สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
คุยกันเถอะค่ะ บอกเขาไปเถอะว่าคุณต้องการอะไร ถ้าถึงขั้นร้องไห้แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ผ่อนผันกันได้แล้วล่ะ
คุณรู้รึเปล่าว่าโลกใบนี้มีคนหลากหลายความคิดแค่ไหน
บางคนก็คิดเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ แต่งงานกันแล้วจะเหมือนก่อนแต่งได้ไง ทะเบียนสมรสคือใบอนุญาตให้เราหวานแหววกันได้มากขึ้น นี่คือคู่ชีวิตเชียวนะ คือคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่เอาใจใส่เขาที่สุดแล้วจะให้เอาใจใส่ใคร
แต่บางคนก็มองว่า ก่อนแต่งงานเหมือนกับหลังแต่งงานต่างหากจึงเรียกว่าดี เสมอต้นเสมอปลาย เคยมีความสุขเมื่อตอนโสดยังไง แต่งงานแล้วก็ยังได้อย่างนั้นแถมทำให้มีความสุขมากขึ้นอีก ชีวิตคู่ไม่ใช่กรงขัง แค่เสรีชนสองคนมีความรับผิดชอบในบางเรื่องร่วมกัน...แต่ทำอะไรก็คิดไว้แล้วกันว่าแต่งงานแล้วนะ (หัวเราะ) คุณจะได้อิสรภาพทุกอย่างยกเว้นความโสดว่างั้นเหอะ
คุณมีชีวิตหนึ่ง เขาก็มีชีวิตหนึ่ง
ทำให้เห็นภาพก็คือ คุณมีวงกลมชีวิตของตัวเอง เมื่อแต่งงาน ก็เหมือนวงกลมสองวงมาซัอนทับกันบางพื้นที่
คุณแค่ต้องคุยกับเขาว่าจะซ้อนทับกันถึงขั้นไหน

เพื่อนของฉันคู่นึง แต่งงานมา 6 ปีละ พวกเขาคือวงกลมที่ซ้อนทับกันแทบจะสนิทเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่คู่ชีวิตไม่รู้ ไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอด ทำงานที่เดียวกัน อาชีพตำแหน่งก็เหมือนกัน เป็นอะไรที่คนทั่วไปก็เข้าใจยากนิดนึงว่าอยู่กันได้ไง ไม่เบื่อบ้างเหรอ พวกเขาก็ไม่ได้เบื่อนะ มีความสุขกันดี เพื่อนๆ มองว่าคู่นี้สามารถตัดขาดสังคมได้เลย ขอแค่มีกันและกันก็พอแล้ว ในสายตาฉัน เพราะพวกเขามีความอะลุ่มอล่วยต่อกันและกันสูง อยู่ใกล้กันไปก็ไม่ตีกันหรอกค่ะ เธอว่าไงฉันว่าตาม เธอตัดสินใจไม่ได้งั้นฉันตัดสินใจให้ เลยกลายเป็นว่าทำอะไรด้วยกันเสมอ รู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว
ส่วนเพื่อนอีกคนนึงของฉันที่แต่งงานแล้ว 2 ปี พวกนางแต่งกันแบบเข้าใจยากเหมือนกัน แต่ต่างจากคู่แรกแบบสุดกู่ คือแต่งแล้วแยกอยู่กันคนละจังหวัด เดือนนึงสามีจะขับรถมาหาหรือภรรยาขับรถไปหาสักวีค หรือเจอกันเฉพาะวันหยุด ต่างฝ่ายต่างชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเยอะๆ อย่ามายุ่งกับฉันมากในตอนที่ฉันอยากอยู่กับตัวเอง ก็เห็นอยู่กันได้ดีเด่นะคะ ต่างคนต่างมีสังคม