หลงป่า...ที่ดอยผ้าขาวน้อย....

ดอยผ้าขาวน้อย ...ผมชื่อนี้ได้ยินมาสักพัก โดยมีคนแนะนำให้ผมรู้จักว่าเป็นสถานที่ใหม่ที่
คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก  และนี่เป็นการเดินทางครั้งที่ 2 ที่พยายายามมาที่นี่
โดยที่ครั้งแรก มาไม่ถึงเนื่องจากสภาพรถไม่ไหว และเวลาไม่พอที่จะเดินขึ้นมา
อีกทั้งไม่ได้เตรียมตัวมาค้างแรม ทำให้ต้องถอยกลับ
และครั้งนี้ตั้งใจมาเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าเหมือนเดิม และ (ทริปนี้ใช้มือถือถ่ายรูปล้วนๆ )
เริ่มเดินทางกันดีกว่าครับ


เป้พร้อมเต็นท์พร้อม ผมออกเดินทางจากเชียงใหม่ เวลา 08.00 น. ถึงหมู่บ้านขุนแตะ หมู่บ้านสุดท้ายก่อนขึ้นเขา 
ก็ประมาณ เที่ยงตรงพอดี แวะซื้อขนม น้ำ อาหาร และสอบถามเส้นทางการเดินขึ้นกับแม่ค้า

ซึ่งแม่ค้าก็บอกว่า " เลี้ยวซ้ายตรงซอยข้างโบสถ์ ของหมู่บ้านและตรงไปเรื่อยๆได้เลย 
ถ้าเจอทางแยกบนดอย ทางบนดอยถ้าเจอแยให้เลี้ยวขวาเท่านั้น 
(ถ้าเลี้ยวซ้ายอาจจะไปโพล่อีก อำเภอ) ระยะทางประมาณ 3-4 กิโล
 ผมได้คำใบ้ลายแทงมาเท่านี้ ก็เริ่มเดินทางเลยครับ "

ยอดด้านบนโน้นครับคือจุดหมายของเรา




ช่วงที่ไปยังเป็นช่วงหน้าฝน ทางเป็นทางดิน ทางจะลำบากหน่อย 
เป็นทางไปไร่สวนของชาวบ้าน ขับขึ้นมาสัก 2 กิโล เจอทางแยกแรกเลี้ยวขวา 
(ถ้าเราเลี้ยวซ้ายเราอาจจะไปโพล่ที่ อ.แม่แจ่ม ) สักพักรถเครื่องร้อน มีไอร้อนและควันขึ้น 
จำเป็นต้องจอดพักให้เย็นลงหน่อย  จอดพักรถ 30 นาที ก็เลยถือโอกาสนอนพักเอาแรงหน่อย 




หลักจากนั้น พยายามขับรถขึ้นมาอีกรอบ แต่ขับมาได้อีก 500 เมตร 
เครื่องร้อนอีกแล้ว รู้สึกว่ารถไม่ไหวแล้ว จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วเดิน 


ตอนนี้เวลาบ่ายโมงกว่าๆ ออกเดินมาได้ 200 เมตร
เจอทางตัน…ด้านหน้าเป็นรั้วไม้ประตูแล้วก็มีเชือกมัดประตูไว้ 
 (ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามาถูกทางไหม เพราะเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล )
แถวนี้ก็ไม่มีใครให้ถามทางได้และ ก็เลี้ยวตามแม่ค้าบอกแล้ว
น่าจะไม่ผิดทางแน่ๆ ก็เลยถือวิสาสะเปิดประตูแล้วเดินต่อ   




