สวัสดีค่ะ วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ทำงานทั้ง "ตรงสาย" และ "ไม่ตรงสาย" และเคยเป็นฟรีแลนซ์ด้วยค่ะ ยาวมากนะคะ ><
การศึกษา: จบป.ตรีครุศาสตรบัณฑิต ได้ใบประกอบวิชาชีพติดตัวมาตามหลักสูตร5ปีเลยค่ะ
ระยะเวลา: 2012- มกรา 2021
สรุปย่อสุดๆ: เป็นครูอัตราจ้างหลังจบป.ตรี>ลาออกจากครู>เป็นฟรีแลนซ์สักพัก ลงเรียนภ.ญปไปด้วย>พนง.ชั่วคราว>ไปเรียนรร.ภาษาที่ญป 1ปี>กลับไทยสมัครงานบ.ญป
ในรายละเอียดคือชีวิตลุ่มๆดอนๆก่อนจะลืมตาอ้าปากได้ ช่วงนี้เรื่องที่จะไปเรียนต่างประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ก็จริง แต่ที่เรามาเขียนเพราะแค่อยากแชร์เป็นแนวทางว่าเราเลือกที่จะมุ่งมั่นกับอะไรแล้วผลออกมาเป็นยังไง เป็นกำลังใจให้บางคนที่อาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนสายงาน
อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองด้วยค่ะ แรกๆเราก็นอยนะเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าตั้งใจ ทุ่มเททำอะไรสักอย่าง เชื่อสิว่ามันจะดีขึ้นกว่าตัวเราเองคนเมื่อวาน เทียบกับตัวเองนี่แหละค่ะ ซึ่งเราก็ยอมรับเลยว่าจังหวะเราอาจจะดี แต่ก่อนที่จะได้งานที่ปัจจุบันนี้ก้ไปเจออะไรแย่ๆมา เศร้ามากแต่มันผ่านไปแล้ว ยังไงก็ขอให้หาจุดไปต่อของตัวให้ได้ค่ะ
• งานที่ 1 ครูอัตราจ้างรร.A
ระหว่างรอรับปริญญาก็ได้งานครูอัตราจ้างที่รร.รัฐแห่งหนึ่งขอแทนว่า รร.A สอนม.4 เป็นที่ๆเราเคยฝึกสอนและครูที่นั่นโทรมาเสนองาน ก็ไปทำเพราะคุ้นเคยกับสถานที่ด้วย ทำไปสัก2เดือนก็สอบบรรจุ เลือกเขตของสพฐ. สอบติดได้ที่3ของเขต ตรงนี้ขอข้ามดีเทลไปในส่วนที่ทำให้เราเปิดหูเปิดตามากกับอืม ระบบราชการ รัฐเขาทำกันอย่างนี้นี่เอง... ในที่สุดก็ตัดสินใจสละสิทธิ์ เครียดมากนะจริงๆ
เราไม่ได้อยากเป็นข้าราชการ แต่เราอยากสอนศิลปะในแบบของเรา การสละสิทธิ์ครั้งนี้กดดันหลายๆอย่างแต่เชื่อตัวเองมากที่สุด ไม่บรรจุละกันแต่ยังอยากทำงานนี้อยู่
• งานที่ 2 ครูอัตราจ้างรร.B
สมัครเป็นครูอัตราจ้างอีกรร.นึง สมัครไปตามประกาศรับของเขาขอแทนว่ารร.B ชื่อดังอันดับต้นๆเลย พอเข้าไปอืม...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนั้นคือมีอุดมการณ์ เรารู้ว่าเราโตมากับวิชาศิลปะที่เป็นคาบว่างบ้าง ไม่สำคัญบ้าง แต่เราอยากปรับมุมมองที่มีต่อศิลปะ สิ่งที่เราทำอย่างเต็มที่ ณ ตอนนั้นคือสร้างบรรยากาศ พยายามสอนแบบสร้างสรรค์ ใช้สื่ออะไรใหม่ๆ ทำวีดีโอวาดการ์ตูนเพราะนร.ต่อห้องเยอะ และจำนวนห้องของงร.ขนาดใหญ่พิเศษก็เยอะ แค่หันหลังเขียนกระดานเด็กก็ไม่สนใจแล้ว ก็ทำสไลด์สอนให้มันน่าสนใจ เปิดวีดีโอสื่อต่างๆ เปิดเพลงในห้องเรียนได้ แต่นร.ก็ต้องอยู่ในขอบเขต พยายามทำให้ชั้นเรียนสนุกขึ้นนะ ใช้ความที่ยังอายุน้อยตอนนั้นเข้าถึงกับนร. เราไม่หัวโบราณนะแต่ก็ต้องให้เกียรติกันในฐานะครู-นร.ด้วยเหมือนกัน ใช่แหละ นร.ที่เขาสนุกหรือคนที่เริ่มรู้สึกโอเคกับคาบเรียนศิลปะของเราก็มี มันมีดีเทลเยอะมาก แต่ในหลายๆมิติของระบบราชการ ระบบการศึกษา