มีงานมีการที่แยกกันไป พอใจกับสเปซแบบนี้ ในสายตาฉัน พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงกันทั้งคู่ ถ้าฉันจะเอาอย่างนี้หมายความว่าฉันไม่ยอมรับอย่างอื่นเลย เพราะงั้นถ้าอยู่ใกล้กันมากจะตีกันค่ะ แต่พวกเขามีความซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตสูงนะคะ ก็พอเข้าใจแหละว่าทำไมกล้าปล่อยอีกฝ่ายโผบินในโลกกว้างเพียงลำพังขนาดนั้น มันเป็นไปได้ยากที่ใครจะแอบซุกชู้เชียวแหละ เป็นคู่แบบว่า...มีปัญหาเมื่อไรค่อยแวะมานะ ฉันอยู่ตรงนี้คอยซัพพอร์ตเธอเสมอ (หัวเราะ) อบอุ่นไปอีกแบบ
ไอ้สองคู่นี้น่ะ แม.ร่.ง.ไม่มีวันคุยกันเรื่องชีวิตหลังแต่งงานแล้วเข้าใจกันหรอกค่ะ 5555 ฝ่ายหนึ่งไม่ขอมีพื้นที่ส่วนตัวเลย อีกฝ่ายตายแน่ถ้าไม่มีพื้นที่ส่วนตัว คู่แรกจะหึงหวงง่ายมาก แค่ห่างกันก็ไม่สบายใจละ ส่วนคู่หลังมีปัญหาเรื่องการคุยในหัวข้อที่คิดเห็นต่างกัน ทะเลาะกันไม่ยาก ต้องแยกไปสงบสติแล้วถึงจะคุยกันได้ใหม่โดยลืมๆ ไปเถอะว่าเคยมีเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้น ขืนอยู่บ้านเดียวกันตลอดเวลาคงเลิกกันแน่ๆ
ชีวิตคู่อะเนอะ ธรรมชาติของชีวิตคู่จะไม่มีแบบราบรื่นตลอดเส้นทางอยู่แล้ว เพราะถ้าราบเรียบไปหมายความว่ากำลังมีปัญหาไง
ส่วนมากแล้ว คู่แต่งงานส่วนใหญ่จะขอซ้อนวงกลมชีวิตแบบสักครึ่งหนึ่งใช่ไหมล่ะ กลางวันทำงานเลี้ยงชีพ กลางคืนคือเวลาของเธอ
แต่คู่ที่อยู่กันยืดจะเหมือนๆ กันหมดตรงที่ ความคิดเรื่องพื้นที่ทับซ้อนแมตช์กันพอดีค่ะ ซึ่งทำได้ผ่านการคุยเท่านั้น
คุณเจ้าของกระทู้อาจขอตกลงกับสามีได้ว่า เวลาเท่านี้ถึงเท่านี้ คือเวลาของครอบครัวนะ คุณจะเอาเวลาส่วนนี้ไปใช้กับคนอื่นไม่ได้ ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องไปก็ต้องบอกกันหรือหนีบฉันไปด้วย
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะ คนปกติก็ทำกัน แค่บางคู่เข้าใจกันอยู่แล้วเลยไม่ต้องคุย
ดังนั้น ที่สามีของคุณยังใช้เวลานอกบ้านอยู่มากจึงไม่ได้ดูผิดปกติเป็นพิเศษหรอก ก็มีครัวอื่นที่เป็นแบบนี้ ครัวที่โลกส่วนตัวของเราสองคนก็มี
ต้องคุยกันล่ะค่ะ
ฉันเชื่อว่าใครก็เข้าใจนะว่าแต่งงานแล้วจะใช้ชีวิตเหมือนโสดไม่ได้ 100% แต่ถ้าเขาไม่ชอบอยู่บ้าน คุณขอให้เขาอยู่บ้านแล้วก็ต้องยอมออกจากบ้านไปกับเขาด้วย คนรักกัน แบ่งๆ แชร์ๆ ไลฟ์สไตล์กันไปเถอะค่ะ
จะเปลี่ยนให้เขามาสร้างโลกกับคุณสองคนก็ยากพอๆ กับเปลี่ยนให้คุณมีกิจกรรมนอกบ้านเยอะนั่นแหละ
ก็ทำนองนี้ ลองดูนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
คุณรู้รึเปล่าว่าโลกใบนี้มีคนหลากหลายความคิดแค่ไหน
บางคนก็คิดเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ แต่งงานกันแล้วจะเหมือนก่อนแต่งได้ไง ทะเบียนสมรสคือใบอนุญาตให้เราหวานแหววกันได้มากขึ้น นี่คือคู่ชีวิตเชียวนะ คือคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่เอาใจใส่เขาที่สุดแล้วจะให้เอาใจใส่ใคร
แต่บางคนก็มองว่า ก่อนแต่งงานเหมือนกับหลังแต่งงานต่างหากจึงเรียกว่าดี เสมอต้นเสมอปลาย เคยมีความสุขเมื่อตอนโสดยังไง แต่งงานแล้วก็ยังได้อย่างนั้นแถมทำให้มีความสุขมากขึ้นอีก ชีวิตคู่ไม่ใช่กรงขัง แค่เสรีชนสองคนมีความรับผิดชอบในบางเรื่องร่วมกัน...แต่ทำอะไรก็คิดไว้แล้วกันว่าแต่งงานแล้วนะ (หัวเราะ) คุณจะได้อิสรภาพทุกอย่างยกเว้นความโสดว่างั้นเหอะ
คุณมีชีวิตหนึ่ง เขาก็มีชีวิตหนึ่ง
ทำให้เห็นภาพก็คือ คุณมีวงกลมชีวิตของตัวเอง เมื่อแต่งงาน ก็เหมือนวงกลมสองวงมาซัอนทับกันบางพื้นที่
คุณแค่ต้องคุยกับเขาว่าจะซ้อนทับกันถึงขั้นไหน

เพื่อนของฉันคู่นึง แต่งงานมา 6 ปีละ พวกเขาคือวงกลมที่ซ้อนทับกันแทบจะสนิทเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่คู่ชีวิตไม่รู้ ไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอด ทำงานที่เดียวกัน อาชีพตำแหน่งก็เหมือนกัน เป็นอะไรที่คนทั่วไปก็เข้าใจยากนิดนึงว่าอยู่กันได้ไง ไม่เบื่อบ้างเหรอ พวกเขาก็ไม่ได้เบื่อนะ มีความสุขกันดี เพื่อนๆ มองว่าคู่นี้สามารถตัดขาดสังคมได้เลย ขอแค่มีกันและกันก็พอแล้ว ในสายตาฉัน เพราะพวกเขามีความอะลุ่มอล่วยต่อกันและกันสูง อยู่ใกล้กันไปก็ไม่ตีกันหรอกค่ะ เธอว่าไงฉันว่าตาม เธอตัดสินใจไม่ได้งั้นฉันตัดสินใจให้ เลยกลายเป็นว่าทำอะไรด้วยกันเสมอ รู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว
ส่วนเพื่อนอีกคนนึงของฉันที่แต่งงานแล้ว 2 ปี พวกนางแต่งกันแบบเข้าใจยากเหมือนกัน แต่ต่างจากคู่แรกแบบสุดกู่ คือแต่งแล้วแยกอยู่กันคนละจังหวัด เดือนนึงสามีจะขับรถมาหาหรือภรรยาขับรถไปหาสักวีค หรือเจอกันเฉพาะวันหยุด ต่างฝ่ายต่างชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเยอะๆ อย่ามายุ่งกับฉันมากในตอนที่ฉันอยากอยู่กับตัวเอง ก็เห็นอยู่กันได้ดีเด่นะคะ ต่างคนต่างมีสังคม มีงานมีการที่แยกกันไป พอใจกับสเปซแบบนี้ ในสายตาฉัน พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูงกันทั้งคู่ ถ้าฉันจะเอาอย่างนี้หมายความว่าฉันไม่ยอมรับอย่างอื่นเลย เพราะงั้นถ้าอยู่ใกล้กันมากจะตีกันค่ะ แต่พวกเขามีความซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตสูงนะคะ ก็พอเข้าใจแหละว่าทำไมกล้าปล่อยอีกฝ่ายโผบินในโลกกว้างเพียงลำพังขนาดนั้น มันเป็นไปได้ยากที่ใครจะแอบซุกชู้เชียวแหละ เป็นคู่แบบว่า...