นเปลี่ยนเป็นเปิดเรียนวันที่ 31 มกราคม เช้านาย
สาธิต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุคว่า พล.อ.
ประยุทธ์และที่ประชุม ศบค. ตัดสินใจล็อกดาวน์ 5 จังหวัดตกเย็นพล.อ.
ประยุทธ์กลับบอกว่าไม่ล็อกดาวน์ แต่เปลี่ยนเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเท่านั่น กทม.สั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารทุกประเภท ตั้งแต่เวลา19.00 ถึง 06.00 น.ของวันใหม่ ให้เฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น ตกเย็นพล.อ.
ประยุทธ์ หัก ผู้ว่าฯ
อัศวิน ขยายเวลานั่งกินที่ร้านได้ถึง 3 ทุ่ม และประเด็นต้องโหลดแอพหมอชนะถ้าติดโควิดมีความผิดมีโทษ จำคุก 2 ปีปรับ 4 หมื่นบาท ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นไม่โหลดไม่เป็นไร ไม่มีโทษ “
ผู้ที่ติดเชื้อ” ที่ “
ปกปิดข้อมูล” ถึงจะมีโทษ สรุปคือ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือเลิก “
ทราบแล้วเปลี่ยน” ประชาชนทราบ แต่รัฐบาลมาคอยเปลี่ยน จนประชาชนสับสนวุ่นวาย ขาดความไม่รอบคอบ โลเล เลิกเป็นรัฐบาลมือสมัครเล่น ขณะที่ประชาชนกลายเป็นความจนอาชีพขึงพืดให้ทน
นางสาว
ตรีชฎากล่าวว่า เวลานี้สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ เขาเดือดร้อนตอนนี้ เขาหยุดงานมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม แต่คุณให้เขาไปลงทะเบียนสิ้นเดือนมกราคม เดือนมกราคมเขาเอาอะไรกินในขณะที่เขาไม่ได้ทำงาน หนี้สินเอาที่ไหนมาจ่าย ใครมีสิทธิ์ได้รับเงิน ได้รับโดยถ้วนหน้ามั้ย ปัญหาการลงทะเบียนผ่าน “เราชนะ” ยังมีเวบปลอมมาหลอกประชาชนอยู่เลย มันไม่ใช่เราชนะ แต่รัฐบาลกำลังจะปล่อยให้ประชาชนตาย ตายทั้งที่ยังหายใจ สภาพของประชาชนในยามนี้เหมือนคนถูกทิ้งอยู่กลางทะเลทรายที่อากาศร้อนจัดๆ คนกำลังปากแห้งหิวน้ำ ถ้ามีคนยื่นน้ำสักขันมาให้กินยังเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดได้ แต่ความเป็นจริงกลับถูกปล่อยเคว้งไม่มีทิศทางทิ้งให้ขาดน้ำแล้วแห้งตายอย่างช้าๆ
“ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรใช้คนใกล้ตัวมาเพียงมาตอบโต้ แต่ควรส่งคนลงไปสำรวจความเดืดร้อนของประชาชนจากพื้นที่จริง จะได้ไม่มาโต้แบบมั่วๆ ไปถามประชาชนดูว่า ได้ 3,500 บาทต่อคนต่อเดือนเขาเพียงพอสำหรับการแบ่งเบาภาระชีวิตเขาหรือไม่ เกาไม่ถูกที่คัน เลยทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องถูกคนด่าทุกวัน ลองหยิบเอาประสบการณ์ของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยออกมาแนะนำมาใช้ดู คือ การป้องกัน ควบคู่กับกู้เศรษฐกิจ ประชาชนถึงจะไปรอด หรือเอาคำแนะนำของพรรคเพื่อไทยไปใช้ อย่าปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์รอด เจ้าสัวรวย แต่ปล่อยให้ประชาชนแห้งตาย ” นางสาว
ตรีชฎา กล่าว
คัมแบ็ก! เตือน PM2.5 พุ่งสูง 20-22 ม.ค.นี้ ขอประชาชนระวังสุขภาพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5768783
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 20-22 ม.ค.นี้ ค่า PM2.5 พุ่งสูงขึ้น เหตุอากาศนิ่ง-ฝุ่นลอยต่ำ ระวังสุขภาพ-ลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เผย วันนี้ฝุ่นเกินมาตรฐาน 2 พื้นที่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค.2564 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.สมุทรสาคร จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.สระบุรี จ.ราชบุรี และ จ.หนองคาย