เส้นทางเดินเป็นทางเดินริมเขา กว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งบนทางจะมีแต่รอยวัว
 (ชาวบ้านแถวนี้นำวัวขึ้นมาปล่อย ให้หากินและนอนบนภูเขา) 
ทางเส้นนี้จะขึ้นได้เฉพาะการเดินหรือมอเตอร์ไซค์เท่านั้นนะครับ ให้ดีก็เป็นรถวิบาก
 ผมเดินลัดเลาะมาได้ประมาณ 1 กิโล ก็มาเจอทางแยกอีกแล้วครับ ซ้ายจะเป็นทางที่ใหญ่ 
กว่าทางขวานิดหน่อย ผมตัดสินใจเลือกทางซ้ายเดินทั้งที่รู้ว่าผิด 
แต่อยากรู้ว่ามันเป็นทางไปที่ไหน ก็เดินไปประมาณ 1 กิโล 
ซึ่งเป็นทางที่ค่อยๆลาดลงเขาเรื่อย ปรากฏว่าเจอจุดกางเต็นท์ มีรอยก่อไฟ เป็นจุดชมวิวอีกจุดเหมือนกัน 
จุดนี้จะเห็นทิวเขาไปไกลสุดสายตา จะเห็นดอยอินทนนท์ อยู่ไกลๆ (รูปถ่ายไว้แต่หายขอโทษด้วยครับ 555 )

แต่ข้างหน้าก็ยังมีทางเดินลงไปต่อ ได้เรื่อยๆ 
แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นทางลงเขาเรื่อยๆ ก็เลยจะไม่ลงแล้ว วกกลับดีกว่า
 สักพักได้ยินเสียงลูกหมาเห่า ก็เดินไปตามเสียง ปรากฎว่าเจอลูกหมา 3 ตัว
 แต่ดูเหมือนไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนเท่าไหร่ ดูกลัวๆไม่กล้าให้เข้าใกล้  
ผมก็เลยเอาขนมออกมาล่อ ทิ้งไว้ให้กิน หมดไปหลายห่อ กว่าจะเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ได้



หลังจากนั้นก็เดินกลับทางเดิม กลายเป็นว่ามีหมาน้อยตัวนึงเดินตามตลอด 
กลับมาทางแยกแล้วเดินเลี้ยวขวาจากแยกเดินอีกน่าจะ 1 กิโลก็ถึงยอดดอย  
ตอนนี้ฝนตกหนักอีกเกือบ 2 ชั่วโมง เดินต่อไม่ได้หยุดพัก


จนตอนนี้เวลา จะ 4 โมงเย็นแล้ว ถึงยอดดอยซะที


พื้นที่กางเต็นท์ไม่ค่อยมี ถ้าจะกางในป่าก็ไม่ค่อยปลอดภัยเพราะมีแต่รอยวัวเดิน รอยวัวนอน 
กลัวว่าดึกๆโดนวัวเหยียบ ถ้านอนบนพื้นหินด้านบน ก็ไม่มีที่ยึดสมอบก 
ลมก็ยังแรงอยู่ไม่แน่ตอนกลางคืนอาจจะแรงกว่านี้อีก ตอนที่ลองกางด้านบน 
ลมแรงทำให้เสาฟรายซีทเต็นท์หักครึ่งไปแล้ว ท้ายที่สุดก็เลยได้ซอกหินเล็กๆ
 แต่จุดนี้ค่อนข้างอันตรายอยู่เหมือนกันครับ เพราะด้านข้างก็เป็นเนินชัน 
พลาดนิดหน่อยก็อาจจะตกเขาได้เลย ผมต้องเอาก้อนหินก้อนใหญ่หน่อยมาช่วยทับไว้ เต็นท์ก็กางได้เท่านี้เพราะเสาหัก……





ไอ้เจ้าหมาน้อยก็เดินตามตลอด ไม่ว่าจะขยับไปไหน



ตอนนี้เราเป็นเพื่อนซี้กันแล้วนะ.......



1 ทุ่มแล้วฝน เริ่มตกมาอีกรอบ ก็เลยให้น้องเข้ามานอนในเต็นท์ด้วยกลัวน้องหนาว 
คืนนี้คงไม่มีอะไรมากนอกจาก ต้องนอนแล้ว และก็คงเป็นคนๆเดียวที่อยู่ในระแวงนี้ 
บนดอยที่เงียบเหงา เอาเป็นว่านอนกันดีกว่าครับ ดูไอ้เจ้าหมาน้อย เหมือนจะหลับไปก่อนแล้ว เจอกันพรุ่งนี้ครับ…..


“ ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลากี่โมง….สะดุ้งตื่นเพราะเหมือนมีอะไรค่อย ๆ
ไต่จากปลายเท้าขึ้นมาที่หน้าอก….ด้านบนถุงนอนที่สวมอยู่….