กลายเป็นว่าเรายิ่งทำงานยิ่งสุขภาพจิตไม่ดีเลย ทำให้เราฉุกคิดว่าไม่ใช่ที่ของเราละ เราไม่เหมาะกับระบบนี้แน่ๆ
รวมๆรร.A,รร.B ก็เกือบ2ปี อะไรหลายๆอย่างทำให้เราเลือกที่จะพอกับเส้นทางนี้ หลายๆคนบอกให้ไปเป็นครู รร.เอกชน แต่ความคิดของเราคืออยากให้คลาสเรียนศิลปะในรร.รัฐแบบที่เราเรียนมาอะมันน่าสนใจ ในเมื่อรั้นเลือกทำก็เลือกเลิกเองนักเลงพอ 555+
• งานที่ 2.1 สอนพิเศษศิลปะเด็ก (งานพิเศษ)
ตอนเป็นครูอัตราจ้าง รร.B นั้นก็ไปสอนพิเศษด้วย เสาร์-อาทิตย์ สถาบันสอนศิลปะเด็กในeducation zoneที่ห้างฯ ทำ10เช้าเลิก6โมงเย็น แต่ไปจริงๆก็9โมงเช้าเลิกทุ่มกว่า เตรียมของเก็บของ ได้วันละ500บาท กลับบ้านนอนเป็นซอมบี้อะ555 อดทนทำงาน7วันอยู่ครึ่งปี เพราะเงินเดือนครูที่รร.Bไม่ถึงหมื่นห้า บวกกับเครียด รู้สึกอยากให้ทุกๆวันมันผ่านไปไวๆเพราะเราเลือกสละสิทธิ์ ได้เงินเดือนน้อยกว่าเดิม เหมือนทุกคนผิดหวังในตัวเราแม้แต่ตัวเราเอง แต่เราไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกลาออกในที่สุด
• งานที่ 3 ฟรีแลนซ์
ลาออกมาแบบไม่มีงานรองรับค่ะ ลองไปคุยกับเพื่อน,รุ่นน้องได้งานเกี่ยวกับหนังสือ ประสานงานแล้วก็พวกงานกราฟิกทั่วๆไป คือเราจบสาขาศิลปะมาแต่เราไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ ที่มั่นใจที่สุดก็คืองานสอน แต่ก็ทำๆไปรับจ๊อบเรื่อยๆ การเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่ได้มีฝีมือหรือจุดเด่นก็ยากเหมือนกันค่ะ ได้เงินมาก็แทบไม่พอใช้ใช้เงินเก็บไปด้วย
• เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ส.ส.ท. 5 เดือน
งานฟรีแลนซ์ชักทำชักยืดเยื้อไม่จบตามกำหนดไม่ได้เงินสักที หรือได้ก็ไม่ค่อยคุ้มเลยคิดว่าอยากหางานประจำแล้ว แต่จะไปทำอะไรมีประสบการณ์เป็นครูอย่างเดียว ต้องหาสกิลใหม่ๆแล้วเลยตัดสินใจลงเรียนภ.ญปแบบคอร์สเร่งรัด จ.-ศ. ครึ่งวันเช้าค่ะ ครึ่งวันบ่ายก็ทำงานซึ่งมีบ้างไม่มีบ้าง เรียนต่อเนื่องจนจบมินนะโนะ4เล่ม กินเวลา 5เดือนกว่า ก็คือเริ่มเรียนจากศูนย์เลย ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน นอกจากการ์ตูนพากย์ไทยที่ดูมาตั้งแต่เด็กกับโคนันก็ไม่ได้อินอะไรกับ"ภาษาญี่ปุ่น"
เหตุผลที่เรียนภ.ญป: จริงๆแล้วเป็นติ่งเกาหลีเคยลงเรียนภ.เกาหลีแบบงานอดิเรก เรียนเพราะอิน แต่พอมองว่าจะเปลี่ยนสายงานแล้วจะมีสกิลอะไรที่เป็นจุดขายให้ตัวเองเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ (5-6ปีก่อน) อะภ.ที่3นี่แหละ เพราะภ.อังกฤษก็กลางๆแล้วคงไปแข่งขันกับคนที่เก่งๆซึ่ีงมีเยอะมากไม่ได้ มาเลือกดูตัวเลือก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เกาหลีเคยเรียนมานิดหน่อยแต่จะทำงานด้านไหนล่ะ ญี่ปุ่นน่าจะมีบ.เยอะมากกว่า มีงานหลากหลายแขนงกว่า ส่วนจีนก็คือไม่ค่อยอินกับวัฒนธรรม สรุปว่าเลือกญี่ปุ่นนี่แหละ