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17-75 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 30-57 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 28 - 59 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 28-33 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 19-31 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 30-58 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร, ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม จ.กรุงเทพฯ
ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กด้วยแบบจำลอง WRF-chem ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ เวลา 07.00 น. ระหว่างวันที่ 20-22 ม.ค.นี้ พบว่า กทม.และปริมลฑลมีแนวโน้มค่าฝุ่นละอองสูงขึ้น เนื่องจากความเร็วลมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญคั้งแต่วันที่ 19 ต่อเนื่องถึงวันที่ 21 ม.ค. เพดานการลอยตัวของฝุ่นมีแนวโน้มที่ต่ำลงต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง ลมสงบ ที่ค่อนข้างมาก ต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้
JJNY : พท.ชี้ตู่ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของปชช./PM2.5พุ่ง 20-22ม.ค.นี้/สรท.ห่วงQEสหรัฐฯกดดันค่าเงิน/ภท.จับโป๊ะ! 'อัศวิน'
https://www.matichon.co.th/politics/news_2536144
“เพื่อไทย” ชี้ “บิ๊กตู่” ไม่เข้าใจความเดือดร้อนของปชช. เผยทีดีอาร์ไอแนะเยียวยาผู้เดือดร้อนทั้งหมด อย่าทิ้งคนลงทะเบียนไม่เป็น
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลล่าช้าไม่ทันความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งความโลเลทราบแล้วเปลี่ยนไม่มืออาชีพ ปล่อยประชาชนเผชิญชะตากรรมอย่างไร้ทิศทาง เป็นรัฐบาลเดียวในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่แจกเงินประชาชนแทนที่จะถูกชื่นชมกลับถูกประชาชนก่นด่า ขณะที่พลังประชารัฐพรรคแกนนำรัฐบาลแทนที่จะมีคนช่วยคิดวิธีแก้ปัญหาช่วยประชาชนกลับส่งคนมาโต้แบบมั่วๆ หวังแก้ตัวให้รัฐบาลรอดไปวันๆ เท่านั้น
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพูดย้ำมาตลอดว่า ไม่ประกาศล็อกดาวน์ ความเป็นจริงตัวเองไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ แต่อาศัยผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศแทน จนศบค.โดยหมอทวีศิลป์ออกมาแถลงว่าไม่ประกาศล็อกดาวน์ เหตุกระทบ ศก. เป็นภาระภาษีของประเทศในการเยียวยา ซึ่งความเป็นจริงความเดือดร้อนของประชาชนไม่ใช่ภาระภาษี แต่เป็นหน้าที่รัฐที่ต้องใช้ภาษีกลับคืนมาช่วยเหลือเจ้าของเงินภาษี และต้องเยียวยาให้เพียงพอกับความเดือดร้อน 3,500 บาท 2 เดือน จะไปพอใช้ได้อย่างไร รัฐบาลรู้ได้อย่างไรว่า 2 เดือนจะคุมโควิดได้ และขณะนี้การแพร่ระบาดยังเพร่ไม่หยุด แล้วค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ จากการถูกรัฐบาลสั่งให้อยู่บ้าน หนี้สิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้กู้เงินกยศ. หนี้ที่มีมาก่อนโควิด ถ้าไม่ให้ทำงาน ต้องช่วยความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ใช่คิดแค่อยากจะแจกเงินเท่าไหร่ โดยไม่ได้ดูบริบทความต้องการที่แก้ปัญหาได้จริง” นางสาวตรีชฎากล่าว
