อันดับแรกขอกล่าวก่อนเลยว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประสบมาโดยตรง ไม่มีเจตนาว่าร้ายบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น อยากจะเอามาบอกเล่าเพื่อเป็นตัวเลือกในการประกอบตัดสินใจในการเลือกงานนะ
เริ่มแรกเลย เราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งที่เคลมตัวเองว่าเป็นผู้นำทางด้านโคมไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด แถว ๆ เส้นรอบเมือง โดยบริษัทนี้เปิดทำการเวลา 8.00-17.30 ใช่แล้ว เราต้องมาทำงานก่อน 8.00 เมื่อเราก้าวขาลงจากรถ ต้องมาสแกนนิ้ว ถ้ามาสายเราจะโดนปรับนาทีละ 3 บาท แต่ ๆๆ ก่อนเราสแกนนิ้วเราต้องฝากโทรศัพท์ ซึ่งเขาจะมีกล่องใส่ไว้ในตามแผนก ซึ่งวันแรกเรางงมาก ว่าทำไมเราต้องฝากด้วยวะ ฝากแล้วได้อะไร พอมาทราบทีหลังว่าฝากเพื่อกันเล่นโทรศัพท์ในเวลางาน และอีกเหตุผลหนึ่งคือ "ป้องกันความลับของบริษัท" ซึ่งเราแบบ อิหยังวะมาก บริษัทมีความลับอะไรที่สำคัญมากขนาดนั้นหรอ และนี่คือความอิหยังวะรอบแรกที่เกิดขึ้นในการทำงานของเรา
เรื่องอิหยังวะต่อไปคือพักกลางวัน ซึ่งที่นี่แบ่งเวลาพักทั้งหมด 4 รอบ ซึ่งทาง HR จะเป็นคนจัดรอบให้ ซึ่งพนักงาน 1 คน จะมีช่วงเวลาการพักอยู่ที่ 30 นาที/1วัน ซึ่งเราเห็นแล้วเราแบบ "อิหยังวะ" มากกก คือแบบทำไมให้เวลาแค่นี้อะ แค่กินข้าวอย่างมากสุดก็ 20 นาทีแล้ว และอีกอย่างหนึ่งคือ ในช่วงพักหรือเวลางาน "ห้ามออกนอกตัวบริษัทเด็ดขาด" แม้แต่ที่จอดรถก็ไม่ได้ อิหยังวะไปอีกกกกกกกกกก คือแบบว่ากลัวเราแอบกลับบ้านหรือไปข้างนอกหรอหรือยังไง
เรื่องอิหยังวะที่ 3 คือสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งภายใน office เราไม่ได้เป็น office แยกออกมาจากพื้นที่ขาย แค่เป็นฉากกั้นเล็ก ๆ ที่มีหลาย ๆ แผนกแออัดอยู่ในนั้น เช่น 1 ช่อง มี 2 แผนกคือ HR และ บัญชีอยู่รวมกัน 6 คน ซึ่งเทียบขนาดห้องเท่ากับหอเราห้องเดียวแค่ 5x5 เมตรเท่านั้น และยังไม่พอ เก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงาน อย่างมากสุดมันควรจะเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิง เพราะเราต้องนั่งทำงานหลายชั่วโมง แต่ที่นี่ "เก้าอี้พลาสติกหัวกลมโง่ๆ" เท่านั้น เราเคยถามเหตุผลเขาไปว่าทำไมต้องใช้เก้าอี้แบบนี้ เขาให้คำตอบมาว่า "กลัวพนักงานหลับ" เราแบบเอ๊ะ ! มันจะหลับได้ยังไง แล้วอีกอย่าง มันก็ไม่น่าหลับหรอก แต่สิ่งที่ได้คือ office syndrome แบบคูณ 10 ตอนนี้หลังเราก็เริ่มเจ็บมาก ๆ จากการนั่งทำงานด้วยเก้าอี้แบบนี้เป็นเวลานาน