• งานที่ 4 พนักงานสัญญาจ้าง
พอเรียนจบภ.ญปชั้นต้นก็เริ่มมีความสนใจติดต่อพวก education center หาข้อมูล รร.คำนวณค่าใช้จ่าย จะไปเรียนต่อที่ รร.ภาษาที่ญป ก่อนจะไปก็ยังมีเวลาอีกครึ่งปี เราเลยหางานทำที่ได้ใช้ภ.ญป ตอนนั้นไม่มีผลสอบค่ะ ยังไม่ได้สอบ แต่ก็ไปสัมภาษณ์งาน ได้ทำเป็นสัญญาจ้าง5เดือน เลยได้มีโอกาสคุยกับคนญป ได้ใช้ภ.ญปพื้นๆ และได้เพื่อนคนญปที่ยังติดต่อกันจนทุกวันนี้ เป็นงานที่สมาคมฯ ตำแหน่งประสานงาน เงินเดือนหมื่น6 ทำงานเพื่อเก็บเงินเอาไว้สมัครเรียนที่ญปอย่างเดียวเลยค่ะ แบบมีเป้าหมายในชีวิตขึ้นมาละ
• เรียนภาษาญี่ปุ่นที่รร.ในโตเกียว 1 ปี
ในระหว่างทำงานที่ 4 ก็เตรียมตัวไปเรียนด้วย สมัครเรียนผ่าน education center เจ้าหนึ่งในไทย แต่เลือกหาที่พักเอง จากคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนในชีวิต นั่งเสิร์ชเนตไปเรื่อยๆ อ่านทุกอย่างหาข้อมูล ดูแผนที่ว่าเดินทางจากรร.ยังไงสะดวก แล้วก็ได้ข้อสรุปจอง Share house ไปโดยต้องไปอยุ่กับรูมเมทซึ่งเป็นใครไม่รู้เหมือนกัน เพราะห้องคู่จะถูกกว่าห้องเดี่ยวมาก จองบนเว็บจากไทยตัดบัตรเครดิตแล้วไปถึงญปก็เดินทางไปออฟฟิศเขาเพื่อยืนยัน จองล่วงหน้าหลายเดือนก็นึกไม่ออกว่าถ้าไปถึงแล้วโดนเทขึ้นมาจะทำยังไง555 แต่ก็เห็นเขาเชื่อถือได้แหละ
เรื่องการไปเรียนที่โตเกียวนั้น เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายตัวเองหมดค่ะ ฐานะปานกลางทั่วไป ใช้เงินเก็บและรายได้พิเศษที่สะสมมาตั้งแต่เรียนมหาลัยด้วย เงินเดือนที่กัดฟันเก็บมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และตอนนั้นมีรายได้จาก Line creator มาพอสมควร เลยพอจะมีงบในการไป ส่วนที่เหลือต้องไปหางานพิเศษทำ ทีแรกก็จ่ายค่าเทอมไป6เดือน ถ้าไม่ไหวจริงๆก็กลับ แต่ใจอยากเรียนครบ1ปี พออยู่ไปทั้งทำงานพิเศษ ทำร้านอาหารเกาหลีที่แรก ชิวิตไม่ได้สสวยหรูเลยค่ะทำงานหนักเหลือเกินแม่จ๋า555 รู้ซึ้งว่าทำงานกับเกาหลีนี่โหดแท้ แต่เพื่อเงินนะมีช่วงกลับมาร้องไห้ตอนอาบน้ำทุกคืน แล้วก็ถึงจุดที่ลาออกไปหางานใหม่ ทำร้านเบนโตะที่เป็นchainของบ.ญป ทำให้เราได้ฝึกภาษามากขึ้น แล้วก็รับงานจากที่ไทยได้รายได้เข้ามาเสริมๆกัน (เรารับงานวาดรูป ออกแบบ) ที่มีรบกวนที่บ้านก็คือค่าโทรศัพท์รายเดือน เพราะต้องตัดบัตรเครดิต เลยต้องขอให้ที่บ้านคอยจ่ายรายเดือนให้ และค่าห้องเดือนสุดท้ายที่รูดบัตรเพราะเอาเงินสดไว้ใช้ยามฉุกเฉินก่อนกลับ
พอเรียนไปครึ่งปีก็ถึงรอบสอบ ตอนนั้นลงN3ไปก็สอบผ่าน (เข้าเรียนเทอมต.ค. สอบก.ค. กลับสิ้นเดือนก.ย.) เรากลัวว่าถ้าลงN2ตอนนั้นตกแน่ แล้วกลับไทยคงจะไม่มีอะไรติดตัวมา ตัดสินใจได้อย่างนั้นก็ได้N3กลับมาสมัครงานค่ะ ก็ถูไถอยู่ไปได้จนครบปี เป็น 1 ปีที่ไม่ได้กลับไทยเลย แต่ที่บ้านบินไปหาครั้งนึง ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย เราก็คิดว่าเออเราสบายๆ เราไหวแต่ทำไมตอนวันที่แม่กลับ โอยร้องห่มร้องไห้เก็บทรงไม่อยู่เลย T_T
