หลังจากวีโว่เปิดตัว V Series กันมาหลายรุ่นจนถึงรุ่นถูกสุดอย่าง
Vivo V20 SE ที่มีราคาเพียง 8,699 บาท และก็ถึงคิวของ Y Series โดยประเดิมกันที่ Vivo Y12s ราคา 4,299 บาท เหมาะกับซื้อให้ลูกให้หลานใช้งาน หรือจะเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีอะไรมาก แค่เพียงพอสำหรับการส่ง LINE และใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานทั่วไป ด้วยจุดเด่นที่หน้าจอขนาดใหญ่ แบตเตอรี่อึดความจุ 5000 mAh แถมยังมีกล้องหลังเป็น AI Dual Camera ให้ด้วย
Vivo Y12s
ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นรุ่น
Y12s เพิ่มเติมมาจากรุ่น
Y12 ของปีที่แล้ว (2019) แต่ช่วงราคาก็ยังอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาท มีการปรับสเปกเพิ่มเติมให้เล็กน้อยตามสมัยนิยม แต่ก็ยังคงยืนสเปกเดิมที่เป็น RAM 3 GB + ROM 32 GB ส่วนขนาดหน้าจอก็เพิ่มเป็น 6.51″ (ใหญ่กว่าเดิม) ความละเอียดเพียงพอสำหรับการใช้งาน HD+ สามารถใช้ตอบแชท เล่นเกม ดูวิดีโอได้อย่างไม่ต้องเพ่ง ส่วนเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องก็มาแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวาโดดเด่นจนทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกว่าใช้งานแล้วมันอึดอัด

อุปกรณ์ภายในกล่องมีเคสใสแถมมาให้ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) นอกจากนี้ก็มีสายชาร์จ Micro USB และอะแดปเตอร์แบบธรรมดา (ไม่รองรับชาร์จเร็ว) แล้วก็ภายในจะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ เนื่องจากต้องการทำราคาให้ถูกที่สุดจนทุกคนเอื้อมถึงได้นั่นเอง ส่วนเรื่องฟิล์มกันรอยก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ต้องไปหาซื้อเพิมเติมที่ไหน วีโว่ติดมาให้สำเร็จจากโรงงานเลย จ่ายเงินซื้อเครื่องเสร็จพร้อมใช้งานไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว (ยกเว้นแค่หูฟัง) เปิดเครื่องมาก็พร้อมที่จะใช้งานทันที
สเปกและคุณสมบัติ
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 11)
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.51″ (ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล Mediatek Helio P35 Octa Core
- แรม 3 GB
- รอม 32 GB (รองรับ microSD)
- กล้องหลังแบบ 2 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LEDกล้องหลัก 13 MP (F/2.2)
- กล้องโบเก้ 2 MP (F/2.4)
- กล้องหน้า 8 MP (F/1.8)
- รองรับสองซิม (สามารถเพิ่ม microSD แยกต่างหาก)
- ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- ขนาด 164.41 × 76.32 × 8.41 มม.
- น้ำหนัก 191 กรัม

ตัวเครื่องโค้ง 2.5D สีสันสวยสะดุดตา มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ Glacier Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาน้ำแข็งแอนตาร์กติกที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ สีฟ้าอ่อนที่ดูสดชื่นและเปล่งประกายแวววาว เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สดชื่น และความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ที่โรแมนติกและ Phantom Black (ตัวที่รีวิว) ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากความคลาสสิกของหินโมราสีดำ ผสมผสานกับสีน้ำเงินเข้มเข้าด้วยกัน ผิวสัมผัสเหมือนอัญมณีที่สง่างาม ในส่วนวัสดุของตัวเครื่องนั้นทำจากพลาสติก