นึกขึ้นมาได้ว่า คงเป็นไอ้หมาน้อยแน่ๆ มันคงหนาวก็เลยไต่ขึ้นมา
 ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก เลยเอามือปัดๆลงให้ไปนอนอยู่ข้าง ๆ 
โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดู แล้วผมก็หลับต่อ……
 
สักพักรู้สึกมีอะไรไต่ขึ้นมาอีกแล้ว ก็เลยลืมตาจะขึ้นมาดุไอ้เจ้าหมาน้อย…
.แต่พอลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นกลับ เป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ คนนึง น่าจะอายุไม่กี่เดือน 
คลานอยู่บนหน้าอกผม แต่ด้วยความที่ยังมองไม่ชัด…
.ก็เลยเปิดไฟฉายที่คล้องไว้ที่ข้อมือ พอเปิดแล้วส่องดู…..
 
ที่นี้เห็นได้ชัดเลยครับว่า เป็นเด็กผู้ชาย ตัวเล็กๆ น่าจะพอๆกันกับไอ้เจ้าหมาน้อยเลย
 หน้าตาน่ารัก ผิวขาว แถมยังยิ้มให้ผม แต่ไม่ถึง 5 วินาที ก็ค่อยๆจางหายไป 
ผมพยายามส่องไฟไปรอบๆ ภายในเต็นท์ก็ไม่เห็นมีอะไรแล้ว 
เห็นเพียงแค่ไอ้เจ้าหมาน้อยที่ยังนอนหลับอยู่ ด้านปลายเท้า 
แถวประตูทางเข้าเต็นท์ พอเห็นว่าไม่มีอะไร ก็เลยล้มตัวลงนอนหลับต่อ …….

ตื่นอีกทีเพราะเสียงนาฬิกาปลุก.....



เช้านี้หลังจากที่เมื่อคืนฝนตก ผมคาดหวังว่าจะต้องเห็นทะเลหมอกแน่ๆ แต่ก็ต้องผิดหวัง
 เพราะเห็นมีอยู่นิดเดียวและ อยู่ไกลๆลิบลิ้ววว แต่ก็ไม่เป็นไร การที่ได้มาเห็นธรรมชาติ 
เห็นวิวแบบนี้ มันก็คุ้มค่ามากแล้ว กับการเดินทาง……..









แต่ยังเหลืออีก 1 จุดที่ยังไม่ลงไปถ่าย คือตรงริมหน้าผาที่หลายคนชอบไปถ่าย 
แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า การลงไปจุดนั้นค่อนข้างอันตรายมากๆ 
ไม่แนะนะให้ลงไปคนเดียวเหมือนผมนะ 

แต่ทางชันมากยิ่งฝนตก ยิ่งลื่น แต่จะมีเชือกผูกไว้ที่ต้นไม้ไว้เส้นนึง 
พอให้เราได้จับตอนที่ไต่ได้ ที่สำคัญพื้นที่ตรงหน้าผาค่อนข้างแคบ และต่ำต้องค่อยๆ เดินก้มตัวเข้าไป


จุดนี้อันตรายจริงครับ ด้านล่างมีอย่างต่ำๆ ก็ 80 เมตรได้อยู่นะครับ ถ้าจะมาจุดนี้ก็ระมัดระวังกันให้มากๆนะครับ


ตอนที่เก็บขอบเสร็จเดินกลับ เจอเข้าถิ่น ไม่หลบซะด้วยนะ ผมก็ยืนจ้องอยู่นาน
 พี่ก็ไม่มีท่าจะไปทางไหนเลย ผมไม่ใช่คนที่กลัววัวหรอกนะครับ ....
แต่ถ้ามาเยอะขนาดนี้ ผมยอมหลีกให้ก็ได้ ก็เลยจำเป็นต้องเดินเข้าป่า เลี่ยงๆ ทางที่พี่เค้าอยู่……
 
ท้ายที่สุดของการเดินทาง นี่เป็นอีกการเดินทางที่สนุก ไว้ครั้งต่อไปได้ไปเดินไหนอีก จะมาแบ่งปันเรื่องราวครับ
ขอบคุณ และสวัสดีครับ








แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่