• งานที่ 5 พนักงานบ.ญป C
กลับมาเข้าเดือน ต.ค. นอนแห้งอยู่2เดือนกว่าจะได้งานที่บ.เล็กๆที่นึงในกรุงเทพบ้านเกิดนี่แหละ งานประสานงานเพราะคิดว่าทำได้ แต่บ.ก็แปลกๆอีกไม่เอาสัญญาให้เซ็นสักที มีเรื่องที่อิหยังวะเยอะแยะมากมายตั้งแต่เดือนแรก พอผลสอบJLPTรอบ ธ.ค. ออกมาว่าผ่านแบบหวุดหวิด ก็เลยรีบหางานใหม่ รันวงการหว่านเรซูเม่ค่ะ555 ก่อนสอบมีไปลงติววันนึงด้วยค่ะ คือเราเชื่อในการลงทุนกับการศึกษามาก ตอนเรียนอยู่ที่ญป คือทำงานดึกแค่ไหนก็ไม่เคยขาดเรียนค่ะ เสียดายเงินค่ะ ต้องเอาให้คุ้ม เพราะถ้าเวลามันล่วงเลยไปแล้วเราย้อนคืนมาไม่ได้
• งานที่ 6 พนักงานบ.ญป D
เป็นบ.ญปด้านไอทีที่มีสวัสดิการเป็นรูปเป็นร่างกว่าบ.C มาก คนใกล้ตัวแนะนำว่าที่นี่โอเคเลยเพราะเป็นบ.ในเครือบ.ญปที่ค่อนข้างใหญ่แต่เราไม่รู้จักหรอก ไม่เคยทำงานบ. เราก็ดีใจมากที่ได้งานที่นี่เพราะตอนสัมฯ MDญปบอกว่าจะมีส่งไปเทรนที่ ญปด้วย
ไม่ใช่งานล่ามเต็มตัวค่ะ เป็นJapanese speaking แปล,ล่ามบ้าง,ประสานงาน,มีงานsupport ถามตอบลูกค้าด้วย ใช้ทั้งภ.อังกฤษ/่ญป เงินเดือนก็ดีแบบก้าวกระโดดเทียบกับก่อนไปญปและได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย ทำไปสัก 3ปี บ.สั่นคลอนค่ะ555 มีการเปลี่ยนโครงสร้างอนาคตไม่มั่นคงเลยก็เลยหางานใหม่อีกแต่เป็นงานที่ชอบนะ(ส่วนของเนื้องาน) ได้มีโอกาสไปต่างประเทศจากงานที่นี่หลายครั้งด้วย เป็นประสบการณ์ที่เลอค่าถึงแม้ระหว่างนั้นมันจะมีเรื่องที่เฟลๆเยอะเหมือนกัน กราฟจากสูงค่อยๆร่วงลงๆ
• งานที่ 7 พนักงานบ.ญป E
หางานใหม่ มกรา2020 งานหายากแล้วนะแต่ก็ได้งานที่บ.E คนละตำแหน่งกับที่ทำมาเลย เป็นแนวAdmin ทำจิปาถะเพราะบ.เพิ่งตั้งแต่ตัวบ.แม่มีชื่อเสียงเราเลยพลาดหลวมตัวเชื่อใจ โอ้โหเข้าไป2วันแรกก็คือ ช็อกกุเดส(สำเนียงญป) นี่มันบ.อะไรเนี่ยเส็งเคร็งมาก ออฟฟิศสวยหรู คนญปตอนสัมฯกับตอนเราเข้ามาทำจริงคือคนละเรื่องเลย มีpower harassmentด้วย คนเข้าออกแบบถี่ยิบก็ไม่แปลกใจหรอก
นี่เลยคิดว่าไม่ใช่แล้ว อยู่ต่อไปไม่ได้แล้วไม่ชอบมาพากลสุดๆ โอ้ยต้องหางานใหม่อีกแล้วหรือ ใช่! รับไม่ได้กับความไม่สุจริตหลายอย่าง รีบหางานใหม่ด่วนๆๆ เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเข้ามาตามๆกันก็แบบ โดนแกงแล้วแบบนี้
กุมภา 2020 ก่อนโควิดจะรุนแรงขึ้นในรอบแรก งานหายากมากจริงแต่เราก็ตั้งหน้าตั้งตาหา รีครูทนี่อย่างเงียบผิดกับตอนกลับมาจากญปใหม่ๆมาก โลกหมุนไวเหลือเกินพี่จ๋า ไปสัมฯ 3ที่ หาเอง2 รีครูทเสนอมา1 แล้วก็ได้งานใหม่ตอนมีนา แบบแต้มบุญหรืออะไรก็ตามทำให้หลุดพ้นจากบ.E มาได้ ก่อนเขาให้เริ่มWFH ช้ากว่านี้คงจะไม่ได้งานแน่เลย...