นางสาวตรีชฎากล่าวว่า ทางมูลนิธิสถาบันเพื่อการพัฒนาวิจัยประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้เปิดผลวิจัยพบว่า ข้อเสียของการแจกเงินของรัฐบาลในครั้งนี้ ผู้รับสิทธิ์ได้เงินจำนวนที่น้อยเกินไปเมื่อเทียบรายได้ขั้นต่ำ และควรเพิ่มระยะเวลาการจ่ายเงินให้เปล่า ให้สอดคล้องกับผลกระทบของการระบาดโควิดรอบใหม่ควรเพิ่มระยะเวลาการแจกเป็น 3 เดือน รวมถึงคนบางกลุ่มที่ตกหล่นเรื่องการได้รับความช่วยเหลือ และยังมีผู้ประกอบการบางประเภทเงื่อนไขไม่เข้าเกณฑ์ รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือธุรกิจหลายประเภทที่กำลังวิกฤตหนัก เช่น เอนเตอร์เทนเมนท์ อาหาร ศิลปิน นักร้อง ร้านฟิตเนส นวดแผนไทย รวมถึง ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม หมอทวีศิลป์เคยพูดว่าเรามีบทเรียนแล้วว่า การใช้ยาแรง จัดการทั้งประเทศ เราได้บทเรียนแล้วว่า คนที่เจ็บปวดคือคนปกติ เราจะไม่ให้คนธรรมดาสามัญเจ็บปวดอีกแล้ว แล้วเวลานี้ใครเจ็บปวด
“รัฐบาลกำหนดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคนมีสิทธิ์ได้ และผู้ที่เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ประมาณ 15.3 ล้านคนจะถูกคัดกรองอีกครั้งว่าจะมีคุณสมบัติตามเกณฑ์หรือไม่ ผู้ที่อาจจะต้องลงทะเบียนใหม่ คือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร ยกเว้น
1.กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ
2.กลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
3.กลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง
และ 4.กลุ่มแรงงานที่ได้รับสิทธิประกันสังคม ทั้งๆ ที่กลุ่มบุคคลที่ถูกยกเว้นไม่ได้รับเงินเยียวยา ข้าราชการบางคนเงินเดือนน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน ทุกคนที่ลงทะเบียนไปจะถูกคัดทิ้งหรือต้องลุ้นเหมือนครั้งที่แล้วมั้ย ครั้งที่แล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด ต้องแย่งกันลงทะเบียนอินเทอร์เน็ตเวบไซต์ล่ม บางคนเล่นโซเชี่ยลมีเดียไม่เป็นทำให้คนที่มีเกณฑ์ได้รับเงินต้องเสียสิทธิ์ ครั้งที่ผ่านมาการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาชัดเจนเลยคือ เป็นการช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง นอกจากจะช่วยเหลือประชาชนช้า ป่านนี้ยังไม่ชัดเจนเรื่องการกำหนดวิธีการช่วยประชาชนโดยถ้วนหน้าต้องทำอย่างไร ความเป็นจริงเวลานี้ประชาชนมีตวามเท่าเทียมกันจริงๆ ความเดือดร้อนทุกคนเท่าเทียมกัน” นางสาวตรีชฎากล่าว
นางสาวตรีชฎากล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหันมาสนใจและเยียวยาประชาชนให้ทันความเดือดร้อน ไม่ใช่ประกาศทราบแล้วเปลี่ยน คือ บอกประชาชนให้ทราบแล้วก็เปลี่ยนตลอด ยกตัวอย่างเช่น ช่วงเช้ากทม. ออกประกาศให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 4-17 มกราคม ตกเย็นเปลี่ยนเป็นเปิดเรียนวันที่ 31 มกราคม เช้านายสาธิต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุคว่า พล.อ.ประยุทธ์และที่ประชุม ศบค. ตัดสินใจล็อกดาวน์ 5 จังหวัดตกเย็นพล.อ.ประยุทธ์กลับบอกว่าไม่ล็อกดาวน์ แต่เปลี่ยนเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเท่านั่น กทม.สั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารทุกประเภท ตั้งแต่เวลา19.00 ถึง 06.00 น.ของวันใหม่ ให้เฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น ตกเย็นพล.อ.ประยุทธ์ หัก ผู้ว่าฯอัศวิน ขยายเวลานั่งกินที่ร้านได้ถึง 3 ทุ่ม และประเด็นต้องโหลดแอพหมอชนะถ้าติดโควิดมีความผิดมีโทษ จำคุก 2 ปีปรับ 4 หมื่นบาท ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นไม่โหลดไม่เป็นไร ไม่มีโทษ “ผู้ที่ติดเชื้อ” ที่ “ปกปิดข้อมูล” ถึงจะมีโทษ สรุปคือ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือเลิก “ทราบแล้วเปลี่ยน” ประชาชนทราบ แต่รัฐบาลมาคอยเปลี่ยน จนประชาชนสับสนวุ่นวาย ขาดความไม่รอบคอบ โลเล เลิกเป็นรัฐบาลมือสมัครเล่น ขณะที่ประชาชนกลายเป็นความจนอาชีพขึงพืดให้ทน
