'นิด้า'ชี้โควิดรอบใหม่ฉุดเศรษฐกิจไตรมาส1 มองปี 64 จีดีพีขยายตัวไม่เกิน 3%
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916319
นักเศรษฐศาสตร์นิด้าประเมินโควิดระลอกใหม่ฉุดจีดีพีไตรมาสแรกเทียบกับปีก่อน 64 ติดลบ มองจีดีพีทั้งปีขยายตัวได้ไม่เกิน 3% แนะรัฐจ่ายเงินเยียวยารอบใหม่ไม่แจกเงินแบบให้เปล่า แต่ให้แบบพ่วงเงื่อนไขฝึกอาชีพ รีสกลิลรับทักษะใหม่รับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด19
นาย
มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในประเทศไทยรอบใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 อย่างชัดเจนและจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จีดีพี -1.8%
เนื่องจากในปีที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 1 ประเทศไทยยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 6 - 7 ล้านคน แต่ในไตรมาส 1 ปีนี้เราไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด19รอบใหม่ทำให้ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงต้นปี 2564 ลดลงโดยผลกระทบจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 2ของปีนี้ด้วยหากการควบคุมโรคทำได้ล่าช้า
สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2564 ประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ 2.5 - 3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในปี 2563 ที่คาดว่าจีดีพีจะหดตัวประมาณ 7.5% โดยสาเหตุที่ประเมินว่าการขยายตัวของจีดีพีในปี 2564 ยังฟื้นตัวได้ไม่มากนักเนื่องจากความไม่แน่นอนของการควบคุมโรคระบาด การแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนที่จะกระทบกับภาคการส่งออกที่จะทำให้ภาคการส่งออกในปีนี้ขยายตัวได้เพียงประมาณ 3%
ส่วนภาคการท่องเที่ยวคาดว่าการฟื้นตัวจะเริ่มเกิดขึ้นจริงในช่วงปลายปี เนื่องจากต้องรอการฉีดวัคซีน และการประเมินสถานการณ์เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่ากว่าที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามายังประเทศไทยได้คงเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาได้ประมาณ 6 - 7 ล้านคน เนื่องจากดูจากการนำเอาวัคซีนเข้ามาในประเทศไทยกว่าที่จะสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วประเทศรวมทั้งในหลายประเทศอยู่ระหว่างกระจายวัคซีนให้ประชาชนคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการได้รับวัคซีนในวงกว้างเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเดินทางได้
นาย
มนตรียังกล่าวต่อว่าสำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด19 หากจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ควรเป็นการแจกเงินแบบให้เปล่าเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่ควรเป็นการให้เงินแบบมีเงื่อนไข เช่นให้เงินแลกกับการฝึกทักษะอาชีพใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด19 มากเช่นภาคท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวและการเดินทางจะเปลี่ยนรูปแบบไปมากหลังจากโควิด19 ซึ่งแรงงานจะต้องมีทักษะใหม่สำหรับรองรับจะยั่งยืนกว่า
เขากล่าวต่อว่าในรอบนี้ภาครัฐเริ่มมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณและเงินที่จะนำมาใช้ ซึ่งเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯเหลืออยู่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะต้องคำนึงถึงการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเนื่องจากหากจะกู้เงินเพิ่มเติมก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของเพดานหนี้สาธารณะที่ขณะนี้หนี้สาธารณะของไทยใกล้จะถึง 60%ของจีดีพีแล้วการกู้เงินเพิ่มเติมจึงทำได้ไม่ง่ายนัก
การใช้วงเงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่รัฐจะต้องคำนึงถึง ควบคู่ไปกับการทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากรอบที่สุดเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากในช่วงที่เกิดวิกฤต
ภาครัฐจะต้องดูแลเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณควบคู่กับการกระตุ้น การลงทุนเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจในปี 2564 ขยายตัวได้มากที่สุด รวมทั้งภาครัฐจะต้องดูแลเรืองการเบิกจ่ายงบประมาณควบคู่กับการกระตุ้นการลงทุนเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจในปี 2564 ขยายตัวได้มากที่สุด
1.5 หมื่นโรงงานอีอีซีผวา โควิดทุบซัพพลายเชน ฐานผลิตประเทศระส่ำ
https://www.prachachat.net/economy/news-590842
ผู้ประกอบการ 6 จังหวัดในภาคตะวันออก-พื้นที่ EEC ผวา “สมุทรสาครโดมิโน่” หวั่นแรงงาน-พนักงานติดเชื้อโควิด-19 ต้องปิดไลน์ผลิตทั้งโรงงาน ลามกระทบคู่ค้า-ซัพพลายเชนทั้งระบบ ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารส่งออก 1.5 หมื่นโรงงานวางมาตรการป้องกันเข้ม กางแผนรับมือขั้นสูงสุด-ลุยตรวจโควิดเชิงรุก ประสานผู้ว่าฯชลบุรี นำร่องพื้นที่แรก เฮ ! อยู่ในพื้นที่สีแดง ประกันสังคมยอมจ่ายค่าตรวจ
การระบาดของโควิด-19 ในแรงงานที่ฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสัตว์น้ำและอาหารทะเลขนาดใหญ่ใน จ.สมุทรสาคร ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการในภาคการผลิตอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์-ปิโตรเคมี-ยานยนต์ ใน 6 จังหวัดภาคตะวันออก ที่มีการระบาดของโควิด-19 ไม่แพ้ที่สมุทรสาคร โดยกลุ่มจังหวัดเหล่านี้ ได้แก่ ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี-จันทบุรี-ตราด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย มีจำนวนโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานรวมกันถึง 12,757 แห่ง จำนวน 706,890 คน และมีจำนวนโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 4 จังหวัด (ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี) อีก 3,198 แห่ง จำนวนแรงงานอีก 282,399 คน
หวั่นเชนชิ้นส่วนกระทบ
ดร.สาโรจน์ วสุวานิช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตัวเลขการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคตะวันออก 4 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ที่ถูกยกระดับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเวลานี้น่าเป็นห่วง มียอดผู้ติดเชื้อสะสมใน จ.ระยอง 492 ราย ชลบุรี 447 ราย ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ ทั้งธุรกิจปิโตรเคมี โรงงานประกอบรถยนต์ของทุกค่าย และเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตชิ้นส่วนที่เป็นซัพพลายเชนกว่า 1,000 แห่ง
งัดแผนตรวจโควิดเชิงรุก
ภาคเอกชนจึงกังวลว่า หากพนักงานในโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน หรือโรงงานประกอบรถยนต์รายใดรายหนึ่งเกิดติดโควิด-19 จะกระทบต่อระบบการผลิตทั้งห่วงโซ่ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดในภาคตะวันออกจึงหารือกันเพื่อทำแผนป้องกันเชิงรุกในโรงงาน จะได้ไม่ต้องปิดโรงงานกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ และเร่งตรวจค้นหาโรคโควิดเชิงรุกในโรงงานต่าง ๆ จะเริ่มนำร่องที่ชลบุรีก่อน ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 ได้ทำหนังสือไปถึงนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชลบุรี และกระทรวงแรงงาน ขอให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจ พร้อมรายงานให้ ส.อ.ท.ทราบ ทั้งนี้ ปัจจุบันชลบุรีมีพนักงานผ่านระบบประกันสังคมประมาณ 9 แสนกว่าคน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อสรุป