• งานที่ 8 พนักงานบ.ญป F (ปัจจุบัน)
เป็นล่ามญี่ปุ่นค่ะ ด้านไอทีอย่างที่ชอบ บ.นี้ใกล้บ้านได้เงินเดือนตามที่คาดหวัง สวัสดิการดีมาก มีกฎระเบียบชัดเจน เป็นระบบที่สุดเท่าที่เคยเจอมา555 เป็นบ.ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาเช่นกัน งานล่ามครั้งแรกในชีวิต ถึงจะได้ภาษาใช่ว่าจะทำงานล่ามได้นะ ก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่เพราะงานเดิมเราประสานงานกับทีมเรารุ้โปรเกรส เราพูดคุยแปลความตามความเข้าใจ แต่งานล่ามคือพูดมาแล้วแปลเลย จะหยุดอึ้งก็ลืมเนื้อหาไปแล้ว ปรับตัวอยู่พักใหญ่ก็อยู่มาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ ยังสงบสุขดีค่ะ พยาพยามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ
จบค่ะ พอมานั่งลิสต์แบบนี้ก็พบว่าทำงานมาเกือบ10ที่แล้วเหรอ555
ถ้าใครอ่านจนจบและอยากคุยเรื่องแนวทางการเรียนภ.ญป รายละเอียดการฝึก หรือหนังสือ ถ้าสนใจเรามาแนะนำเพิ่มเติมให้ได้ค่ะ
แชร์ประสบการณ์เปลี่ยนสายงานจากครูอัตราจ้างสอนศิลปะเป็นล่ามญี่ปุ่น(พนักงานประจำ)
การศึกษา: จบป.ตรีครุศาสตรบัณฑิต ได้ใบประกอบวิชาชีพติดตัวมาตามหลักสูตร5ปีเลยค่ะ
ระยะเวลา: 2012- มกรา 2021
สรุปย่อสุดๆ: เป็นครูอัตราจ้างหลังจบป.ตรี>ลาออกจากครู>เป็นฟรีแลนซ์สักพัก ลงเรียนภ.ญปไปด้วย>พนง.ชั่วคราว>ไปเรียนรร.ภาษาที่ญป 1ปี>กลับไทยสมัครงานบ.ญป
ในรายละเอียดคือชีวิตลุ่มๆดอนๆก่อนจะลืมตาอ้าปากได้ ช่วงนี้เรื่องที่จะไปเรียนต่างประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ก็จริง แต่ที่เรามาเขียนเพราะแค่อยากแชร์เป็นแนวทางว่าเราเลือกที่จะมุ่งมั่นกับอะไรแล้วผลออกมาเป็นยังไง เป็นกำลังใจให้บางคนที่อาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนสายงาน
อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองด้วยค่ะ แรกๆเราก็นอยนะเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าตั้งใจ ทุ่มเททำอะไรสักอย่าง เชื่อสิว่ามันจะดีขึ้นกว่าตัวเราเองคนเมื่อวาน เทียบกับตัวเองนี่แหละค่ะ ซึ่งเราก็ยอมรับเลยว่าจังหวะเราอาจจะดี แต่ก่อนที่จะได้งานที่ปัจจุบันนี้ก้ไปเจออะไรแย่ๆมา เศร้ามากแต่มันผ่านไปแล้ว ยังไงก็ขอให้หาจุดไปต่อของตัวให้ได้ค่ะ
• งานที่ 1 ครูอัตราจ้างรร.A
ระหว่างรอรับปริญญาก็ได้งานครูอัตราจ้างที่รร.รัฐแห่งหนึ่งขอแทนว่า รร.A สอนม.4 เป็นที่ๆเราเคยฝึกสอนและครูที่นั่นโทรมาเสนองาน ก็ไปทำเพราะคุ้นเคยกับสถานที่ด้วย ทำไปสัก2เดือนก็สอบบรรจุ เลือกเขตของสพฐ. สอบติดได้ที่3ของเขต ตรงนี้ขอข้ามดีเทลไปในส่วนที่ทำให้เราเปิดหูเปิดตามากกับอืม ระบบราชการ รัฐเขาทำกันอย่างนี้นี่เอง... ในที่สุดก็ตัดสินใจสละสิทธิ์ เครียดมากนะจริงๆเราไม่ได้อยากเป็นข้าราชการ แต่เราอยากสอนศิลปะในแบบของเรา การสละสิทธิ์ครั้งนี้กดดันหลายๆอย่างแต่เชื่อตัวเองมากที่สุด ไม่บรรจุละกันแต่ยังอยากทำงานนี้อยู่
• งานที่ 2 ครูอัตราจ้างรร.B
