ความลึกลับของรูปปั้นหญิงสาวที่มีผ้าโพกศีรษะ

กระทู้คำถาม

mysterious woman

รูปปั้นหญิงลึกลับอายุ 500 ปีสวมผ้าโพกศีรษะขนาดใหญ่ได้รับการค้นพบในภาคกลางของเม็กซิโก ตามข้อมูลของสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ (INAH) ของเม็กซิโก

รูปปั้นหินปูนมีความสูง 6.5 ฟุต (2 เมตร) แสดงให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับอย่างประณีต รวมถึงจี้ทรงกลมที่เรียกว่า "oyohualli" บนสร้อยคอเส้นหนา ต่างหูเหมือนพู่ และผ้าโพกศีรษะที่เปรียบเสมือนเครื่องประดับศีรษะของ Ahsoka Tano อดีตเด็กฝึกงานของเจไดที่ผันตัวมาเป็นนักรบในซีรีส์ไซไฟ "Star Wars"

โดยรูปปั้นผู้หญิงลึกลับคนนี้อาจมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาที่ผ่านมา และน่าจะแสดงถึงหญิงสาวที่มีชนชั้นสูง " ซึ่งอาจเป็นผู้ปกครอง เพราะท่าทางและการแต่งกายของเธอไม่ใช่ของเทพ "
María Eugenia Maldonado Vite นักโบราณคดีจาก INAH Veracruz Center ซึ่งเป็นผู้นำการขุดค้นกล่าวในแถลงการณ์

เกษตรกรในท้องถิ่นพบรูปปั้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2020 ในทุ่งส้มในเมือง Hidalgo Amajac ในรัฐ Veracruz ของเม็กซิโก รูปปั้นน่าจะมีอายุในช่วงปลายยุคหลังคลาสสิก (1450-1521) และมีลักษณะคล้ายวัฒนธรรม Huastec โดยกลุ่มคนบนชายฝั่งอ่าวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในทางแยกก่อนยุคโคลัมเบียสำหรับวัฒนธรรมศิลปะและการค้า

Alejandra Frausto Guerrero เลขาธิการวัฒนธรรมเม็กซิกันกล่าวถึงการค้นพบนี้ว่า การพบผู้ปกครองหญิงคนสำคัญนี้ เป็นการยืนยันการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของผู้หญิงที่ปกครองในโครงสร้างทางสังคมและการเมืองของ Huastec รูปปั้นหินปูนนี้มีความสูงเกือบ 2 ฟุต (60 เซนติเมตร) ที่จุดที่กว้างที่สุดและหนาประมาณ 10 นิ้ว (25 ซม.) ที่ด้านล่างของรูปปั้นมี "เหล็กแหลม" ซึ่งทำให้สามารถวางร่างผู้หญิงไว้ในแนวตั้งได้

บนใบหน้าของรูปปั้นหญิงนั้นดูประหลาดใจ ตาและปากของเธอเปิดกว้าง ดวงตาเหล่านั้นน่าจะถูกฝังด้วยหินออบซิเดียนหรืออาจจะเป็นหินอื่นๆ โดยสวมเสื้อแขนยาวและกระโปรงยาว แต่เท้าของเธอเปลือยเปล่า

ที่ตั้งของรูปปั้นอยู่ระหว่างแหล่งโบราณคดี Aztec Tochpan (Tuxpan) และ Huastec Castillo de Teayo แสดงให้เห็นว่ามีรากฐานมาจากทั้งสองวัฒนธรรม โดยรูปปั้น Huastec ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นภาพเทพที่เชื่อมโยงกับ Tlazoltéotl ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่ง Aztec Earth ที่รู้จักกันในเรื่องความไม่บริสุทธิ์ทางเพศและพฤติกรรมความผิดที่เป็นบาป ซึ่ง Maldonado Vite ได้กล่าวว่าการพรรณนาถึง Tlazoltéotl มักจะแสดงให้เห็นเทพธิดาสวมแหวนจมูกและสวมหมวกที่มีพู่ฝ้ายบนผ้าโพกศีรษะของเธอ

" รูปแบบของหญิงสาวจาก Amajac นั้นคล้ายกับภาพแทนของเทพธิดา Huastec แห่งโลกและความอุดมสมบูรณ์ แต่ด้วยอิทธิพลภายนอกซึ่งอาจเป็น กลุ่มชนพื้นเมือง Nahua ที่เห็นได้จากการฝังหินในเบ้าตา ลักษณะนี้ไม่ได้เป็นของประติมากรรมคลาสสิก Huasteca แต่มาจากประเพณีทางศิลปะของวัฒนธรรมอื่น นอกจากนี้ ผ้าที่ผู้หญิง Huastec ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ด้านหน้ากระโปรงนั้นเรียบเสมอกัน และยังประดับด้วยริบบิ้นที่ผูกเป็นโบว์ "

ด้านล่างของรูปปั้นมีเหล็กแหลมที่ด้านล่างหมายความว่ารูปปั้นสามารถวางตรงกับพื้นได้

(Cr.ภาพ María Eugenia Maldonado Vite)

