เราเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่รัฐกลับไม่ส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินไว้ในธนาคาร

ปลดเกษียณมาจากงานประจำ ได้เงินบำเหน็จมาก้อนนึงซึ่งต้องใช้ไปทั้งชีวิตชราๆที่เหลืออยู่จะเอายังไงกับเงินก้อนนี้ดี

ก็มาดูว่าเราจะเอาเงินก้อนนี้มาทำอย่างไรให้มันงอกเงย ให้มีดอกเบี้ยมาใช้จ่าย หันไปดูเงินฝากประจำธนาคาร ดอกเบี้ยก็ต่ำต้อยจนแทบไม่ได้อะไรงอกเงยจนต้องถอนใจยาวๆ แล้วมองช่องทางอื่นต่อ

เป้าหมายต่อไปสลากออมสิน ได้ทั้งออมเงินต้นไว้ ได้ทั้งดอกเบี้ย มีลุ้นเสี่ยงโชคอาจได้รางวัลอีก แต่กลับผิดคาดสลากออมสินเดี๋ยวนี้ไม่มีดอกเบี้ย รางวัลก็น้อยนิดดูๆไปหันกลับไปฝากธนาคารอาจจะได้มากกว่า

ลองถามในพันทิปดูว่าคนชราเช่นเราควรเอาเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตไปทำอะไรดีให้มีประโยชน์ตอบแทนสามารถดูแลชีวิตตนเองต่อไปได้ ส่วนใหญ่ก็ให้ไปลงทุนตลาดหุ้น มีบ้างที่ให้ไปซื้อบ้าน ซื้อคอนโดให้เช่า ซึ่งเราว่ามันก็ยังไม่มั่นคง ยังเสี่ยงๆอยู่ 

สุดท้ายพบว่าสหกรณ์ที่หน่วยงานให้ดอกเบี้ยเกือบๆ 4% ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ก็หอบเอาเงินทั้งหมดไปฝากไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ถึงแม้มีความเสี่ยงอยู่บ้าง (เพราะมีข่าวสหกรณ์ล้มบ้าง ถูกโกงบ้างอยู่เนืองๆ) แต่ก็คิดว่าเสี่ยงน้อยกว่าไปลงทุนแบบไม่มีความรู้ในตลาดหุ้น 

เราก็มาคิดๆว่าสหกรณ์นี่เค้าทำไมถึงให้ดอกเบี้ยได้มากกว่าธนาคารมากนัก เขาทำธุรกิจธุรกรรมอะไรกันถึงมีดอกเบี้ยให้เราได้เยอะแยะ ก็พบว่ารายได้ของสหกรณ์ส่วนใหญ่มาจากการที่ปล่อยกู้ให้กับพนักงานนั่นเอง มีบ้างที่แบ่งไปลงทุนด้านอื่นแต่ก็เป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการปล่อยให้พนักงานกู้ยืม ทีนี้เราก็เลยมีคำถามในใจว่า ในเมื่อสหกรณ์มีกำไรสามารถให้ดอกเบี้ยได้มากพอที่จะให้เราดำเนินชีวิตต่อไปได้สบายๆ โดยไม่ต้องเอาเงินต้นออกมาใช้ โดยปล่อยกู้ให้พนักงานเป็นหลัก ทำไมธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสินก็ทำธุรกิจเดียวกัน ถึงให้ดอกเบี้ยน้อยกว่ากันมากมายเป็นเพราะอะไร

รัฐบาลผลักดันให้ประชาชนเอาเงินไปออมในกองทุน ตลาดหุ้น โดยเอาแรงจูงใจลดภาษี ซื้อขายปลอดภาษีมาล่อ ซึ่งรู้กันอยู่ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง พลาดพลั้งลงทุนผิดพลาดเงินออมทั้งชีวิตก็สูญไปง่ายๆ พอเงินออมหมดไปกับการลงทุนในตลาดหุ้น ประชาชนคนชราทั้งหลายก็กลับมาเป็นภาระสังคม ภาระให้รัฐบาล และเป็นภาระให้ลูกหลานรังเกียจต่อไป

บ่นมายาว ขอบพระคุณท่านที่อ่านจนจบครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่