ไม่ทราบสัดส่วนมากนักว่าคนส่วนใหญ่ชอบอะไร แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบการเชื่อมต่อแบบ USB-C มากกว่า (เนื่องด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้าน) แต่ในกลุ่มลูกค้า Vivo Y12s ที่ชื่นชอบความคุ้มค่า สามารถใช้กับอุปกรณ์เก่าได้อย่างไม่มีปัญหา Micro USB ก็ถือว่าตอบโจทย์ในด้านการใช้งาน แต่ที่เห็นตรงกันก็คือเรื่องของหูฟัง 3.5 มม. ยังไงสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นก็ควรมี เพื่อที่จะสามารถใช้งานร่วมกับหูฟังส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ได้อย่างไม่ต้องแปลง สุดท้ายงานประกอบตัวเครื่องก็ทำออกมาได้เรียบร้อยดี

เรียกได้เต็มปากว่า Vivo V12s เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเริ่มต้นสำหรับทุกคน ตัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้เหลือเพียงแค่แก่นของการใช้งานเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดหรือน้ำหนักที่ทำได้อย่างลงตัว สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องถนอมอะไรมาก และถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีสเปกแรงระดับรุ่น TOP แต่การปรับแต่ง Software ของทางวีโว่เองก็ทำได้ดี เวลาใช้งานลื่นสัมผัสติดนิ้วไม่มีหน่วงจนทำให้โมโห แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมอะไรหนัก ๆ สักเท่าไหร่

ความบางของตัวเครื่องอยู่ในระดับสมัยนิยม 8.41 มม. เรียกว่าไม่บางมากแต่ก็ไม่หนาเทอะทะ แต่หากใครอยากได้บางเฉียบแนะนำให้ไป
Vivo V20 (7.39 มม.) จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า (แลกกับราคาที่สูงขึ้น) ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีขนาด 5000 mAh ไม่แพ้รุ่นราคาหลักหมื่นในท้องตลอด และว่ากันตามตรงคือวีโว่ให้ปริมาณแบตเตอรี่จัดเต็มกว่าด้วยซ้ำ บวกกับชิปประมวลผล Mediatek Helio P35 และหน้าจอ HD+ ยิ่งทำให้ระยะเวลาการใช้งานยาวนานขึ้นไปอีก ไม่ต้องง้อแบตสำรอง

และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นประหยัดของวีโว่ แต่ก็ยังคงจัดหน้าจอ Halo FullView Display ที่มอบประสบการณ์เล่นเกมหรือดูวิดีโอได้อย่างเหนือชั้น สร้างมุมมองที่กว้างและสมจริงด้วยขนาด 6.51″ ความคมชัด HD+ มีคุณสมบัติกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ส่วนคนที่ไม่ชอบหน้าจอโค้งเพราะเล่นเกมไม่ถนัด ข่าวดีก็คือ Vivo Y12s มีหน้าจอโค้งแบบ 2.5D แต่แทบจะสัมผัสไม่ได้ถึงความโค้งเลย ออกแนวกระจกแบนเรียบมากกว่า ง่ายต่อการใช้งานและควบคุมเครื่องสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกม

หลายคนคิดว่ารุ่นถูกกล้องมีก็เหมือนไม่มี แต่นั่นไม่ใช่กับวีโว่ผู้นำเรื่องการเซลฟี่ ที่มีกล้องหน้าที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน โดยในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหน้า 8 MP (F/1.8) ความละเอียดมาตรฐานเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป (เดี๋ยวดูตัวอย่างรูปด้านล่างอีกที) การใช้งานเหมาะกับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องการอะไรซับซ้อน แต่ก็ยังคงมี Beauty Mode ให้สามารถได้ปรับโทนผิวสีและผิดนวล หรือจะปรับโบโก้ด้วย AI ให้ละลายฉากหลังก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน

พูดเรื่องกล้องหน้าแล้วไม่พูดกล้องหลังคงจะแปลกไปสักนิด ในส่วนของกล้องหลังเป็น AI Dual Camera ประกอบด้วยเลนส์กล้องหลัก 13 MP (F/2.2) + กล้องโบเก้ 2 MP (F/2.4) และก่อนรีวิวผู้เขียนเองก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องคุณภาพอะไรมาก เพราะด้วยราคาไม่เกิน 5,000 บาท จะให้ได้คุณภาพดีเลิศเหมือนเครื่องหลักหมื่นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ผลที่ได้คือกล้องมีคุณภาพสูงเกินตัว สามารถรับแสงและมีความเร็วชัตเตอร์ที่ถ่ายได้แบบไม่เบลอ โฟกัสด้วยความเร็วที่ความเร็วที่ถ่ายได้ไม่อึดอัด

หน้าจอถึงแม้ว่าจะเป็น 2.5D แต่ก็ไม่ได้จอโค้งอะไรมากเลย โค้งเหลื่อมเล็ก ๆ บริเวณมุมเพียงครึ่ง มม. แค่สำหรับใช้ลบขอบมุมทุกด้านไม่ให้ระคายนิ้ว อย่างที่บอกคือขนาดหน้าจอ 6.51″ กับราคานี้ก็จัดเต็มแล้ว ยังให้มาเป็นหน้าจอ IPS ที่สามารถสู้แสงภายนอกได้อยู่บ้าง ส่วนความละเอียด HD+ เป็นข้อดีอย่างหนึ่งคือทำให้การประมวลผลรวดเร็วกว่า (เมื่อเทียบกับจอ FHD+ ในสเปกเดียวกัน) อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า สีสันของหน้าจอก็ถือว่าจัดจ้านพอตัวหากเทียบคู่แข่ง
สแกนลายนิ้วมือ 0.23 วินาที

Vivo Y12s มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D มีฟังก์ชันจดจำใบหน้าด้วย Face Wake ที่จะปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณทันที เมื่อคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ให้การปลดล็อกของคุณสะดวกสบายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น แต่หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถสแกนนิ้วปลดล็อกด้านข้างเพียงแค่ 0.23 วินาที ลักษณะของปุ่มสแกนนิ้วด้านข้างและปุ่มเปิดปิดเป็นแบบ 2-in-1 ทำได้ทั้งสองอย่างในขึ้นตอนเดียว ส่วนตัวชอบมากกว่าการสแกนนิ้วมือแบบด้านหลังเครื่อง
ลูกเล่นกล้องถ่ายสนุก

ไม่ต้องน้อยใจไปว่าไม่มีกล้องมุมกว้าง มาโคร หรือเลนส์ซูม และถึงแม้ว่าลูกเล่นกล้องจะไม่เยอะเหมือนรุ่นพี่ แต่ก็ใช่ว่าวีโว่จะใจร้ายไม่ใส่อะไรมาให้เลย สำหรับคนที่ถ่ายรูปไม่เก่งเพียงแค่มีสมาร์ตโฟนวีโว่ ก็จะได้ท่าทางสำหรับถ่ายรูปแถมมาให้มากมาย (ทั้งในส่วนของกล้องหลังและเซลฟี่) แถมยังสามารถปรับผิวนวลและโทนสีผิวได้อีกเล็กน้อย แต่หากใครอยากได้ปรับตาปรับโครงหน้าหรืออื่น ๆ อย่างละเอียดต้องซื้อรุ่น V Series หรือสูงกว่า แต่หากเทียบกับราคาเพียงเท่านี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว

ภาพจากกล้องหลัง

เนื่องจากล้องที่มีเพียงเลนส์ปกติและโบเก้ (Bokeh) ภาพด้านบนเป็นรีวิวจากกล้องระยะปกติในโหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ ไม่ได้ผ่านการตกแต่งใด ๆ เพิ่มเติมยกเว้นแต่การย่อขนาดไฟล์ลงมา เพื่อให้สามารถกดดูบนเว็บไซต์ได้แบบไม่ช้ามากนัก การถ่ายเป็นแบบจบหลังกล้องไม่มีการแต่งเติมใด ๆ ส่วนภาพอีกชุดก็ถ่ายแบบเปิดโหมดโบเก้ ซึ่งเป็นโหมดที่อยู่ในกล่องถ่ายรูป สามารถเบลอพื้นหลังได้เนียนประมาณเกือบทั้งหมด โดยรวมแล้วทำได้คุณภาพดีเกินตัวสำหรับมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท
[SR] รีวิว Vivo Y12s แบตเตอรี่ 5000 mAh จอใหญ่ แต่ราคานิดเดียว
Vivo Y12s
ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นรุ่น Y12s เพิ่มเติมมาจากรุ่น Y12 ของปีที่แล้ว (2019) แต่ช่วงราคาก็ยังอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาท มีการปรับสเปกเพิ่มเติมให้เล็กน้อยตามสมัยนิยม แต่ก็ยังคงยืนสเปกเดิมที่เป็น RAM 3 GB + ROM 32 GB ส่วนขนาดหน้าจอก็เพิ่มเป็น 6.51″ (ใหญ่กว่าเดิม) ความละเอียดเพียงพอสำหรับการใช้งาน HD+ สามารถใช้ตอบแชท เล่นเกม ดูวิดีโอได้อย่างไม่ต้องเพ่ง ส่วนเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องก็มาแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวาโดดเด่นจนทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกว่าใช้งานแล้วมันอึดอัด
อุปกรณ์ภายในกล่องมีเคสใสแถมมาให้ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) นอกจากนี้ก็มีสายชาร์จ Micro USB และอะแดปเตอร์แบบธรรมดา (ไม่รองรับชาร์จเร็ว) แล้วก็ภายในจะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ เนื่องจากต้องการทำราคาให้ถูกที่สุดจนทุกคนเอื้อมถึงได้นั่นเอง ส่วนเรื่องฟิล์มกันรอยก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ต้องไปหาซื้อเพิมเติมที่ไหน วีโว่ติดมาให้สำเร็จจากโรงงานเลย จ่ายเงินซื้อเครื่องเสร็จพร้อมใช้งานไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว (ยกเว้นแค่หูฟัง) เปิดเครื่องมาก็พร้อมที่จะใช้งานทันที
สเปกและคุณสมบัติ
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (ครอบทับด้วย Funtouch OS 11)
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.51″ (ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล Mediatek Helio P35 Octa Core
- แรม 3 GB
- รอม 32 GB (รองรับ microSD)
- กล้องหลังแบบ 2 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช LEDกล้องหลัก 13 MP (F/2.2)
- กล้องโบเก้ 2 MP (F/2.4)
- กล้องหน้า 8 MP (F/1.8)
- รองรับสองซิม (สามารถเพิ่ม microSD แยกต่างหาก)
- ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- ขนาด 164.41 × 76.32 × 8.41 มม.
- น้ำหนัก 191 กรัม
ตัวเครื่องโค้ง 2.5D สีสันสวยสะดุดตา มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ Glacier Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาน้ำแข็งแอนตาร์กติกที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ สีฟ้าอ่อนที่ดูสดชื่นและเปล่งประกายแวววาว เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สดชื่น และความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ที่โรแมนติกและ Phantom Black (ตัวที่รีวิว) ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากความคลาสสิกของหินโมราสีดำ ผสมผสานกับสีน้ำเงินเข้มเข้าด้วยกัน ผิวสัมผัสเหมือนอัญมณีที่สง่างาม ในส่วนวัสดุของตัวเครื่องนั้นทำจากพลาสติก