นักโบราณคดีวางแผนที่จะศึกษารูปปั้นเพิ่มเติมรวมถึงสถานที่ที่พบ จนถึงขณะนี้สถานที่ดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักจากนักโบราณคดี แต่ในระหว่างการเยี่ยมชมที่นั่น Maldonado Vite สังเกตเห็นโครงสร้างเล็ก ๆ ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งอาจเป็นอาคารที่อยู่อาศัยยุคก่อนโคลัมเบีย ในความเป็นจริง เอกสาร Aztec ในยุคอาณานิคมมีการกล่าวถึงผู้หญิงที่เป็นผู้ปกครอง หรืออย่างน้อยก็เป็นผู้ถือมงกุฎเพื่อส่งต่อให้กับผู้สืบทอด และผู้หญิงมีมูลค่าสูงในวัฒนธรรมยุคก่อนโคลัมเบีย จนกระทั่งหลังจากการพิชิตยุโรป ผู้หญิงก็สูญเสียสถานะ

อย่างไรก็ตาม Gillespie ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดาให้ความเห็นว่า ยังไม่ชัดเจนว่ารูปปั้นที่เหมือน "สตาร์วอร์ส" ของสตรีชั้นสูงคนนี้มีความสำคัญหรือไม่ หรือแม้ว่าจะระบุได้อย่างถูกต้องก็ตาม แต่โบราณคดีจะทำงานได้ดีที่สุดกับรูปแบบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ซึ่ง INAH วางแผนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของรูปปั้นกับเจ้าของในเร็วๆนี้

Lady of Elche

ในปี1897 นักโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์อันน่าทึ่งบนที่ดินส่วนตัวที่ L'Alcúdia ในวาเลนเซียประเทศสเปน การค้นพบนี้เป็นรูปปั้นครึ่งตัวของศีรษะ
ของผู้หญิง ที่เชื่อว่ามีอายุย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 4 BC โดยรูปปั้นผู้หญิงแค่อกสวมผ้าโพกศีรษะอย่างประณีต ที่รู้จักกันในชื่อ Lady of Elche และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในไอคอนที่มีชื่อเสียงที่สุดของสเปน

ว่ากันว่าเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ได้พลิกคว่ำก้อนหินลงตอนที่เขาพบรูปปั้น จนได้เห็นเป็นศีรษะ คอและไหล่ของรูปปั้นที่เป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าเดิมทีรูปปั้นครึ่งตัวเป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้นเต็มตัวที่มีขนาดใหญ่

ผ้าโพกศีรษะของรูปปั้นมีรูปแบบซับซ้อน โดยมีขดลวดขนาดใหญ่สองขดที่เรียกว่า “rodetes” ที่ด้านข้างของศีรษะและใบหน้าซึ่งถูกสันนิษฐานว่าอาจเป็นผ้าโพกศีรษะที่ใช้ในพิธี และผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นนักบวช ผ้าโพกศีรษะที่พาดผ่านหน้าผากเป็นรูปแบบของการสลักลายหินอ่อน ชิ้นที่มีลักษณะคล้ายพู่ห้อยอยู่ข้างหูและสร้อยคออย่างประณีตช่วยเสริมหน้าอกของเธอ ใบหน้าของหญิงสาวมีการจ้องมองที่ไม่แสดงออก และพบร่องรอยของสีตกแต่งเป็น
สีแดง ขาวและน้ำเงิน ส่วนประกอบของหินบ่งบอกว่าถูกแกะสลักที่ L'Alcúdia

รูปปั้นหน้าตรงของ Dama de Elche Cr. Luis García ( Creative Commons )

ที่มาของรูปปั้นนั้นกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือด นักวิชาการบางคนแนะนำว่ารูปสลักนี้เป็นของชาว Iberian และอาจเกี่ยวข้องกับ Tanit
เทพีแห่งคาร์เธจ ในขณะที่คนอื่น ๆ เสนอว่างานนี้สะท้อนถึงเทพธิดา Atlantean Goddess ซึ่งลักษณะที่ผิดปกติของรูปสลักเช่น ส่วนหัวที่ยาวและแกนที่ด้านข้างของศีรษะได้กระตุ้นให้มีการเสนอทฤษฎีทางเลือกมากมาย

ตัวอย่างเช่น ตามที่นักวิจัยอิสระบางคนบอกว่าแกนทั้งสองข้างนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของผ้าโพกศีรษะที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอุปกรณ์สวมศีรษะเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติขั้นสูงของอารยธรรมแอตแลนติส

มีคนอื่น ๆ ที่โต้แย้งว่ารูปปั้นนั้นไม่สมควรได้รับความสนใจเนื่องจากมันเป็นของปลอม โดย John F. Moffitt นักประวัติศาสตร์ศิลปะระบุว่า รูปร่างของดวงตาและจมูกของหญิงสาวนั้นดูบางเกินกว่าจะแกะสลักในสเปนยุคก่อนคริสต์กาล ซึ่งข้อโต้แย้งนี้ถูกปฏิเสธโดยนักวิชาการอีกหลายคนซึ่งมองว่ารูปปั้นครึ่งตัวเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของอารยธรรมไอบีเรียในยุคแรก

นักวิจัยอิสระบางคนแย้งว่าศีรษะของผู้หญิงยาวและแกนม้วนสะท้อนถึงหมวกเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง