เกริ่นก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่ยุคนี้มีการแบ่งปันความรู้กันมากมายและเราสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายด้วยการกูเกิล
คนธรรมดาสมัยนี้จึงไม่ต้องเรียนจบเฉพาะทางจึงจะเข้าใจเรื่องไวรัสและวัคซีนหรือเรื่องอื่นๆที่สนใจอีกต่อไป
เพียงแต่เค้าใช้ภาษาอังกฤษบอกเล่ากัน ภาษาในสมัยต่อไปนี้จึงสำคัญครับ
โดยพื้นฐานพอโควิดเข้าสู่ร่างกายก็จะผ่านเข้าไปภายในเซล สิ่งที่ไวรัสทำคือป้อนเอา RNA ของตัวมันเข้าไปในนิวเคลียสของเซลนั้น
ทำให้นิวเคลียสออกคำสั่งผิดๆให้เซลสร้างไวรัสขึ้นมาอย่างมากมายภายในเซล พอถึงจุดหนึ่งเซลนั้นก็จะตายแล้วไวรัสจำนวนมากก็ออกไปจับเซลอื่นอีก
เหตุที่เราไอกันเพราะมันเข้าสู่ร่างกายทางอากาศเข้าสู่หลอดลม ถ้าร่างกายมีภูมิคุ้มกันก็จะสามารถกำจัดมันได้ทัน ถ้าไม่ทันก็เข้าไปทำลายปอด
เมื่อเซลปอดตาย ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก ร่างกายขาดออกซิเจน อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิตครับ
วัคซีนออกซฟอร์ดคือการเอาไวรัสไข้หวัดของลิงชิมแปนซี มาตัดต่อพันธุกรรม โดยตัด RNA ออกประมาณ 20% แล้วเลี้ยงไว้ในเนื้อเยื่อพิเศษ
เวลามีไวรัสอะไรเข้ามาใหม่ก็จะหาว่าโปรตีนส่วนไหนของไวรัสที่ร่างกายสามารถจับได้ว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
แล้วหาให้พบว่าส่วนไหนของ RNA ที่ออกคำสั่งสร้างโปรตีนชนิดนี้ขึ้นมา
หลังจากนั้นก็สร้าง RNA ส่วนนั้นขึ้น (แบบเดียวกับที่ไฟเซอร์และโมเดอร์นาสร้าง) แล้วเอาไปแปะกับ RNA ของไวรัสลิงที่มีอยู่แล้ว
ต่างกับไฟเซอร์และโมเดอร์น่าที่สร้าง RNA เลียนแบบไวรัสขึ้นมาทั้งเส้น ไม่ได้แค่ส่วนหนึ่งส่วนใด
แต่วิธีการ mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์น่านี้จะได้ผลก็เฉพาะกับโคโรน่าไวรัส ซึ่งเป็นไวรัสที่มาจากสัตว์เท่านั้น เช่นซาร์ส กับ เมอร์ส และ โควิด
ต่างกับวิธีเวคเตอร์ของออกซฟอร์ดและสปุกนิคของรัสเซียที่สามารถจัดการกับไวรัสได้หลากหลายกว่า ไม่จำเพาะว่าต้องมีหนามแบบโคโรน่าไวรัส
ส่วนวิธีเชื้อตายนั้นดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยที่สุด แต่แพงและอันตรายที่สุดแถมใช้เวลามากที่สุด
เพราะเพาะเชื้อจากเชื้อจริงๆ ค่าใช้จ่ายจึงแพงมากในการควบคุมทุกขั้นตอน
เชื้อในวัคซีนประเภทอื่นควบคุมง่ายกว่าเพราะไม่สามารถมีชิวิตรอดหรือแพร่พันธุ์ในภาวะปกติและไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์
จากรูปคือหน้าตาของวัคซีนออกซฟอร์ด ที่เป็นไวรัสในลิงผ่านการตัดต่อพันธุกรรมแล้ว
จากภาพข้างล่างจะเห็นว่าเมื่อวัคซีน หรือเรียกอีกอย่างว่าไวรัสลิงเข้าสู่ร่างกายก็จะเอาเฉพาะ RNA ของมันเข้าไปฝังตัวภายในนิวเคลียส
จะเห็นว่า RNA มีสองสี ส่วนที่มีสีแดงคือแสดงว่าเป็นส่วนที่ตัดต่อเข้าไป และเป็นส่วนนี้ที่ออกคำสั่งให้สร้างโปรตีนหนาม
พอฝัง RNA ได้แล้วก็จะออกคำสั่งผิดๆ ให้เซลนั้นสร้างโปรตีนหนามขึ้นรอบๆเซล
ต่างกับไวรัสโควิดตัวจริงที่ออกคำสั่งให้สร้างไวรัสตัวใหม่ทั้งตัวจำนวนมากขึ้นภายในเซล
พอภูมิคุ้มกันจับโปรตีนหนามรอบๆเซลนี้ได้ก็จะสร้าง T เซลขึ้นมาจัดการ ทำให้เซลนั้นตายไป
วัคซีนจะมีไวรัสลิงกลายพันธุ์นี้จำนวนเป็นล้านในหนึ่งโดส ทำให้ภูมิคุ้มกันจดจำโปรตีนหนามของโควิดได้
เมื่อไหร่ที่โควิดตัวจริงเข้ามา พอภูมิคุ้มกันตรวจเจอโปรตีนหนามก็จะรีบสร้าง T เซลขึ้นใหม่ได้ทัน หรือมี T เซลเดิมที่สร้างไว้ยังอยู่ในร่างกาย
ทำให้ไม่ป่วย ไม่เป็นไข้ แต่ถ้าจะป่วยก็ไม่ป่วยมาก ไม่ลงปอดเพราะภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดี้ทันก่อนลงปอดครับ
ดังนั้นวัคซีนเวคเตอร์และวัคซีนตาย ถึงจะไม่ได้มีประสิทธิผล efficacy สูงแบบ mRNA
แต่ก็ทำให้คนติดเชื้อไม่รุนแรง อาจแพร่กระจายเชื้อต่อไปได้ แต่ถ้าฉีดให้คนจำนวนมากๆก็ไม่มีใครต้องเข้าโรงพยาบาลครับ
[covid-19] เชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายแล้วเกิดอะไรขึ้น และวัคซีนออกซฟอร์ดสร้างและทำงานอย่างไร
คนธรรมดาสมัยนี้จึงไม่ต้องเรียนจบเฉพาะทางจึงจะเข้าใจเรื่องไวรัสและวัคซีนหรือเรื่องอื่นๆที่สนใจอีกต่อไป
เพียงแต่เค้าใช้ภาษาอังกฤษบอกเล่ากัน ภาษาในสมัยต่อไปนี้จึงสำคัญครับ
โดยพื้นฐานพอโควิดเข้าสู่ร่างกายก็จะผ่านเข้าไปภายในเซล สิ่งที่ไวรัสทำคือป้อนเอา RNA ของตัวมันเข้าไปในนิวเคลียสของเซลนั้น
ทำให้นิวเคลียสออกคำสั่งผิดๆให้เซลสร้างไวรัสขึ้นมาอย่างมากมายภายในเซล พอถึงจุดหนึ่งเซลนั้นก็จะตายแล้วไวรัสจำนวนมากก็ออกไปจับเซลอื่นอีก
เหตุที่เราไอกันเพราะมันเข้าสู่ร่างกายทางอากาศเข้าสู่หลอดลม ถ้าร่างกายมีภูมิคุ้มกันก็จะสามารถกำจัดมันได้ทัน ถ้าไม่ทันก็เข้าไปทำลายปอด
เมื่อเซลปอดตาย ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก ร่างกายขาดออกซิเจน อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิตครับ
วัคซีนออกซฟอร์ดคือการเอาไวรัสไข้หวัดของลิงชิมแปนซี มาตัดต่อพันธุกรรม โดยตัด RNA ออกประมาณ 20% แล้วเลี้ยงไว้ในเนื้อเยื่อพิเศษ
เวลามีไวรัสอะไรเข้ามาใหม่ก็จะหาว่าโปรตีนส่วนไหนของไวรัสที่ร่างกายสามารถจับได้ว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
แล้วหาให้พบว่าส่วนไหนของ RNA ที่ออกคำสั่งสร้างโปรตีนชนิดนี้ขึ้นมา
หลังจากนั้นก็สร้าง RNA ส่วนนั้นขึ้น (แบบเดียวกับที่ไฟเซอร์และโมเดอร์นาสร้าง) แล้วเอาไปแปะกับ RNA ของไวรัสลิงที่มีอยู่แล้ว
ต่างกับไฟเซอร์และโมเดอร์น่าที่สร้าง RNA เลียนแบบไวรัสขึ้นมาทั้งเส้น ไม่ได้แค่ส่วนหนึ่งส่วนใด
แต่วิธีการ mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์น่านี้จะได้ผลก็เฉพาะกับโคโรน่าไวรัส ซึ่งเป็นไวรัสที่มาจากสัตว์เท่านั้น เช่นซาร์ส กับ เมอร์ส และ โควิด
ต่างกับวิธีเวคเตอร์ของออกซฟอร์ดและสปุกนิคของรัสเซียที่สามารถจัดการกับไวรัสได้หลากหลายกว่า ไม่จำเพาะว่าต้องมีหนามแบบโคโรน่าไวรัส
ส่วนวิธีเชื้อตายนั้นดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยที่สุด แต่แพงและอันตรายที่สุดแถมใช้เวลามากที่สุด
เพราะเพาะเชื้อจากเชื้อจริงๆ ค่าใช้จ่ายจึงแพงมากในการควบคุมทุกขั้นตอน
เชื้อในวัคซีนประเภทอื่นควบคุมง่ายกว่าเพราะไม่สามารถมีชิวิตรอดหรือแพร่พันธุ์ในภาวะปกติและไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์
จากรูปคือหน้าตาของวัคซีนออกซฟอร์ด ที่เป็นไวรัสในลิงผ่านการตัดต่อพันธุกรรมแล้ว
จากภาพข้างล่างจะเห็นว่าเมื่อวัคซีน หรือเรียกอีกอย่างว่าไวรัสลิงเข้าสู่ร่างกายก็จะเอาเฉพาะ RNA ของมันเข้าไปฝังตัวภายในนิวเคลียส
จะเห็นว่า RNA มีสองสี ส่วนที่มีสีแดงคือแสดงว่าเป็นส่วนที่ตัดต่อเข้าไป และเป็นส่วนนี้ที่ออกคำสั่งให้สร้างโปรตีนหนาม
พอฝัง RNA ได้แล้วก็จะออกคำสั่งผิดๆ ให้เซลนั้นสร้างโปรตีนหนามขึ้นรอบๆเซล
ต่างกับไวรัสโควิดตัวจริงที่ออกคำสั่งให้สร้างไวรัสตัวใหม่ทั้งตัวจำนวนมากขึ้นภายในเซล
พอภูมิคุ้มกันจับโปรตีนหนามรอบๆเซลนี้ได้ก็จะสร้าง T เซลขึ้นมาจัดการ ทำให้เซลนั้นตายไป
วัคซีนจะมีไวรัสลิงกลายพันธุ์นี้จำนวนเป็นล้านในหนึ่งโดส ทำให้ภูมิคุ้มกันจดจำโปรตีนหนามของโควิดได้
เมื่อไหร่ที่โควิดตัวจริงเข้ามา พอภูมิคุ้มกันตรวจเจอโปรตีนหนามก็จะรีบสร้าง T เซลขึ้นใหม่ได้ทัน หรือมี T เซลเดิมที่สร้างไว้ยังอยู่ในร่างกาย
ทำให้ไม่ป่วย ไม่เป็นไข้ แต่ถ้าจะป่วยก็ไม่ป่วยมาก ไม่ลงปอดเพราะภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดี้ทันก่อนลงปอดครับ
ดังนั้นวัคซีนเวคเตอร์และวัคซีนตาย ถึงจะไม่ได้มีประสิทธิผล efficacy สูงแบบ mRNA
แต่ก็ทำให้คนติดเชื้อไม่รุนแรง อาจแพร่กระจายเชื้อต่อไปได้ แต่ถ้าฉีดให้คนจำนวนมากๆก็ไม่มีใครต้องเข้าโรงพยาบาลครับ