มีปัญหาเมื่อไรค่อยแวะมานะ ฉันอยู่ตรงนี้คอยซัพพอร์ตเธอเสมอ (หัวเราะ) อบอุ่นไปอีกแบบ
ไอ้สองคู่นี้น่ะ แม.ร่.ง.ไม่มีวันคุยกันเรื่องชีวิตหลังแต่งงานแล้วเข้าใจกันหรอกค่ะ 5555 ฝ่ายหนึ่งไม่ขอมีพื้นที่ส่วนตัวเลย อีกฝ่ายตายแน่ถ้าไม่มีพื้นที่ส่วนตัว คู่แรกจะหึงหวงง่ายมาก แค่ห่างกันก็ไม่สบายใจละ ส่วนคู่หลังมีปัญหาเรื่องการคุยในหัวข้อที่คิดเห็นต่างกัน ทะเลาะกันไม่ยาก ต้องแยกไปสงบสติแล้วถึงจะคุยกันได้ใหม่โดยลืมๆ ไปเถอะว่าเคยมีเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้น ขืนอยู่บ้านเดียวกันตลอดเวลาคงเลิกกันแน่ๆ
ชีวิตคู่อะเนอะ ธรรมชาติของชีวิตคู่จะไม่มีแบบราบรื่นตลอดเส้นทางอยู่แล้ว เพราะถ้าราบเรียบไปหมายความว่ากำลังมีปัญหาไง
ส่วนมากแล้ว คู่แต่งงานส่วนใหญ่จะขอซ้อนวงกลมชีวิตแบบสักครึ่งหนึ่งใช่ไหมล่ะ กลางวันทำงานเลี้ยงชีพ กลางคืนคือเวลาของเธอ
แต่คู่ที่อยู่กันยืดจะเหมือนๆ กันหมดตรงที่ ความคิดเรื่องพื้นที่ทับซ้อนแมตช์กันพอดีค่ะ ซึ่งทำได้ผ่านการคุยเท่านั้น
คุณเจ้าของกระทู้อาจขอตกลงกับสามีได้ว่า เวลาเท่านี้ถึงเท่านี้ คือเวลาของครอบครัวนะ คุณจะเอาเวลาส่วนนี้ไปใช้กับคนอื่นไม่ได้ ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องไปก็ต้องบอกกันหรือหนีบฉันไปด้วย
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะ คนปกติก็ทำกัน แค่บางคู่เข้าใจกันอยู่แล้วเลยไม่ต้องคุย
ดังนั้น ที่สามีของคุณยังใช้เวลานอกบ้านอยู่มากจึงไม่ได้ดูผิดปกติเป็นพิเศษหรอก ก็มีครัวอื่นที่เป็นแบบนี้ ครัวที่โลกส่วนตัวของเราสองคนก็มี
ต้องคุยกันล่ะค่ะ
ฉันเชื่อว่าใครก็เข้าใจนะว่าแต่งงานแล้วจะใช้ชีวิตเหมือนโสดไม่ได้ 100% แต่ถ้าเขาไม่ชอบอยู่บ้าน คุณขอให้เขาอยู่บ้านแล้วก็ต้องยอมออกจากบ้านไปกับเขาด้วย คนรักกัน แบ่งๆ แชร์ๆ ไลฟ์สไตล์กันไปเถอะค่ะ
จะเปลี่ยนให้เขามาสร้างโลกกับคุณสองคนก็ยากพอๆ กับเปลี่ยนให้คุณมีกิจกรรมนอกบ้านเยอะนั่นแหละ
ก็ทำนองนี้ ลองดูนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกแย่ สามีมีกิจกรรมเยอะเกิน จนเรารู้สึกว่าเวลาสำหรับเรา น้อยไป 😢