นางสาวตรีชฎากล่าวว่า เวลานี้สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ เขาเดือดร้อนตอนนี้ เขาหยุดงานมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม แต่คุณให้เขาไปลงทะเบียนสิ้นเดือนมกราคม เดือนมกราคมเขาเอาอะไรกินในขณะที่เขาไม่ได้ทำงาน หนี้สินเอาที่ไหนมาจ่าย ใครมีสิทธิ์ได้รับเงิน ได้รับโดยถ้วนหน้ามั้ย ปัญหาการลงทะเบียนผ่าน “เราชนะ” ยังมีเวบปลอมมาหลอกประชาชนอยู่เลย มันไม่ใช่เราชนะ แต่รัฐบาลกำลังจะปล่อยให้ประชาชนตาย ตายทั้งที่ยังหายใจ สภาพของประชาชนในยามนี้เหมือนคนถูกทิ้งอยู่กลางทะเลทรายที่อากาศร้อนจัดๆ คนกำลังปากแห้งหิวน้ำ ถ้ามีคนยื่นน้ำสักขันมาให้กินยังเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดได้ แต่ความเป็นจริงกลับถูกปล่อยเคว้งไม่มีทิศทางทิ้งให้ขาดน้ำแล้วแห้งตายอย่างช้าๆ
“ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรใช้คนใกล้ตัวมาเพียงมาตอบโต้ แต่ควรส่งคนลงไปสำรวจความเดืดร้อนของประชาชนจากพื้นที่จริง จะได้ไม่มาโต้แบบมั่วๆ ไปถามประชาชนดูว่า ได้ 3,500 บาทต่อคนต่อเดือนเขาเพียงพอสำหรับการแบ่งเบาภาระชีวิตเขาหรือไม่ เกาไม่ถูกที่คัน เลยทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องถูกคนด่าทุกวัน ลองหยิบเอาประสบการณ์ของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยออกมาแนะนำมาใช้ดู คือ การป้องกัน ควบคู่กับกู้เศรษฐกิจ ประชาชนถึงจะไปรอด หรือเอาคำแนะนำของพรรคเพื่อไทยไปใช้ อย่าปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์รอด เจ้าสัวรวย แต่ปล่อยให้ประชาชนแห้งตาย ” นางสาวตรีชฎา กล่าว
คัมแบ็ก! เตือน PM2.5 พุ่งสูง 20-22 ม.ค.นี้ ขอประชาชนระวังสุขภาพ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5768783
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 20-22 ม.ค.นี้ ค่า PM2.5 พุ่งสูงขึ้น เหตุอากาศนิ่ง-ฝุ่นลอยต่ำ ระวังสุขภาพ-ลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เผย วันนี้ฝุ่นเกินมาตรฐาน 2 พื้นที่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค.2564 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.สมุทรสาคร จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง จ.สระบุรี จ.ราชบุรี และ จ.หนองคาย
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 17-75 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 30-57 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 28 - 59 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 28-33 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 19-31 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 30-58 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานที่บริเวณ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร, ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม จ.กรุงเทพฯ
ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กด้วยแบบจำลอง WRF-chem ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ เวลา 07.00 น. ระหว่างวันที่ 20-22 ม.ค.นี้ พบว่า กทม.และปริมลฑลมีแนวโน้มค่าฝุ่นละอองสูงขึ้น เนื่องจากความเร็วลมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญคั้งแต่วันที่ 19 ต่อเนื่องถึงวันที่ 21 ม.ค. เพดานการลอยตัวของฝุ่นมีแนวโน้มที่ต่ำลงต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง ลมสงบ ที่ค่อนข้างมาก ต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้