รู้สึกแย่ สามีมีกิจกรรมเยอะเกิน จนเรารู้สึกว่าเวลาสำหรับเรา น้อยไป 😢

เราเพิ่งแต่งงาน ยังไม่ถึงเดือน การอยู่อาศัย เลือกที่จะอยู่บ้านฝั่งเรา(ฝั่งผู้หญิง) เพราะที่นี่มีห้องเช่า จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าอยู่บ้านฝ่ายชาย ตั้งแต่แต่งงานมา เราก็พยายามให้ความสำคัญกับเขาเพิ่มมากขึ้น เพราะเขาคือครอบครัวเราแล้ว เผลอๆอาจจะลดในส่วนของพ่อแม่น้อยลงด้วย แต่ก็พยายามทำให้พ่อแม่ไม่รู้สึกขาดนะ ปัญหาคือ หลายวันติดแล้วที่สามี ไปหาเพื่อน ไปบ้านพ่อแม่ ไปเตะบอล ไปนู้นนี่นั้น เยอะไปหมด คือก็ตั้งความหวังอะ ว่าแต่งมา เรื่องพวกนี้มันจะน้อยลงหรือแบ่งเวลาได้ ด้วยความที่เพิ่งแต่งกันมา สองอาทิตย์ได้ เราก็อยากให้เขาเห็นคำว่า เรา ชัดขึ้นอะ เขาหายไปที เราก็ร้องไห้ที เราพยายามเข้มแข็งแล้ว แต่เราให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นแล้วอะ แต่ทำไม ทางเขา ยังให้ความสำคัญเราเท่าเดิมอยู่เลย ถ้าเราผิด อธิบายเราฟังที #ขอโทษที่อ่อนแอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
คุยกันเถอะค่ะ บอกเขาไปเถอะว่าคุณต้องการอะไร ถ้าถึงขั้นร้องไห้แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ผ่อนผันกันได้แล้วล่ะ

คุณรู้รึเปล่าว่าโลกใบนี้มีคนหลากหลายความคิดแค่ไหน
บางคนก็คิดเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ แต่งงานกันแล้วจะเหมือนก่อนแต่งได้ไง ทะเบียนสมรสคือใบอนุญาตให้เราหวานแหววกันได้มากขึ้น นี่คือคู่ชีวิตเชียวนะ คือคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่เอาใจใส่เขาที่สุดแล้วจะให้เอาใจใส่ใคร
แต่บางคนก็มองว่า ก่อนแต่งงานเหมือนกับหลังแต่งงานต่างหากจึงเรียกว่าดี เสมอต้นเสมอปลาย เคยมีความสุขเมื่อตอนโสดยังไง แต่งงานแล้วก็ยังได้อย่างนั้นแถมทำให้มีความสุขมากขึ้นอีก ชีวิตคู่ไม่ใช่กรงขัง แค่เสรีชนสองคนมีความรับผิดชอบในบางเรื่องร่วมกัน...แต่ทำอะไรก็คิดไว้แล้วกันว่าแต่งงานแล้วนะ (หัวเราะ) คุณจะได้อิสรภาพทุกอย่างยกเว้นความโสดว่างั้นเหอะ

คุณมีชีวิตหนึ่ง เขาก็มีชีวิตหนึ่ง
ทำให้เห็นภาพก็คือ คุณมีวงกลมชีวิตของตัวเอง เมื่อแต่งงาน ก็เหมือนวงกลมสองวงมาซัอนทับกันบางพื้นที่
คุณแค่ต้องคุยกับเขาว่าจะซ้อนทับกันถึงขั้นไหน


เพื่อนของฉันคู่นึง แต่งงานมา 6 ปีละ พวกเขาคือวงกลมที่ซ้อนทับกันแทบจะสนิทเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่คู่ชีวิตไม่รู้ ไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอด ทำงานที่เดียวกัน อาชีพตำแหน่งก็เหมือนกัน เป็นอะไรที่คนทั่วไปก็เข้าใจยากนิดนึงว่าอยู่กันได้ไง ไม่เบื่อบ้างเหรอ พวกเขาก็ไม่ได้เบื่อนะ มีความสุขกันดี เพื่อนๆ มองว่าคู่นี้สามารถตัดขาดสังคมได้เลย ขอแค่มีกันและกันก็พอแล้ว ในสายตาฉัน เพราะพวกเขามีความอะลุ่มอล่วยต่อกันและกันสูง อยู่ใกล้กันไปก็ไม่ตีกันหรอกค่ะ เธอว่าไงฉันว่าตาม เธอตัดสินใจไม่ได้งั้นฉันตัดสินใจให้ เลยกลายเป็นว่าทำอะไรด้วยกันเสมอ รู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว
ส่วนเพื่อนอีกคนนึงของฉันที่แต่งงานแล้ว 2 ปี พวกนางแต่งกันแบบเข้าใจยากเหมือนกัน แต่ต่างจากคู่แรกแบบสุดกู่ คือแต่งแล้วแยกอยู่กันคนละจังหวัด เดือนนึงสามีจะขับรถมาหาหรือภรรยาขับรถไปหาสักวีค หรือเจอกันเฉพาะวันหยุด ต่างฝ่ายต่างชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเยอะๆ อย่ามายุ่งกับฉันมากในตอนที่ฉันอยากอยู่กับตัวเอง ก็เห็นอยู่กันได้ดีเด่นะคะ ต่างคนต่างมีสังคม มีงานมีการที่แยกกันไป พอใจกับสเปซแบบนี้ ในสายตาฉัน พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงกันทั้งคู่ ถ้าฉันจะเอาอย่างนี้หมายความว่าฉันไม่ยอมรับอย่างอื่นเลย เพราะงั้นถ้าอยู่ใกล้กันมากจะตีกันค่ะ แต่พวกเขามีความซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตสูงนะคะ ก็พอเข้าใจแหละว่าทำไมกล้าปล่อยอีกฝ่ายโผบินในโลกกว้างเพียงลำพังขนาดนั้น มันเป็นไปได้ยากที่ใครจะแอบซุกชู้เชียวแหละ เป็นคู่แบบว่า...มีปัญหาเมื่อไรค่อยแวะมานะ ฉันอยู่ตรงนี้คอยซัพพอร์ตเธอเสมอ (หัวเราะ) อบอุ่นไปอีกแบบ