เรื่องที่เป็นเรื่องที่ "อิหยังวะ" ใหญ่ที่สุดคือเรื่อง "การบริหารจัดการ"
อย่างที่ตอนแรกที่เล่ามา เรื่องการเข้าทำงาน เวลากินข้าว สภาพแวดล้อมใน office มันดูแย่มากเลยใช่ปะ แต่เรื่องที่แย่มาก ๆ คือ "การกุมอำนาจไว้ที่คน ๆ เดียว" นั่นคือ "เจ้าของบริษัท" โดยพื้นฐานของเจ้านายคนนี้เป็นสายมูเตลูมาก เวลาจะต้องไปติดต่องานภายนอกบริษัท เจ้านายจะเป็นคนกำหนดเวลายื่นเอกสาร แม้กระทั้งกำหนดวันและเวลาในการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ซึ่งเราได้เงินเดือนเดือนแรก

โคตรช้าเลย บริษัททั่วไปจ่ายเงินเดือนในช่วง 28-1 แต่ของเราได้วันที่ 5-11 ซึ่งทุกคนน่าจะเข้าใจว่าเงินเราก็ต้องใช้ แต่การทำแบบนี้มันก็เกินไปจริง ๆ เราเริ่มไม่โอเคตั้งแต่เงินเดือนออก และที่พีคสุดคือ เงินไม่ได้ตามที่ตกลงไว้ และถูกหักโดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีฐานเงินเดือนให้เราด้วย เราเคยไปถามว่าทำไมเงินเดือนเราถูกหัก ซึ่งคนที่ทำเงินเดือนก็ไม่สามารถให้คำตอบเราได้ TT
เรื่องอิหยังวะอื่นๆ
- ไม่มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
- หลังสแกนนิ้วเข้างานเสร็จ พนักงานทุกคนจะต้องเป็นแม่บ้านในการทำความสะอาดในแผนกของตน
- เข้างานสายหักนาทีละ 3 บาท ออกงานช้าไม่จ่าย OT และไม่มี OT ให้ด้วย
- มาทำงานวันหยุด = ได้เงิน 2 แรง = ไม่มีอยู่จริง + เงินเดือนลดไปอีกกกกกกกก
- แจ้งว่าหักประกันสังคม แต่บริษัทอุ๊บอิ๊บ ไม่ส่งเงิน+ไม่ส่งชื่อ = ไม่มีชื่อในระบบ (จะได้คืนเมื่อเขียนใบลาออก)
- การลากิจ/ลาป่วยแสนยากเย็น ต้องหาหลักฐานล้านแปดมายืนยัน เช่น ไปบวชหน้าไฟ โกนหัวโกนคิ้วมา ยังต้องขอหลักฐานเพิ่ม (ส่งใบมรณบัตรของผู้ตายแนบ)
- ไม่มีลาพักร้อน แม้แต้ไปรับปริญญาต้องมาทำงานชดเชย
- ทำงาน 8.00-17.30 = 9.30hr และทำงาน 6d/wk ซึ่งชั่วโมงการทำงานเกินกว่ากฎหมายกำหนด
- ก่อนเริ่มงานทางบริษัทแจ้งว่า 3 เดือนผ่านโปร แต่บางคนทำงานครึ่งปีพึ่งมาแจ้งว่าไม่ผ่านโปร
- การสื่อสารระหว่างแผนกแย่มาก ไม่มี what when where why ในการพูด มั่วไปหมด เลยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พูดมาต้องการอะไร
- พนักงานเก่า ๆ ไม่มีมารยาทในการเข้าสังคมและการเข้าหาลูกค้า
- พนักงานบางคนสมัครมาตำแหน่งนึง แต่ได้ไปทำอีกตำแหน่งนึง เช่น วิศวกรไฟฟ้า ได้ทำงานจัดซื้อ , วิศวะคอมได้อยู่ฝ่ายขายท่อร้อยสายไฟ+รางไวย์เวย์