ผวาเคส “สมุทรสาคร”
“
เราเห็นกรณีโรงงานผลิตปลากระป๋องที่สมุทรสาครติดโควิดถึง 900 คน ต้องปิดโรงงาน ถือเป็นผลกระทบภายในโรงงานเอง แต่หากมีพนักงานในบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ติดโควิด จะกระทบซัพพลายเชนทั้งระบบ โดยเฉพาะบางบริษัทที่ผลิตสินค้าส่งให้หลายค่ายรถยนต์ หากต้องปิดโรงงานและส่งสินค้าไม่ได้ กระทบกำลังการผลิตต่อเนื่องไปหมด ปกติโรงงานประกอบรถยนต์ค่ายต่าง ๆ จะสั่งสินค้าล่วงหน้า 3 เดือน แต่จะไม่เก็บสต๊อกสินค้า ขณะที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนเองก็จะไม่เก็บสต๊อกไว้ล่วงหน้ามากเช่นกัน จะผลิตเพื่อป้อนล่วงหน้าเพียง 1-2 วันเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้แต่ละโรงงานเข้มงวดมาตรการด้านสาธารณสุขมาก และต้องหาวิธีดำเนินการหากมีพนักงานติดโควิด ว่าทำอย่างไรจะได้ไม่ต้องปิดไลน์การผลิต โรงงานยังเปิดดำเนินการต่อไปได้”
อุตฯอิเล็กทรอนิกส์ไม่กระทบ
นาย
อุดม เสถียรภาพงษ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ส.อ.ท. เปิดเผยว่า กลุ่มอุตฯอิเล็กทรอนิกส์มีฐานการลงทุนและมีโรงงานอยู่ในอีอีซีจำนวนมาก แต่ที่รัฐได้กำหนดให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ทุกโรงงานได้เข้มงวดมาโดยตลอด มีการสุ่มตรวจพนักงาน คัดกรอง ทำความสะอาด แยกกลุ่มเสี่ยงออกชัดเจน มั่นใจว่าอีอีซีจะไม่ถูกล็อกดาวน์ และจะไม่กระทบการผลิตอุตฯไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ส่วนภาพรวมอุตฯไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ปี 2564 ยังมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีดีมานด์เกิดขึ้นอยู่ต่อเนื่อง
“
เรามองว่าหากเกิดการระบาดรุนแรงเหมือนที่สมุทรสาคร จะกระทบการผลิตทุกอุตสาหกรรม เพราะเป็นพื้นที่ที่ผลิตซัพพรายเชนให้หลายอุตสาหกรรมมาก ตอนนี้ที่ ส.อ.ท.หารือกับทางสมาชิกมีทั้งการระดมทุนบริจาค ช่วยการสร้างเต็นท์สนามสำหรับแรงงานที่ติดเชื้อ การหาพื้นที่สร้างโรงพยาบาลสนาม ในส่วนนี้โรงงานร้างสามารถทำได้ หรือจะเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา”
แนะโหลด “หมอชนะ”
ขณะที่นาย
สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากที่มีกระแสข่าวว่าตรวจพบว่ามีแรงงาน 2 รายในนิคมอุตสาหกรรมบางกระดีติดเชื้อโควิดนั้น เบื้องต้นได้ผลักดันให้ทุกคนโหลดแอปพลิเคชั่นหมอชนะ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด ส่วนมาตรการป้องกันเข้มข้นและทำความสะอาดฉีดยาฆ่าเชื้อโรงงานอยู่สม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่แต่ละโรงงานดำเนินการอยู่แล้ว
ค่ายรถ-ชิ้นส่วนจ้องลดกำลังผลิต
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่กระทบผู้ประกอบการค่ายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์อย่างมาก แต่ทุกคนต่างเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่จะตามมา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีโรงงานผลิตอยู่ในเขตพื้นที่สีแดง ปัญหาหลักคงเป็นเรื่องซัพพลายเชน คล้ายการระบาดรอบแรกช่วงเดือน มี.ค. 2563 ที่ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์จำนวนหนึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น และอื่น ๆ ดังนั้นหากซัพพลายเออร์ผลิตไม่ได้ หรือโลจิสติกส์มีปัญหา ภาคการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะสะดุด รวมทั้งไทยด้วย
อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและโรงงานผลิตรถยนต์ได้หารือถึงผลกระทบ โดยเฉพาะดีมานด์ของตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มลดลง เร็ว ๆ นี้อาจจะต้องชะลอการซัพพลายชิ้นส่วนไปยังโรงงานประกอบ เพื่อปรับการผลิตให้สอดรับกับความต้องการของตลาด
ฮอนด้าหยุดไลน์ผลิตปราจีนบุรี
“
เป็นไปได้ว่าหลายโรงงานอาจจะยืดระยะเวลาวันหยุดออกไปอีกจากที่หยุดช่วงปีใหม่ และที่สำคัญ โรงงานผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งรัฐบาลยกระดับความเข้มงวดในการป้องกันโรค การเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดต้องได้รับอนุญาต การเข้าปฏิบัติงานของพนักงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก”
แหล่งข่าวจาก บจ.ฮอนด้า ออโตโมบิล เปิดเผยว่า ได้ประกาศหยุดไลน์ผลิตรถยนต์นั่งที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ชั่วคราว 8-20 ม.ค. 2564
สำหรับปัญหาการหยุดไลน์ผลิต สืบเนื่องมาจากกระบวนการซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ไม่สามารถป้อนให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ได้ ต้องตัดสินใจหยุดไลน์ผลิตเพื่อรอชิ้นส่วนดังกล่าว คาดว่าหลัง 20 ม.ค.นี้โรงงานฮอนด้าที่ปราจีนบุรีจะสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้ง
ชะลอจ้างแรงงานหมื่นคน
ขณะเดียวกัน นาย
วิสูตร พันธวุฒิยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชอาร์.ไดเจสท์ กรุ๊ป ในฐานะนายกสมาคมนายจ้างผู้ประกอบการรับเหมาแรงงาน เปิดเผยว่า การระบาดของโควิดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการในอีอีซีไม่กล้ารับคนทำงานที่ผ่านการพิจารณาแล้วให้เข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยหรือต่างด้าว เพราะกังวลว่าจะทำให้การระบาดเพิ่ม ทั้งนี้ หลังมีการส
JJNY : 5in1 นิด้ามองจีดีพีไม่เกิน3%/1.5หมื่นโรงงานอีอีซีผวา/จตุจักรเงียบ/พท.บี้หั่นงบกองทัพฟื้นศก./กก.เผยผู้ปกครองโอด
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916319
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในประเทศไทยรอบใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 อย่างชัดเจนและจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จีดีพี -1.8%
เนื่องจากในปีที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 1 ประเทศไทยยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 6 - 7 ล้านคน แต่ในไตรมาส 1 ปีนี้เราไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด19รอบใหม่ทำให้ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงต้นปี 2564 ลดลงโดยผลกระทบจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 2ของปีนี้ด้วยหากการควบคุมโรคทำได้ล่าช้า
สำหรับแนวโน้มของเศรษฐกิจในปี 2564 ประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ 2.5 - 3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในปี 2563 ที่คาดว่าจีดีพีจะหดตัวประมาณ 7.5% โดยสาเหตุที่ประเมินว่าการขยายตัวของจีดีพีในปี 2564 ยังฟื้นตัวได้ไม่มากนักเนื่องจากความไม่แน่นอนของการควบคุมโรคระบาด การแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนที่จะกระทบกับภาคการส่งออกที่จะทำให้ภาคการส่งออกในปีนี้ขยายตัวได้เพียงประมาณ 3%
