เช้าวันที่ 4 ธันวาคม เหมือนทุกวันที่ผ่านมา ยังไม่เช้าเลย ลุกมาเข้าห้องน้ำอีกแล้ว อากาศเย็นมาก น้ำค้างไม่จัดเพราะที่นี่ลมค่อนข้างแรง ถ้าไม่นับรอบที่ลุกมาเข้าห้องน้ำเมื่อคืน บรรยากาศดีมาก มองเห็นแนวถนนเส้นท่าวังผ่าที่ขึ้นมาจากตลาดท่าวังผ่าด้วย นั่งมองดูจากหน้าเต็นท์สักพักจนฟ้าเริ่มสาง ก็ได้เวลาทำพิธีบูชายัญแสงแรกของวันนี้

            จากนั้นก็ได้เวลาเตรียมของมานั่งทำพิธีตรงม้านั่งล้อเกวียนข้างๆเต็นท์ ชมวิวกับหมอกจางๆ แต่บรรยากาศดีเหมือนทุกๆวัน หลังบูชายัญเสร็จผมก็เก็บอุปกรณ์ แล้วกะว่าจะไปร้านน้าต้อย ไปหามื้อเช้ากินก่อน

            พอมาถึงที่ร้านผมสั่งไข่กะทะมากินพร้อมนั่งพูดคุยกับน้าต้อยพี่แต็ว และเช้านี้ผมได้เจอกับพี่หมวย กับแฟน มาจากกรุงเทพฯเหมือนกัน เราก็เลยนั่งคุยเล่นกันจนสายแดดเริ่มออกผมก็ขอตัวไปเก็บเต็นท์และอุปกรณ์ แดดน่าจะเผ่าจนแห้งแล้ว

          แล้วผมก็กลับมาที่ตรงที่ผมกางเต็นท์ เพื่อเก็บเต็นท์และข้าวของสัมภาระ ระหว่างเก็บปรากฏว่าหมอกกับก่อตัวขึ้นมาซะงั้น กลายเป็นว่าพอเก็บของเสร็จก็ต้องมานั่งเล่นที่ร้านน้าต้อยอีกเพื่อรอให้หมอกจาง เพราะถ้าลงไปจากอุทยานฯตอนนี้ อาจลื่นและเกิดอุบัติเหตุได้เพราะถนนที่แยกจากทางลาดยางขึ้นมาตัวอุทยานฯ เป็นดินแข็งและชันถ้ามีน้ำ หรือไอชื้นจากหมอก จะทำให้ลื้นได้ พอเก็บเต็นท์เสร็จก็ทำกิจส่วนตัวจนเสร็จ ก็จะแวะไปสอบถามจนท.ที่ออฟฟิศทำการ ตอนมาถึงเจอคุณตาคุณยายที่เจอกันเมื่อวาน ก็เลยนั่งคุยกับแกอยู่ซักแปป ปรากฏว่าแกสองคนตายายขับรถยนต์มากันเองจากกรุงเทพฯ สองตายายอายุแปดสิบกว่าทั้งคู่ คุณตาเป็นอดีตทหารบินเก่าร่างกายยังสุขภาพดีอยู่ แค่หูไม่ค่อยได้ยินนิดหน่อย คุณยายก็สุขภาพดีแต่ขาไม่ค่อยดีต้องใช้ไม้เท้าช่วย แต่ขับรถมากันสองคนตายาย นอนกันในรถตู้สองคน ดูแลกันดี พอพูดคุยกันเสร็จแกก็เลยขยับรถไปจอดตรงใกล้ลานกางเต็นท์ที่ผมนอนเมื่อคืน

           ผมก็เลยลาแกและขอตัวไปนั่งคุยนั่งเล่นรอเวลาที่ร้านน้าต้อยจนเกือบสิบเอ็ดโมงกว่าหมอกจะจาง ก็ต้องรอให้ถนนดินหมาดซะก่อนถึงค่อยลงได้ ผมเลยตัดสินใจทานข้าวเที่ยงที่ร้านน้าต้อยอีกมื้อ มื้อนี้ผมสั่งน้ำตกเนื้อ กับข้าวเหนี่ยว ทานจนอิ่ม เท่ากับ มื้อเช้า กับเที่ยง ผมจ่ายค่าข้าวไปรวม 130 บาท ระหว่างที่ทานและพูดคุยกับพวกน้าต้อย และพี่หมวย น้าต้อยชวนให้มาซื้อที่ทำกินอยู่ที่นี่ด้วยกันเลย ผมก็ว่าน่าสนอยู่ถ้ามีตังค์  หลังจากนั้นก็ล่ำลากันและเริ่มออกเดินทางต่อ วันนี้ปลายทางผมคือ เข้าไปเที่ยวที่ตัวจังหวัดน่าน และไปนอนบ้านลุงกับป้าที่บ้านไหล่น่าน อำเภอเวียงสา หลังจากลาพวกพี่เสร็จผมก็ขี่รถออกจากอุทยานฯ ลงมาตามทางที่ขึ้นมาเมื่อวาน ขาลงวันนี้ผมตั้งใจแวะไปดูน้ำตกสันติสุข เพราะเมื่อวานเห็นว่าอยู่ระหว่างทางขึ้น วันนี้ขาลงขอแวะดูหน่อย

            เมื่อผมแวะมาถึงก็ตามที่เห็นแหละครับ มันน่านักอย่างว่ามาตอนนี้มีน้ำไหลหน่อยก็พอได้เห็นธารน้ำจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ และแวะถ่ายรูปตามทางเป็นระยะ จนเข้าตัวน่าน ถึงแวะเติมน้ำมันถังแรกของวันนี้อีก 70 บาท จากนั้นถึงโทรหารุ่นพี่ผมคนหนึ่งเป็นคนน่านแท้ๆ ว่านอกจากวัดภูมินทร์ รูปปู่ม่านย่าม่าน แล้วมีที่ไหนต้องแวะอีก แกแนะนำว่าต้องไป วัดพระธาตุเขาน้อย กับ วัดพระธาตุแช่แห้ง ผมจึงแวะไปไหว้พระทั้งสองวัดนี้อีก

            ถึงจะเริ่มเดินทางไปบ้านลุงกับป้าที่ เวียงสา จากนั้นผมก็มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองเพื่อไป อำเภอเวียงสา ผมขี่น้ององุ่นออกมาทางหลังวัดข้ามแม่น้ำน่านมาถนนใหญ่วิ่งมาจนถึงเวียงสา และเข้ามาถึงบ้านลุงกับป้าที่ บ้านไหล่น่าน อ.เวียงสา หลังจากกราบสวัสดีลุงกับป้า พี่ๆน้าๆที่ไม่ได้เจอกันนานมาก พี่เขาก็บอกว่า วันนี้ในตัวเทศบาลเวียงสามี งานอนุสรณ์รอยพระบาทแรกแห่งแผ่นดินน่าน อยากไปเดินเที่ยวไหม ผมก็เลยไม่พลาด หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จอาบน้ำเรียบร้อย เอาเสื้อผ้าไปโยนลงเครื่องปั่นผ้าเสร็จก็ขี่รถไปเที่ยวงานที่เทศบาล

            งานนี้เหมือนงานวัด แต่หัวใจของงานคือ เพื่อระลึกถึง เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 เสด็จฯพระราชดำเนินมาที่จังหวัดน่านครั้งแรกที่อำเภอเวียงสา และทรงพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ และเสด็จฯมาอีกหลายครั้งเพื่อติดตามและให้แนวทางเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆที่ทรงรับสั่งไว้ และเดินดูสิ่งของที่เป็น อนุสรณ์อีกอย่างที่ผมชอบมาก แล้วจะหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังต่างหาก คือ รถบดไอน้ำ หลังจากนั้นก็เดินกินเดินเที่ยวเดินดูงานอีกพักใหญ่ ถึงกลับบ้านลุงบ้านป้า ที่งานกินน้ำกับขนม หมดไปอีก 70 บาท

            พอกลับมาถึงที่บ้านกำลังยุ่งเตรียมของงานบวชหลานเขยที่นี่น้าผมเลยให้ผมไปนอนที่ร้านกาแฟ แฝดคอฟฟี่@ไหล่น่าน ของที่บ้าน ผมก็เลยเก็บของที่ต้องใช้เอาไปและไปขึ้นนอนที่ร้านกาแฟ และสำหรับคืนนี้สวัสดีครับ...