- พนักงานทุกคนต้องทำงานได้ทุกตำแหน่ง เช่น ให้ HR ไปรับสินค้าที่คลังใหญ่มาให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นฝ่ายขายหรือจัดซื้อไปรับ
- พนักงานหญิงที่ผมประบ่าถึงผมยาวมากต้องดังโงะไปทำงาน และผมห้ามตกแม้แต่เส้นเดียวและห้ามย้อมสีผม (ยกเว้นลูกsupervisorที่แหกกฎได้ทุกอย่าง)
- การย้ายแผนกพนักงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพราะไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
- เมื่อพนักงานทำสินค้าชำรุด = หักเงินเดือนตามราคาสินค้า ทั้ง ๆ ที่สินค้ามันเคลมได้
- ผู้บริหารฝ่ายชายใจแคบ ชอบดูถูกเหยียดหยาม แบ่งชนชั้นกับพนักงาน (ส่วนผู้บริหารฝ่ายหญิงอัธยาศัยดี เอาใจพนักงานสุดๆ)
- จากข้อข้างบน ผู้บริหารฝ่ายชายเชื่อมูเตลูมากเกินไปจนไม่รู้ว่าเรื่องไหนด่วนไม่ด่วน สำคัญไม่สำคัญ มีปัญหาในการจัดลำดับความสำคัญในเรื่องต่างๆเป็นอย่างมาก
- supervisor ไม่มีทักษะในการพูดและไม่มีความเป็นผู้นำ
- ก่อนเลิกงานจะมีทีมตรวจกระเป๋าไปค้นกระเป๋าพนักงานในห้องพักพนักงานทุกคนโดยที่เจ้าของกระเป๋าไม่อยู่ (ซึ่งเรื่องนี้เรารับไม่ได้อย่างแรง)
- ผู้บริหารฝ่ายชาย + supervisor + หัวหน้างาน คุกคาม รุกล้ำเรื่องส่วนตัวของพนักงานมากเกินไป
- เคยมีข่าวว่าแผนก HR ส่งกฎหมายแรงงานให้ผู้บริหารดู แต่ถูกเพิกเฉย (อยากขึ้นเป็นมหาชนแต่ที่ทำอยู่ไม่มีความถูกกฎหมายใดๆ)
- สวัสดิการมีแค่ค่าข้าว 20 บาท + เสื้อพนักงาน 2 ตัว = ต้องใส่ 6 วัน (ถ้าเอาเพิ่มต้องจ่ายเอง)
- จากข้อด้านบน เสื้อบางมากกกกกกกกกกกกกกกกก ใส่ 2 ครั้งขุยขึ้น

หนิ (ขออนุญาตวีนนนนนน)
- ไม่ใส่ mask = ปรับ 10 บาท , ลืม id card = 50 บาท , ไม่ได้ฝากโทรศัพท์+ถูกจับได้ = ปรับ 300 บาท
- จากข้อด้านบน ถ้า HR รู้ แค่สะกิด ก็ได้ id card ใหม่แบบเสกมาให้ 55555555555
- ห้ามพนักงานเอาอาหารและเครื่องดื่ม (แม้แต่น้ำแข็งใส่แก้ว) เข้าบริษัทเด็ดขาด ให้กดน้ำตู้กินอย่างเดียว (แต่ไม่มีแก้วกระดาษให้กดน้ำกินกัน มีแค่แก้วน้ำรวม 1 ใบ)
- พนักงานทุกคนทุกแผนกต้องทำตัวให้มีงานทำตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีงานทำหรือลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจก็ตาม เพราะถ้ามีพนักงาน senior เห็น จะถูกยัดเยียดข้อหาว่าทำงานสบาย (ทั้ง ๆ ที่งาน

ก็หนักกันทุกคน) เป็นบ้าบ่วะ ??
- เวลาปฏิบัติงาน วันหยุดและภาระงานของ intern เทียบเท่ากับพนักงานปกติ 1 คน แต่ค่าตอบแทน 3000-4000/เดือน
- จากข้อด้านบน intern ไม่ได้ปฎิบัติงานและได้ความรู้ตามที่ตนสมัครเข้ามา (ได้ความรู้ในการมัดท่อสายไฟและเข็นรถเข็นตามลูกค้าแทน)
สรุปเลยนะ เราทำมาประมาณนึง เรารู้สึกว่า

ไม่โอเคตั้งแต่มาเริ่มงานวันแรกเลย ทำงานด้วยความอิหยังวะมาตลอด เป็นประสบการณ์การทำงานครั้งแรกในชีวิตที่

แย่มาก ๆ แต่มันก็มีเรื่องดีอยู่บ้าง ได้เจอกับคนหลายประเภท เช่นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก นิสัยดี ป้าร้านข้าวที่แอบเพิ่มข้าวให้ตลอด พี่ร้านน้ำที่เป็นผู้ปรับทุกข์ให้กับพนักงานหลายคน เพื่อนร่วมงานที่ไม่ดีที่คอยสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ต้องขอบคุณที่นี่นะที่ให้โอกาส แต่คงไม่รีรันกลับมาทำที่นี่แน่นอน
ฝากไว้ให้คิดสำหรับผู้ที่ถูกโทรมาเรียกสัมภาษณ์และผู้ที่กำลังเริ่มงาน
ขอให้ทุกคนโชคดีจ้าาาาาาาา
ปล. ทั้งนี้เป็นแค่สิ่งที่เราประสบพบเจอมา ไม่ได้เป็นการว่าร้ายให้บริษัทแต่อย่างใดนะจ๊ะ
เด็กจบใหม่กับชีวิตการทำงานที่มีแต่คำว่า "อิหยังวะ"
เริ่มแรกเลย เราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งที่เคลมตัวเองว่าเป็นผู้นำทางด้านโคมไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ด แถว ๆ เส้นรอบเมือง โดยบริษัทนี้เปิดทำการเวลา 8.00-17.30 ใช่แล้ว เราต้องมาทำงานก่อน 8.00 เมื่อเราก้าวขาลงจากรถ ต้องมาสแกนนิ้ว ถ้ามาสายเราจะโดนปรับนาทีละ 3 บาท แต่ ๆๆ ก่อนเราสแกนนิ้วเราต้องฝากโทรศัพท์ ซึ่งเขาจะมีกล่องใส่ไว้ในตามแผนก ซึ่งวันแรกเรางงมาก ว่าทำไมเราต้องฝากด้วยวะ ฝากแล้วได้อะไร พอมาทราบทีหลังว่าฝากเพื่อกันเล่นโทรศัพท์ในเวลางาน และอีกเหตุผลหนึ่งคือ "ป้องกันความลับของบริษัท" ซึ่งเราแบบ อิหยังวะมาก บริษัทมีความลับอะไรที่สำคัญมากขนาดนั้นหรอ และนี่คือความอิหยังวะรอบแรกที่เกิดขึ้นในการทำงานของเรา
เรื่องอิหยังวะต่อไปคือพักกลางวัน ซึ่งที่นี่แบ่งเวลาพักทั้งหมด 4 รอบ ซึ่งทาง HR จะเป็นคนจัดรอบให้ ซึ่งพนักงาน 1 คน จะมีช่วงเวลาการพักอยู่ที่ 30 นาที/1วัน ซึ่งเราเห็นแล้วเราแบบ "อิหยังวะ" มากกก คือแบบทำไมให้เวลาแค่นี้อะ แค่กินข้าวอย่างมากสุดก็ 20 นาทีแล้ว และอีกอย่างหนึ่งคือ ในช่วงพักหรือเวลางาน "ห้ามออกนอกตัวบริษัทเด็ดขาด" แม้แต่ที่จอดรถก็ไม่ได้ อิหยังวะไปอีกกกกกกกกกก คือแบบว่ากลัวเราแอบกลับบ้านหรือไปข้างนอกหรอหรือยังไง