ส่วนภาคการท่องเที่ยวคาดว่าการฟื้นตัวจะเริ่มเกิดขึ้นจริงในช่วงปลายปี เนื่องจากต้องรอการฉีดวัคซีน และการประเมินสถานการณ์เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่ากว่าที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามายังประเทศไทยได้คงเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาได้ประมาณ 6 - 7 ล้านคน เนื่องจากดูจากการนำเอาวัคซีนเข้ามาในประเทศไทยกว่าที่จะสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วประเทศรวมทั้งในหลายประเทศอยู่ระหว่างกระจายวัคซีนให้ประชาชนคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการได้รับวัคซีนในวงกว้างเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเดินทางได้
นายมนตรียังกล่าวต่อว่าสำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด19 หากจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ควรเป็นการแจกเงินแบบให้เปล่าเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่ควรเป็นการให้เงินแบบมีเงื่อนไข เช่นให้เงินแลกกับการฝึกทักษะอาชีพใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด19 มากเช่นภาคท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวและการเดินทางจะเปลี่ยนรูปแบบไปมากหลังจากโควิด19 ซึ่งแรงงานจะต้องมีทักษะใหม่สำหรับรองรับจะยั่งยืนกว่า
เขากล่าวต่อว่าในรอบนี้ภาครัฐเริ่มมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณและเงินที่จะนำมาใช้ ซึ่งเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯเหลืออยู่ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะต้องคำนึงถึงการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเนื่องจากหากจะกู้เงินเพิ่มเติมก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของเพดานหนี้สาธารณะที่ขณะนี้หนี้สาธารณะของไทยใกล้จะถึง 60%ของจีดีพีแล้วการกู้เงินเพิ่มเติมจึงทำได้ไม่ง่ายนัก
การใช้วงเงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่รัฐจะต้องคำนึงถึง ควบคู่ไปกับการทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากรอบที่สุดเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากในช่วงที่เกิดวิกฤต
ภาครัฐจะต้องดูแลเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณควบคู่กับการกระตุ้น การลงทุนเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจในปี 2564 ขยายตัวได้มากที่สุด รวมทั้งภาครัฐจะต้องดูแลเรืองการเบิกจ่ายงบประมาณควบคู่กับการกระตุ้นการลงทุนเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจในปี 2564 ขยายตัวได้มากที่สุด
1.5 หมื่นโรงงานอีอีซีผวา โควิดทุบซัพพลายเชน ฐานผลิตประเทศระส่ำ
https://www.prachachat.net/economy/news-590842
ผู้ประกอบการ 6 จังหวัดในภาคตะวันออก-พื้นที่ EEC ผวา “สมุทรสาครโดมิโน่” หวั่นแรงงาน-พนักงานติดเชื้อโควิด-19 ต้องปิดไลน์ผลิตทั้งโรงงาน ลามกระทบคู่ค้า-ซัพพลายเชนทั้งระบบ ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารส่งออก 1.5 หมื่นโรงงานวางมาตรการป้องกันเข้ม กางแผนรับมือขั้นสูงสุด-ลุยตรวจโควิดเชิงรุก ประสานผู้ว่าฯชลบุรี นำร่องพื้นที่แรก เฮ ! อยู่ในพื้นที่สีแดง ประกันสังคมยอมจ่ายค่าตรวจ
การระบาดของโควิด-19 ในแรงงานที่ฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสัตว์น้ำและอาหารทะเลขนาดใหญ่ใน จ.สมุทรสาคร ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการในภาคการผลิตอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์-ปิโตรเคมี-ยานยนต์ ใน 6 จังหวัดภาคตะวันออก ที่มีการระบาดของโควิด-19 ไม่แพ้ที่สมุทรสาคร โดยกลุ่มจังหวัดเหล่านี้ ได้แก่ ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี-จันทบุรี-ตราด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย มีจำนวนโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานรวมกันถึง 12,757 แห่ง จำนวน 706,890 คน และมีจำนวนโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 4 จังหวัด (ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี) อีก 3,198 แห่ง จำนวนแรงงานอีก 282,399 คน