ไม่ทราบสัดส่วนมากนักว่าคนส่วนใหญ่ชอบอะไร แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบการเชื่อมต่อแบบ USB-C มากกว่า (เนื่องด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในบ้าน) แต่ในกลุ่มลูกค้า Vivo Y12s ที่ชื่นชอบความคุ้มค่า สามารถใช้กับอุปกรณ์เก่าได้อย่างไม่มีปัญหา Micro USB ก็ถือว่าตอบโจทย์ในด้านการใช้งาน แต่ที่เห็นตรงกันก็คือเรื่องของหูฟัง 3.5 มม. ยังไงสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นก็ควรมี เพื่อที่จะสามารถใช้งานร่วมกับหูฟังส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ได้อย่างไม่ต้องแปลง สุดท้ายงานประกอบตัวเครื่องก็ทำออกมาได้เรียบร้อยดี
เรียกได้เต็มปากว่า Vivo V12s เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเริ่มต้นสำหรับทุกคน ตัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้เหลือเพียงแค่แก่นของการใช้งานเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดหรือน้ำหนักที่ทำได้อย่างลงตัว สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องถนอมอะไรมาก และถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีสเปกแรงระดับรุ่น TOP แต่การปรับแต่ง Software ของทางวีโว่เองก็ทำได้ดี เวลาใช้งานลื่นสัมผัสติดนิ้วไม่มีหน่วงจนทำให้โมโห แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกมอะไรหนัก ๆ สักเท่าไหร่
ความบางของตัวเครื่องอยู่ในระดับสมัยนิยม 8.41 มม. เรียกว่าไม่บางมากแต่ก็ไม่หนาเทอะทะ แต่หากใครอยากได้บางเฉียบแนะนำให้ไป Vivo V20 (7.39 มม.) จะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า (แลกกับราคาที่สูงขึ้น) ส่วนแบตเตอรี่นั้นมีขนาด 5000 mAh ไม่แพ้รุ่นราคาหลักหมื่นในท้องตลอด และว่ากันตามตรงคือวีโว่ให้ปริมาณแบตเตอรี่จัดเต็มกว่าด้วยซ้ำ บวกกับชิปประมวลผล Mediatek Helio P35 และหน้าจอ HD+ ยิ่งทำให้ระยะเวลาการใช้งานยาวนานขึ้นไปอีก ไม่ต้องง้อแบตสำรอง
และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นประหยัดของวีโว่ แต่ก็ยังคงจัดหน้าจอ Halo FullView Display ที่มอบประสบการณ์เล่นเกมหรือดูวิดีโอได้อย่างเหนือชั้น สร้างมุมมองที่กว้างและสมจริงด้วยขนาด 6.51″ ความคมชัด HD+ มีคุณสมบัติกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ส่วนคนที่ไม่ชอบหน้าจอโค้งเพราะเล่นเกมไม่ถนัด ข่าวดีก็คือ Vivo Y12s มีหน้าจอโค้งแบบ 2.5D แต่แทบจะสัมผัสไม่ได้ถึงความโค้งเลย ออกแนวกระจกแบนเรียบมากกว่า ง่ายต่อการใช้งานและควบคุมเครื่องสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกม
หลายคนคิดว่ารุ่นถูกกล้องมีก็เหมือนไม่มี แต่นั่นไม่ใช่กับวีโว่ผู้นำเรื่องการเซลฟี่ ที่มีกล้องหน้าที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน โดยในรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหน้า 8 MP (F/1.8) ความละเอียดมาตรฐานเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป (เดี๋ยวดูตัวอย่างรูปด้านล่างอีกที) การใช้งานเหมาะกับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องการอะไรซับซ้อน แต่ก็ยังคงมี Beauty Mode ให้สามารถได้ปรับโทนผิวสีและผิดนวล หรือจะปรับโบโก้ด้วย AI ให้ละลายฉากหลังก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