เรื่องอิหยังวะที่ 3 คือสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งภายใน office เราไม่ได้เป็น office แยกออกมาจากพื้นที่ขาย แค่เป็นฉากกั้นเล็ก ๆ ที่มีหลาย ๆ แผนกแออัดอยู่ในนั้น เช่น 1 ช่อง มี 2 แผนกคือ HR และ บัญชีอยู่รวมกัน 6 คน ซึ่งเทียบขนาดห้องเท่ากับหอเราห้องเดียวแค่ 5x5 เมตรเท่านั้น และยังไม่พอ เก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงาน อย่างมากสุดมันควรจะเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิง เพราะเราต้องนั่งทำงานหลายชั่วโมง แต่ที่นี่ "เก้าอี้พลาสติกหัวกลมโง่ๆ" เท่านั้น เราเคยถามเหตุผลเขาไปว่าทำไมต้องใช้เก้าอี้แบบนี้ เขาให้คำตอบมาว่า "กลัวพนักงานหลับ" เราแบบเอ๊ะ ! มันจะหลับได้ยังไง แล้วอีกอย่าง มันก็ไม่น่าหลับหรอก แต่สิ่งที่ได้คือ office syndrome แบบคูณ 10 ตอนนี้หลังเราก็เริ่มเจ็บมาก ๆ จากการนั่งทำงานด้วยเก้าอี้แบบนี้เป็นเวลานาน
เรื่องที่เป็นเรื่องที่ "อิหยังวะ" ใหญ่ที่สุดคือเรื่อง "การบริหารจัดการ"
อย่างที่ตอนแรกที่เล่ามา เรื่องการเข้าทำงาน เวลากินข้าว สภาพแวดล้อมใน office มันดูแย่มากเลยใช่ปะ แต่เรื่องที่แย่มาก ๆ คือ "การกุมอำนาจไว้ที่คน ๆ เดียว" นั่นคือ "เจ้าของบริษัท" โดยพื้นฐานของเจ้านายคนนี้เป็นสายมูเตลูมาก เวลาจะต้องไปติดต่องานภายนอกบริษัท เจ้านายจะเป็นคนกำหนดเวลายื่นเอกสาร แม้กระทั้งกำหนดวันและเวลาในการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ซึ่งเราได้เงินเดือนเดือนแรก
เรื่องอิหยังวะอื่นๆ
- ไม่มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
- หลังสแกนนิ้วเข้างานเสร็จ พนักงานทุกคนจะต้องเป็นแม่บ้านในการทำความสะอาดในแผนกของตน
- เข้างานสายหักนาทีละ 3 บาท ออกงานช้าไม่จ่าย OT และไม่มี OT ให้ด้วย
- มาทำงานวันหยุด = ได้เงิน 2 แรง = ไม่มีอยู่จริง + เงินเดือนลดไปอีกกกกกกกก
- แจ้งว่าหักประกันสังคม แต่บริษัทอุ๊บอิ๊บ ไม่ส่งเงิน+ไม่ส่งชื่อ = ไม่มีชื่อในระบบ (จะได้คืนเมื่อเขียนใบลาออก)
- การลากิจ/ลาป่วยแสนยากเย็น ต้องหาหลักฐานล้านแปดมายืนยัน เช่น ไปบวชหน้าไฟ โกนหัวโกนคิ้วมา ยังต้องขอหลักฐานเพิ่ม (ส่งใบมรณบัตรของผู้ตายแนบ)
- ไม่มีลาพักร้อน แม้แต้ไปรับปริญญาต้องมาทำงานชดเชย
- ทำงาน 8.00-17.30 = 9.30hr และทำงาน 6d/wk ซึ่งชั่วโมงการทำงานเกินกว่ากฎหมายกำหนด
- ก่อนเริ่มงานทางบริษัทแจ้งว่า 3 เดือนผ่านโปร แต่บางคนทำงานครึ่งปีพึ่งมาแจ้งว่าไม่ผ่านโปร
- การสื่อสารระหว่างแผนกแย่มาก ไม่มี what when where why ในการพูด มั่วไปหมด เลยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พูดมาต้องการอะไร
- พนักงานเก่า ๆ ไม่มีมารยาทในการเข้าสังคมและการเข้าหาลูกค้า
- พนักงานบางคนสมัครมาตำแหน่งนึง แต่ได้ไปทำอีกตำแหน่งนึง เช่น วิศวกรไฟฟ้า ได้ทำงานจัดซื้อ , วิศวะคอมได้อยู่ฝ่ายขายท่อร้อยสายไฟ+รางไวย์เวย์
- พนักงานทุกคนต้องทำงานได้ทุกตำแหน่ง เช่น ให้ HR ไปรับสินค้าที่คลังใหญ่มาให้ลูกค้า แทนที่จะเป็นฝ่ายขายหรือจัดซื้อไปรับ