หวั่นเชนชิ้นส่วนกระทบ
ดร.สาโรจน์ วสุวานิช กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตัวเลขการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคตะวันออก 4 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ที่ถูกยกระดับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเวลานี้น่าเป็นห่วง มียอดผู้ติดเชื้อสะสมใน จ.ระยอง 492 ราย ชลบุรี 447 ราย ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ ทั้งธุรกิจปิโตรเคมี โรงงานประกอบรถยนต์ของทุกค่าย และเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตชิ้นส่วนที่เป็นซัพพลายเชนกว่า 1,000 แห่ง
งัดแผนตรวจโควิดเชิงรุก
ภาคเอกชนจึงกังวลว่า หากพนักงานในโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน หรือโรงงานประกอบรถยนต์รายใดรายหนึ่งเกิดติดโควิด-19 จะกระทบต่อระบบการผลิตทั้งห่วงโซ่ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดในภาคตะวันออกจึงหารือกันเพื่อทำแผนป้องกันเชิงรุกในโรงงาน จะได้ไม่ต้องปิดโรงงานกรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ และเร่งตรวจค้นหาโรคโควิดเชิงรุกในโรงงานต่าง ๆ จะเริ่มนำร่องที่ชลบุรีก่อน ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 ได้ทำหนังสือไปถึงนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการ จ.ชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ชลบุรี และกระทรวงแรงงาน ขอให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจ พร้อมรายงานให้ ส.อ.ท.ทราบ ทั้งนี้ ปัจจุบันชลบุรีมีพนักงานผ่านระบบประกันสังคมประมาณ 9 แสนกว่าคน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อสรุป
ผวาเคส “สมุทรสาคร”
“เราเห็นกรณีโรงงานผลิตปลากระป๋องที่สมุทรสาครติดโควิดถึง 900 คน ต้องปิดโรงงาน ถือเป็นผลกระทบภายในโรงงานเอง แต่หากมีพนักงานในบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ติดโควิด จะกระทบซัพพลายเชนทั้งระบบ โดยเฉพาะบางบริษัทที่ผลิตสินค้าส่งให้หลายค่ายรถยนต์ หากต้องปิดโรงงานและส่งสินค้าไม่ได้ กระทบกำลังการผลิตต่อเนื่องไปหมด ปกติโรงงานประกอบรถยนต์ค่ายต่าง ๆ จะสั่งสินค้าล่วงหน้า 3 เดือน แต่จะไม่เก็บสต๊อกสินค้า ขณะที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนเองก็จะไม่เก็บสต๊อกไว้ล่วงหน้ามากเช่นกัน จะผลิตเพื่อป้อนล่วงหน้าเพียง 1-2 วันเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้แต่ละโรงงานเข้มงวดมาตรการด้านสาธารณสุขมาก และต้องหาวิธีดำเนินการหากมีพนักงานติดโควิด ว่าทำอย่างไรจะได้ไม่ต้องปิดไลน์การผลิต โรงงานยังเปิดดำเนินการต่อไปได้”
อุตฯอิเล็กทรอนิกส์ไม่กระทบ
นายอุดม เสถียรภาพงษ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ส.อ.ท. เปิดเผยว่า กลุ่มอุตฯอิเล็กทรอนิกส์มีฐานการลงทุนและมีโรงงานอยู่ในอีอีซีจำนวนมาก แต่ที่รัฐได้กำหนดให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ทุกโรงงานได้เข้มงวดมาโดยตลอด มีการสุ่มตรวจพนักงาน คัดกรอง ทำความสะอาด แยกกลุ่มเสี่ยงออกชัดเจน มั่นใจว่าอีอีซีจะไม่ถูกล็อกดาวน์ และจะไม่กระทบการผลิตอุตฯไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ส่วนภาพรวมอุตฯไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ปี 2564 ยังมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีดีมานด์เกิดขึ้นอยู่ต่อเนื่อง
“เรามองว่าหากเกิดการระบาดรุนแรงเหมือนที่สมุทรสาคร จะกระทบการผลิตทุกอุตสาหกรรม เพราะเป็นพื้นที่ที่ผลิตซัพพรายเชนให้หลายอุตสาหกรรมมาก ตอนนี้ที่ ส.อ.ท.หารือกับทางสมาชิกมีทั้งการระดมทุนบริจาค ช่วยการสร้างเต็นท์สนามสำหรับแรงงานที่ติดเชื้อ การหาพื้นที่สร้างโรงพยาบาลสนาม ในส่วนนี้โรงงานร้างสามารถทำได้ หรือจะเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา”
แนะโหลด “หมอชนะ”
ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากที่มีกระแสข่าวว่าตรวจพบว่ามีแรงงาน 2 รายในนิคมอุตสาหกรรมบางกระดีติดเชื้อโควิดนั้น เบื้องต้นได้ผลักดันให้ทุกคนโหลดแอปพลิเคชั่นหมอชนะ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด ส่วนมาตรการป้องกันเข้มข้นและทำความสะอาดฉีดยาฆ่าเชื้อโรงงานอยู่สม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่แต่ละโรงงานดำเนินการอยู่แล้ว
ค่ายรถ-ชิ้นส่วนจ้องลดกำลังผลิต
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่กระทบผู้ประกอบการค่ายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์อย่างมาก แต่ทุกคนต่างเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่จะตามมา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีโรงงานผลิตอยู่ในเขตพื้นที่สีแดง ปัญหาหลักคงเป็นเรื่องซัพพลายเชน คล้ายการระบาดรอบแรกช่วงเดือน มี.ค. 2563 ที่ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์จำนวนหนึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น และอื่น ๆ ดังนั้นหากซัพพลายเออร์ผลิตไม่ได้ หรือโลจิสติกส์มีปัญหา ภาคการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะสะดุด รวมทั้งไทยด้วย
อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและโรงงานผลิตรถยนต์ได้หารือถึงผลกระทบ โดยเฉพาะดีมานด์ของตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มลดลง เร็ว ๆ นี้อาจจะต้องชะลอการซัพพลายชิ้นส่วนไปยังโรงงานประกอบ เพื่อปรับการผลิตให้สอดรับกับความต้องการของตลาด
ฮอนด้าหยุดไลน์ผลิตปราจีนบุรี
“เป็นไปได้ว่าหลายโรงงานอาจจะยืดระยะเวลาวันหยุดออกไปอีกจากที่หยุดช่วงปีใหม่ และที่สำคัญ โรงงานผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งรัฐบาลยกระดับความเข้มงวดในการป้องกันโรค การเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดต้องได้รับอนุญาต การเข้าปฏิบัติงานของพนักงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก”
แหล่งข่าวจาก บจ.ฮอนด้า ออโตโมบิล เปิดเผยว่า ได้ประกาศหยุดไลน์ผลิตรถยนต์นั่งที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ชั่วคราว 8-20 ม.ค. 2564
สำหรับปัญหาการหยุดไลน์ผลิต สืบเนื่องมาจากกระบวนการซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ไม่สามารถป้อนให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ได้ ต้องตัดสินใจหยุดไลน์ผลิตเพื่อรอชิ้นส่วนดังกล่าว คาดว่าหลัง 20 ม.ค.นี้โรงงานฮอนด้าที่ปราจีนบุรีจะสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้ง
ชะลอจ้างแรงงานหมื่นคน
ขณะเดียวกัน นายวิสูตร พันธวุฒิยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชอาร์.ไดเจสท์ กรุ๊ป ในฐานะนายกสมาคมนายจ้างผู้ประกอบการรับเหมาแรงงาน เปิดเผยว่า การระบาดของโควิดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการในอีอีซีไม่กล้ารับคนทำงานที่ผ่านการพิจารณาแล้วให้เข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยหรือต่างด้าว เพราะกังวลว่าจะทำให้การระบาดเพิ่ม ทั้งนี้ หลังมีการส