ไอ้สองคู่นี้น่ะ แม.ร่.ง.ไม่มีวันคุยกันเรื่องชีวิตหลังแต่งงานแล้วเข้าใจกันหรอกค่ะ 5555 ฝ่ายหนึ่งไม่ขอมีพื้นที่ส่วนตัวเลย อีกฝ่ายตายแน่ถ้าไม่มีพื้นที่ส่วนตัว คู่แรกจะหึงหวงง่ายมาก แค่ห่างกันก็ไม่สบายใจละ ส่วนคู่หลังมีปัญหาเรื่องการคุยในหัวข้อที่คิดเห็นต่างกัน ทะเลาะกันไม่ยาก ต้องแยกไปสงบสติแล้วถึงจะคุยกันได้ใหม่โดยลืมๆ ไปเถอะว่าเคยมีเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้น ขืนอยู่บ้านเดียวกันตลอดเวลาคงเลิกกันแน่ๆ
ชีวิตคู่อะเนอะ ธรรมชาติของชีวิตคู่จะไม่มีแบบราบรื่นตลอดเส้นทางอยู่แล้ว เพราะถ้าราบเรียบไปหมายความว่ากำลังมีปัญหาไง

ส่วนมากแล้ว คู่แต่งงานส่วนใหญ่จะขอซ้อนวงกลมชีวิตแบบสักครึ่งหนึ่งใช่ไหมล่ะ กลางวันทำงานเลี้ยงชีพ กลางคืนคือเวลาของเธอ
แต่คู่ที่อยู่กันยืดจะเหมือนๆ กันหมดตรงที่ ความคิดเรื่องพื้นที่ทับซ้อนแมตช์กันพอดีค่ะ ซึ่งทำได้ผ่านการคุยเท่านั้น
คุณเจ้าของกระทู้อาจขอตกลงกับสามีได้ว่า เวลาเท่านี้ถึงเท่านี้ คือเวลาของครอบครัวนะ คุณจะเอาเวลาส่วนนี้ไปใช้กับคนอื่นไม่ได้ ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องไปก็ต้องบอกกันหรือหนีบฉันไปด้วย
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะ คนปกติก็ทำกัน แค่บางคู่เข้าใจกันอยู่แล้วเลยไม่ต้องคุย

ดังนั้น ที่สามีของคุณยังใช้เวลานอกบ้านอยู่มากจึงไม่ได้ดูผิดปกติเป็นพิเศษหรอก ก็มีครัวอื่นที่เป็นแบบนี้ ครัวที่โลกส่วนตัวของเราสองคนก็มี
ต้องคุยกันล่ะค่ะ
ฉันเชื่อว่าใครก็เข้าใจนะว่าแต่งงานแล้วจะใช้ชีวิตเหมือนโสดไม่ได้ 100% แต่ถ้าเขาไม่ชอบอยู่บ้าน คุณขอให้เขาอยู่บ้านแล้วก็ต้องยอมออกจากบ้านไปกับเขาด้วย คนรักกัน แบ่งๆ แชร์ๆ ไลฟ์สไตล์กันไปเถอะค่ะ
จะเปลี่ยนให้เขามาสร้างโลกกับคุณสองคนก็ยากพอๆ กับเปลี่ยนให้คุณมีกิจกรรมนอกบ้านเยอะนั่นแหละ

ก็ทำนองนี้ ลองดูนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 5
ผู้หญิงมักคาดหวังให้ผู้ชายเปลี่ยนแปลงหลังแต่งงาน แต่ความจริงคือ เขาไม่เปลี่ยน

ก่อนแต่งงาน คุณก็ต้องรู้จักตัวตนเขาก่อนนี้แล้ว ได้พูดคุยกันหรือไม่ ว่าแต่งงานแล้วเราจะใช้ชีวิตยังไง
เพราะการตกลงกัน การพูดคุยกันทำความเข้าใจกัน มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับครอบครัวนะ
ความคิดเห็นที่ 4
คุณคะ สามีไม่อยู่บ้าน นี่มันต้องร้องไห้เลยหรือ
ก่อนแต่งเขาเป็นยังไง ถ้าคบกัน เรียนรู้กันมาก่อน ก็น่าจะเข้าใจไลฟ์สไตล์นิสัยใจคอกันนะคะ

เราว่าก่อนแต่งกับหลังแต่ง ถ้าเขาให้ความสำคัญกับเราเท่าเดิม ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะสิ่งที่เขาเป็น มันทำให้เราเลือกเขาไม่ใช่หรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่