- พนักงานหญิงที่ผมประบ่าถึงผมยาวมากต้องดังโงะไปทำงาน และผมห้ามตกแม้แต่เส้นเดียวและห้ามย้อมสีผม (ยกเว้นลูกsupervisorที่แหกกฎได้ทุกอย่าง)
- การย้ายแผนกพนักงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพราะไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
- เมื่อพนักงานทำสินค้าชำรุด = หักเงินเดือนตามราคาสินค้า ทั้ง ๆ ที่สินค้ามันเคลมได้
- ผู้บริหารฝ่ายชายใจแคบ ชอบดูถูกเหยียดหยาม แบ่งชนชั้นกับพนักงาน (ส่วนผู้บริหารฝ่ายหญิงอัธยาศัยดี เอาใจพนักงานสุดๆ)
- จากข้อข้างบน ผู้บริหารฝ่ายชายเชื่อมูเตลูมากเกินไปจนไม่รู้ว่าเรื่องไหนด่วนไม่ด่วน สำคัญไม่สำคัญ มีปัญหาในการจัดลำดับความสำคัญในเรื่องต่างๆเป็นอย่างมาก
- supervisor ไม่มีทักษะในการพูดและไม่มีความเป็นผู้นำ
- ก่อนเลิกงานจะมีทีมตรวจกระเป๋าไปค้นกระเป๋าพนักงานในห้องพักพนักงานทุกคนโดยที่เจ้าของกระเป๋าไม่อยู่ (ซึ่งเรื่องนี้เรารับไม่ได้อย่างแรง)
- ผู้บริหารฝ่ายชาย + supervisor + หัวหน้างาน คุกคาม รุกล้ำเรื่องส่วนตัวของพนักงานมากเกินไป
- เคยมีข่าวว่าแผนก HR ส่งกฎหมายแรงงานให้ผู้บริหารดู แต่ถูกเพิกเฉย (อยากขึ้นเป็นมหาชนแต่ที่ทำอยู่ไม่มีความถูกกฎหมายใดๆ)
- สวัสดิการมีแค่ค่าข้าว 20 บาท + เสื้อพนักงาน 2 ตัว = ต้องใส่ 6 วัน (ถ้าเอาเพิ่มต้องจ่ายเอง)
- จากข้อด้านบน เสื้อบางมากกกกกกกกกกกกกกกกก ใส่ 2 ครั้งขุยขึ้น
- ไม่ใส่ mask = ปรับ 10 บาท , ลืม id card = 50 บาท , ไม่ได้ฝากโทรศัพท์+ถูกจับได้ = ปรับ 300 บาท
- จากข้อด้านบน ถ้า HR รู้ แค่สะกิด ก็ได้ id card ใหม่แบบเสกมาให้ 55555555555
- ห้ามพนักงานเอาอาหารและเครื่องดื่ม (แม้แต่น้ำแข็งใส่แก้ว) เข้าบริษัทเด็ดขาด ให้กดน้ำตู้กินอย่างเดียว (แต่ไม่มีแก้วกระดาษให้กดน้ำกินกัน มีแค่แก้วน้ำรวม 1 ใบ)
- พนักงานทุกคนทุกแผนกต้องทำตัวให้มีงานทำตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีงานทำหรือลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจก็ตาม เพราะถ้ามีพนักงาน senior เห็น จะถูกยัดเยียดข้อหาว่าทำงานสบาย (ทั้ง ๆ ที่งาน
- เวลาปฏิบัติงาน วันหยุดและภาระงานของ intern เทียบเท่ากับพนักงานปกติ 1 คน แต่ค่าตอบแทน 3000-4000/เดือน
- จากข้อด้านบน intern ไม่ได้ปฎิบัติงานและได้ความรู้ตามที่ตนสมัครเข้ามา (ได้ความรู้ในการมัดท่อสายไฟและเข็นรถเข็นตามลูกค้าแทน)
สรุปเลยนะ เราทำมาประมาณนึง เรารู้สึกว่า
ต้องขอบคุณที่นี่นะที่ให้โอกาส แต่คงไม่รีรันกลับมาทำที่นี่แน่นอน
ฝากไว้ให้คิดสำหรับผู้ที่ถูกโทรมาเรียกสัมภาษณ์และผู้ที่กำลังเริ่มงาน
ขอให้ทุกคนโชคดีจ้าาาาาาาา
ปล. ทั้งนี้เป็นแค่สิ่งที่เราประสบพบเจอมา ไม่ได้เป็นการว่าร้ายให้บริษัทแต่อย่างใดนะจ๊ะ