พูดเรื่องกล้องหน้าแล้วไม่พูดกล้องหลังคงจะแปลกไปสักนิด ในส่วนของกล้องหลังเป็น AI Dual Camera ประกอบด้วยเลนส์กล้องหลัก 13 MP (F/2.2) + กล้องโบเก้ 2 MP (F/2.4) และก่อนรีวิวผู้เขียนเองก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องคุณภาพอะไรมาก เพราะด้วยราคาไม่เกิน 5,000 บาท จะให้ได้คุณภาพดีเลิศเหมือนเครื่องหลักหมื่นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ผลที่ได้คือกล้องมีคุณภาพสูงเกินตัว สามารถรับแสงและมีความเร็วชัตเตอร์ที่ถ่ายได้แบบไม่เบลอ โฟกัสด้วยความเร็วที่ความเร็วที่ถ่ายได้ไม่อึดอัด
หน้าจอถึงแม้ว่าจะเป็น 2.5D แต่ก็ไม่ได้จอโค้งอะไรมากเลย โค้งเหลื่อมเล็ก ๆ บริเวณมุมเพียงครึ่ง มม. แค่สำหรับใช้ลบขอบมุมทุกด้านไม่ให้ระคายนิ้ว อย่างที่บอกคือขนาดหน้าจอ 6.51″ กับราคานี้ก็จัดเต็มแล้ว ยังให้มาเป็นหน้าจอ IPS ที่สามารถสู้แสงภายนอกได้อยู่บ้าง ส่วนความละเอียด HD+ เป็นข้อดีอย่างหนึ่งคือทำให้การประมวลผลรวดเร็วกว่า (เมื่อเทียบกับจอ FHD+ ในสเปกเดียวกัน) อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า สีสันของหน้าจอก็ถือว่าจัดจ้านพอตัวหากเทียบคู่แข่ง
สแกนลายนิ้วมือ 0.23 วินาที
Vivo Y12s มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D มีฟังก์ชันจดจำใบหน้าด้วย Face Wake ที่จะปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณทันที เมื่อคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ให้การปลดล็อกของคุณสะดวกสบายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น แต่หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถสแกนนิ้วปลดล็อกด้านข้างเพียงแค่ 0.23 วินาที ลักษณะของปุ่มสแกนนิ้วด้านข้างและปุ่มเปิดปิดเป็นแบบ 2-in-1 ทำได้ทั้งสองอย่างในขึ้นตอนเดียว ส่วนตัวชอบมากกว่าการสแกนนิ้วมือแบบด้านหลังเครื่อง
ลูกเล่นกล้องถ่ายสนุก
ไม่ต้องน้อยใจไปว่าไม่มีกล้องมุมกว้าง มาโคร หรือเลนส์ซูม และถึงแม้ว่าลูกเล่นกล้องจะไม่เยอะเหมือนรุ่นพี่ แต่ก็ใช่ว่าวีโว่จะใจร้ายไม่ใส่อะไรมาให้เลย สำหรับคนที่ถ่ายรูปไม่เก่งเพียงแค่มีสมาร์ตโฟนวีโว่ ก็จะได้ท่าทางสำหรับถ่ายรูปแถมมาให้มากมาย (ทั้งในส่วนของกล้องหลังและเซลฟี่) แถมยังสามารถปรับผิวนวลและโทนสีผิวได้อีกเล็กน้อย แต่หากใครอยากได้ปรับตาปรับโครงหน้าหรืออื่น ๆ อย่างละเอียดต้องซื้อรุ่น V Series หรือสูงกว่า แต่หากเทียบกับราคาเพียงเท่านี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว
ภาพจากกล้องหลัง
เนื่องจากล้องที่มีเพียงเลนส์ปกติและโบเก้ (Bokeh) ภาพด้านบนเป็นรีวิวจากกล้องระยะปกติในโหมดถ่ายภาพแบบอัตโนมัติ ไม่ได้ผ่านการตกแต่งใด ๆ เพิ่มเติมยกเว้นแต่การย่อขนาดไฟล์ลงมา เพื่อให้สามารถกดดูบนเว็บไซต์ได้แบบไม่ช้ามากนัก การถ่ายเป็นแบบจบหลังกล้องไม่มีการแต่งเติมใด ๆ ส่วนภาพอีกชุดก็ถ่ายแบบเปิดโหมดโบเก้ ซึ่งเป็นโหมดที่อยู่ในกล่องถ่ายรูป สามารถเบลอพื้นหลังได้เนียนประมาณเกือบทั้งหมด โดยรวมแล้วทำได้คุณภาพดีเกินตัวสำหรับมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้