สมัครเป็นครูอัตราจ้างอีกรร.นึง สมัครไปตามประกาศรับของเขาขอแทนว่ารร.B ชื่อดังอันดับต้นๆเลย พอเข้าไปอืม...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กลายเป็นว่าเรายิ่งทำงานยิ่งสุขภาพจิตไม่ดีเลย ทำให้เราฉุกคิดว่าไม่ใช่ที่ของเราละ เราไม่เหมาะกับระบบนี้แน่ๆ
รวมๆรร.A,รร.B ก็เกือบ2ปี อะไรหลายๆอย่างทำให้เราเลือกที่จะพอกับเส้นทางนี้ หลายๆคนบอกให้ไปเป็นครู รร.เอกชน แต่ความคิดของเราคืออยากให้คลาสเรียนศิลปะในรร.รัฐแบบที่เราเรียนมาอะมันน่าสนใจ ในเมื่อรั้นเลือกทำก็เลือกเลิกเองนักเลงพอ 555+
• งานที่ 2.1 สอนพิเศษศิลปะเด็ก (งานพิเศษ)
ตอนเป็นครูอัตราจ้าง รร.B นั้นก็ไปสอนพิเศษด้วย เสาร์-อาทิตย์ สถาบันสอนศิลปะเด็กในeducation zoneที่ห้างฯ ทำ10เช้าเลิก6โมงเย็น แต่ไปจริงๆก็9โมงเช้าเลิกทุ่มกว่า เตรียมของเก็บของ ได้วันละ500บาท กลับบ้านนอนเป็นซอมบี้อะ555 อดทนทำงาน7วันอยู่ครึ่งปี เพราะเงินเดือนครูที่รร.Bไม่ถึงหมื่นห้า บวกกับเครียด รู้สึกอยากให้ทุกๆวันมันผ่านไปไวๆเพราะเราเลือกสละสิทธิ์ ได้เงินเดือนน้อยกว่าเดิม เหมือนทุกคนผิดหวังในตัวเราแม้แต่ตัวเราเอง แต่เราไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกลาออกในที่สุด
• งานที่ 3 ฟรีแลนซ์
ลาออกมาแบบไม่มีงานรองรับค่ะ ลองไปคุยกับเพื่อน,รุ่นน้องได้งานเกี่ยวกับหนังสือ ประสานงานแล้วก็พวกงานกราฟิกทั่วๆไป คือเราจบสาขาศิลปะมาแต่เราไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ ที่มั่นใจที่สุดก็คืองานสอน แต่ก็ทำๆไปรับจ๊อบเรื่อยๆ การเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่ได้มีฝีมือหรือจุดเด่นก็ยากเหมือนกันค่ะ ได้เงินมาก็แทบไม่พอใช้ใช้เงินเก็บไปด้วย
• เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ส.ส.ท. 5 เดือน
งานฟรีแลนซ์ชักทำชักยืดเยื้อไม่จบตามกำหนดไม่ได้เงินสักที หรือได้ก็ไม่ค่อยคุ้มเลยคิดว่าอยากหางานประจำแล้ว แต่จะไปทำอะไรมีประสบการณ์เป็นครูอย่างเดียว ต้องหาสกิลใหม่ๆแล้วเลยตัดสินใจลงเรียนภ.ญปแบบคอร์สเร่งรัด จ.-ศ. ครึ่งวันเช้าค่ะ ครึ่งวันบ่ายก็ทำงานซึ่งมีบ้างไม่มีบ้าง เรียนต่อเนื่องจนจบมินนะโนะ4เล่ม กินเวลา 5เดือนกว่า ก็คือเริ่มเรียนจากศูนย์เลย ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน นอกจากการ์ตูนพากย์ไทยที่ดูมาตั้งแต่เด็กกับโคนันก็ไม่ได้อินอะไรกับ"ภาษาญี่ปุ่น"
เหตุผลที่เรียนภ.ญป: จริงๆแล้วเป็นติ่งเกาหลีเคยลงเรียนภ.เกาหลีแบบงานอดิเรก เรียนเพราะอิน แต่พอมองว่าจะเปลี่ยนสายงานแล้วจะมีสกิลอะไรที่เป็นจุดขายให้ตัวเองเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ (5-6ปีก่อน) อะภ.ที่3นี่แหละ เพราะภ.อังกฤษก็กลางๆแล้วคงไปแข่งขันกับคนที่เก่งๆซึ่ีงมีเยอะมากไม่ได้ มาเลือกดูตัวเลือก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เกาหลีเคยเรียนมานิดหน่อยแต่จะทำงานด้านไหนล่ะ ญี่ปุ่นน่าจะมีบ.เยอะมากกว่า มีงานหลากหลายแขนงกว่า ส่วนจีนก็คือไม่ค่อยอินกับวัฒนธรรม สรุปว่าเลือกญี่ปุ่นนี่แหละ
