🔴มาลาริน/10 ม.ค.ไทยพบโควิด 245 ราย หายป่วย 882 ราย/ข้อมูลสำคัญ 1 ปี โควิดประเทศไทย

🔴โควิดวันนี้ 245 ราย! ศบค.แถลงไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,298 ราย



เพี้ยนแคปเจอร์วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โฆษก ศบค.) แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....✏

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 245 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 10,298 ราย หายป่วยแล้ว 6,428 ราย ยังรักษาใน รพ. 3,803 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 67 ราย

รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ วันที่ 10 ม.ค. 2564 จำนวน 245 ราย มีดังนี้
1. ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 181 ราย
2. ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 43 ราย
3. ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (State Quarantine) 21 ราย
ตุรกี 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 1 ราย
อินเดีย 1 ราย
เมียนมา 17 ราย
ฮังการี 1 ราย

https://www.sanook.com/news/8334474/



https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916478

อมยิ้ม44 ข้อมูลสำคัญ 1 ปี โควิดประเทศไทย จากคนแรก สู่การระบาดรอบใหม่ ติดเชื้อ 5 พันคน ภายใน 19 วัน


   
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รายงานผลการประมวลข้อมูลว่า....🔻

“ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รวมแล้วถึง 10,000 รายเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 ซึ่งนับเป็นระยะเวลา 363 วันหลังจากที่มีการพบผู้ติดเชื้อรายแรก"
 
อว.ชี้ว่า หลังจากที่มีการรายงานพบโรคระบาดใหม่ที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2562 ประเทศไทยได้เริ่มคัดกรองหาผู้ติดเชื้อตั้งแต่ต้นปี 2563 และพบผู้ติดเชื้อรายแรกซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์หลังจากรายงานการระบาด
 
ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อในช่วงแรกที่พบเป็นผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ แล้วจึงค่อยๆ พบผู้ติดเชื้อชาวไทยในเวลาต่อมา
 
การระบาดระลอกแรกนั้นอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2563 จนสามารถควบคุมได้ในเวลาประมาณสองเดือน แล้วจึงไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อที่พบหลังจากนั้นเป็นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและได้รับการดูแลในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine) เป็นหลัก และไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศนานกว่า 100 วัน
 
ปัจจุบันอยู่ในการติดเชื้อระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2563 เริ่มจากกลุ่มแรงงานชาวต่างชาติที่จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาได้พบการติดเชื้อภายในประเทศหลายจุด โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาครและทางภาคตะวันออก
 
ณ วันที่ 9 มกราคม 2564 ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 10,000 ราย
 
🌂อว.สรุปสถิติสำคัญ ดังนี้
 
 
1. ผู้ติดเชื้อสะสม 10,053 ราย
     - หายแล้ว 55.17%
     - ยังรักษาอยู่ 44.16%
     - เสียชีวิต 0.67%
 
2. ที่มาของการติดเชื้อ
    - ติดเชื้อในประเทศ 71%
    - เดินทางกลับจากต่างประเทศ 29%
 
3. เพศ
    -หญิง 41%
    -ชาย 37%
    -ยังไม่ระบุ 22%
 
4. อายุ
    -มากที่สุด 97 ปี
    -น้อยที่สุด 1 เดือน
 
5. ช่วงอายุ
    - 0-10 ปี 2.48%
    - 11-20 ปี 5.73%
    - 21-30 ปี 26.24% (มากที่สุด)
    - 31-40 ปี 23.24%
    - 41-50 ปี 19.07%
    - 51-60 ปี 13.87%
    - 61-70 ปี 6.84%
    - 71-80 ปี 2.05%
    - มากกว่า 80 ปี 0.48%
 
6. สัญชาติ
    - ไทย 65.4%
    - พม่า 12.2%
    - กัมพูชา 1.5%
    - อินเดีย 0.9%
    - สหรัฐอเมริกา 0.5%
    - ฝรั่งเศส 0.5%
    - สหราชอาณาจักร 0.5%
    - ญี่ปุ่น 0.4%
    - จีน 0.4%
    - รัสเซีย 0.4%
 
7. วันที่พบผู้ป่วยในรอบสำคัญ
    - รายแรก เมื่อวันที่ 12 ม.ค.63
    - รายที่ 100 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.63
    - รายที่ 500 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.63
    - รายที่ 1,000 เมื่อวันที่ 26 มี.ค.63
    - รายที่ 2,000 เมื่อวันที่ 4 เม.ย.63
    - รายที่ 3,000 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.63 (สิ้นสุดการระบาดระลอกแรก)
    - รายที่ 4,000 เมื่อวันที่ 30 พ.ย.63
    - รายที่ 5,000 เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.63
    - รายที่ 10,000 เมื่อวันที่ 9 ม.ค.64
 
8. จำนวนวัน
    - 1-100 คน  ใช้เวลา 63 วัน
    - 100-1,000 คน ใช้เวลา 11 วัน
    - 1-1,000 คน ใช้เวลา 74 วัน
    - 1,000-2,000 คน ใช้เวลา 9 วัน
    - 2,000-3,000 คน ใช้เวลา 34 วัน
    - 3,000-4,000 คน ใช้เวลา 206 วัน
    - 4,000-5,000 คน ใช้เวลา 21 วัน
แล้ว
    - 5,000-10,000 คน ใช้เวลาเพียง 19 วัน
 
9. 10 จังหวัดแรกที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด
    - กรุงเทพมหานคร
    - สมุทรสาคร
    - ชลบุรี
    - สมุทรปราการ
    - ระยอง
    - นนทบุรี
    - จันทบุรี
    - ภูเก็ต
    - ยะลา
    - สงขลา
 
10. ผู้ติดเชื้อแยกตามรายภาค
    - ภาคกลาง 59.32%
    - กทม. และนนทบุรี 28.99%
    - ภาคใต้ 7.76%
    - ภาคเหนือ 2.41%
    - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1.52%




แหล่งข้อมูล กรมควบคุมโรค และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
 
 
https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/13984

 
 รักษาหายมากกว่าติดเชื้อเพิ่ม  

ทำให้มีความหวังที่จะเอาอยู่ค่ะ....พาพันไฟท์ติ้ง

  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่