• งานที่ 4 พนักงานสัญญาจ้าง
พอเรียนจบภ.ญปชั้นต้นก็เริ่มมีความสนใจติดต่อพวก education center หาข้อมูล รร.คำนวณค่าใช้จ่าย จะไปเรียนต่อที่ รร.ภาษาที่ญป ก่อนจะไปก็ยังมีเวลาอีกครึ่งปี เราเลยหางานทำที่ได้ใช้ภ.ญป ตอนนั้นไม่มีผลสอบค่ะ ยังไม่ได้สอบ แต่ก็ไปสัมภาษณ์งาน ได้ทำเป็นสัญญาจ้าง5เดือน เลยได้มีโอกาสคุยกับคนญป ได้ใช้ภ.ญปพื้นๆ และได้เพื่อนคนญปที่ยังติดต่อกันจนทุกวันนี้ เป็นงานที่สมาคมฯ ตำแหน่งประสานงาน เงินเดือนหมื่น6 ทำงานเพื่อเก็บเงินเอาไว้สมัครเรียนที่ญปอย่างเดียวเลยค่ะ แบบมีเป้าหมายในชีวิตขึ้นมาละ
• เรียนภาษาญี่ปุ่นที่รร.ในโตเกียว 1 ปี
ในระหว่างทำงานที่ 4 ก็เตรียมตัวไปเรียนด้วย สมัครเรียนผ่าน education center เจ้าหนึ่งในไทย แต่เลือกหาที่พักเอง จากคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนในชีวิต นั่งเสิร์ชเนตไปเรื่อยๆ อ่านทุกอย่างหาข้อมูล ดูแผนที่ว่าเดินทางจากรร.ยังไงสะดวก แล้วก็ได้ข้อสรุปจอง Share house ไปโดยต้องไปอยุ่กับรูมเมทซึ่งเป็นใครไม่รู้เหมือนกัน เพราะห้องคู่จะถูกกว่าห้องเดี่ยวมาก จองบนเว็บจากไทยตัดบัตรเครดิตแล้วไปถึงญปก็เดินทางไปออฟฟิศเขาเพื่อยืนยัน จองล่วงหน้าหลายเดือนก็นึกไม่ออกว่าถ้าไปถึงแล้วโดนเทขึ้นมาจะทำยังไง555 แต่ก็เห็นเขาเชื่อถือได้แหละ
เรื่องการไปเรียนที่โตเกียวนั้น เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายตัวเองหมดค่ะ ฐานะปานกลางทั่วไป ใช้เงินเก็บและรายได้พิเศษที่สะสมมาตั้งแต่เรียนมหาลัยด้วย เงินเดือนที่กัดฟันเก็บมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเรียนไปครึ่งปีก็ถึงรอบสอบ ตอนนั้นลงN3ไปก็สอบผ่าน (เข้าเรียนเทอมต.ค. สอบก.ค. กลับสิ้นเดือนก.ย.) เรากลัวว่าถ้าลงN2ตอนนั้นตกแน่ แล้วกลับไทยคงจะไม่มีอะไรติดตัวมา ตัดสินใจได้อย่างนั้นก็ได้N3กลับมาสมัครงานค่ะ ก็ถูไถอยู่ไปได้จนครบปี เป็น 1 ปีที่ไม่ได้กลับไทยเลย แต่ที่บ้านบินไปหาครั้งนึง ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย เราก็คิดว่าเออเราสบายๆ เราไหวแต่ทำไมตอนวันที่แม่กลับ โอยร้องห่มร้องไห้เก็บทรงไม่อยู่เลย T_T
• งานที่ 5 พนักงานบ.ญป C
กลับมาเข้าเดือน ต.ค. นอนแห้งอยู่2เดือนกว่าจะได้งานที่บ.เล็กๆที่นึงในกรุงเทพบ้านเกิดนี่แหละ งานประสานงานเพราะคิดว่าทำได้ แต่บ.ก็แปลกๆอีกไม่เอาสัญญาให้เซ็นสักที มีเรื่องที่อิหยังวะเยอะแยะมากมายตั้งแต่เดือนแรก พอผลสอบJLPTรอบ ธ.ค. ออกมาว่าผ่านแบบหวุดหวิด ก็เลยรีบหางานใหม่ รันวงการหว่านเรซูเม่ค่ะ555 ก่อนสอบมีไปลงติววันนึงด้วยค่ะ คือเราเชื่อในการลงทุนกับการศึกษามาก ตอนเรียนอยู่ที่ญป คือทำงานดึกแค่ไหนก็ไม่เคยขาดเรียนค่ะ เสียดายเงินค่ะ ต้องเอาให้คุ้ม เพราะถ้าเวลามันล่วงเลยไปแล้วเราย้อนคืนมาไม่ได้
• งานที่ 6 พนักงานบ.ญป D
เป็นบ.ญปด้านไอทีที่มีสวัสดิการเป็นรูปเป็นร่างกว่าบ.C มาก คนใกล้ตัวแนะนำว่าที่นี่โอเคเลยเพราะเป็นบ.ในเครือบ.ญปที่ค่อนข้างใหญ่แต่เราไม่รู้จักหรอก ไม่เคยทำงานบ. เราก็ดีใจมากที่ได้งานที่นี่เพราะตอนสัมฯ MDญปบอกว่าจะมีส่งไปเทรนที่ ญปด้วย
ไม่ใช่งานล่ามเต็มตัวค่ะ เป็นJapanese speaking แปล,ล่ามบ้าง,ประสานงาน,มีงานsupport ถามตอบลูกค้าด้วย ใช้ทั้งภ.อังกฤษ/่ญป เงินเดือนก็ดีแบบก้าวกระโดดเทียบกับก่อนไปญปและได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย ทำไปสัก 3ปี บ.สั่นคลอนค่ะ555 มีการเปลี่ยนโครงสร้างอนาคตไม่มั่นคงเลยก็เลยหางานใหม่อีกแต่เป็นงานที่ชอบนะ(ส่วนของเนื้องาน) ได้มีโอกาสไปต่างประเทศจากงานที่นี่หลายครั้งด้วย เป็นประสบการณ์ที่เลอค่าถึงแม้ระหว่างนั้นมันจะมีเรื่องที่เฟลๆเยอะเหมือนกัน กราฟจากสูงค่อยๆร่วงลงๆ
• งานที่ 7 พนักงานบ.ญป E
หางานใหม่ มกรา2020 งานหายากแล้วนะแต่ก็ได้งานที่บ.E คนละตำแหน่งกับที่ทำมาเลย เป็นแนวAdmin ทำจิปาถะเพราะบ.เพิ่งตั้งแต่ตัวบ.แม่มีชื่อเสียงเราเลยพลาดหลวมตัวเชื่อใจ โอ้โหเข้าไป2วันแรกก็คือ ช็อกกุเดส(สำเนียงญป) นี่มันบ.อะไรเนี่ยเส็งเคร็งมาก ออฟฟิศสวยหรู คนญปตอนสัมฯกับตอนเราเข้ามาทำจริงคือคนละเรื่องเลย มีpower harassmentด้วย คนเข้าออกแบบถี่ยิบก็ไม่แปลกใจหรอก
นี่เลยคิดว่าไม่ใช่แล้ว อยู่ต่อไปไม่ได้แล้วไม่ชอบมาพากลสุดๆ โอ้ยต้องหางานใหม่อีกแล้วหรือ ใช่! รับไม่ได้กับความไม่สุจริตหลายอย่าง รีบหางานใหม่ด่วนๆๆ เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเข้ามาตามๆกันก็แบบ โดนแกงแล้วแบบนี้
กุมภา 2020 ก่อนโควิดจะรุนแรงขึ้นในรอบแรก งานหายากมากจริงแต่เราก็ตั้งหน้าตั้งตาหา รีครูทนี่อย่างเงียบผิดกับตอนกลับมาจากญปใหม่ๆมาก โลกหมุนไวเหลือเกินพี่จ๋า ไปสัมฯ 3ที่ หาเอง2 รีครูทเสนอมา1 แล้วก็ได้งานใหม่ตอนมีนา แบบแต้มบุญหรืออะไรก็ตามทำให้หลุดพ้นจากบ.E มาได้ ก่อนเขาให้เริ่มWFH ช้ากว่านี้คงจะไม่ได้งานแน่เลย...
• งานที่ 8 พนักงานบ.ญป F (ปัจจุบัน)
เป็นล่ามญี่ปุ่นค่ะ ด้านไอทีอย่างที่ชอบ บ.นี้ใกล้บ้านได้เงินเดือนตามที่คาดหวัง สวัสดิการดีมาก มีกฎระเบียบชัดเจน เป็นระบบที่สุดเท่าที่เคยเจอมา555 เป็นบ.ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาเช่นกัน งานล่ามครั้งแรกในชีวิต ถึงจะได้ภาษาใช่ว่าจะทำงานล่ามได้นะ ก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่เพราะงานเดิมเราประสานงานกับทีมเรารุ้โปรเกรส เราพูดคุยแปลความตามความเข้าใจ แต่งานล่ามคือพูดมาแล้วแปลเลย จะหยุดอึ้งก็ลืมเนื้อหาไปแล้ว ปรับตัวอยู่พักใหญ่ก็อยู่มาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ ยังสงบสุขดีค่ะ พยาพยามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ
จบค่ะ พอมานั่งลิสต์แบบนี้ก็พบว่าทำงานมาเกือบ10ที่แล้วเหรอ555
ถ้าใครอ่านจนจบและอยากคุยเรื่องแนวทางการเรียนภ.ญป รายละเอียดการฝึก หรือหนังสือ ถ้าสนใจเรามาแนะนำเพิ่มเติมให้ได้ค่ะ