เงินซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนแค่หลักพันล้านบาท เทียบกับซื้ออาวุธเป็นหมื่นล้านทำไมรัฐบาล ตัดสินใจช้าจัง

ประเทศอื่นๆเขาทำสัญญากันไปเรียบร้อย สิงคโปร์ได้มาแล้ว ลาวได้มาแล้ว 

ของเราต้องรอกลางปีหน้า

ที่จริง ของจีนก็เชื่อถือได้ น่าจะสั่งซื้อมาฉีดคนสมุทรสาคร ชลบุรี  ระยอง ก่อนเลย

ทีซื้ออาวุธ อนุมัติกันฉุบฉับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
อคติ มีเงินก็ใช่จะซื้อได้ คุณนับเลยทั้งโลกมีกี่ประเทศที่ได้รับวัคซ๊นไปแล้ว (ยกเว้นประเทศที่คิดวัคซีนได้เอง) นับหประเทศได้เลยนะ มันต้องรอตามคิว คุณคิงในหัวจิงๆเหรอว่าเราไม่ได้สังซื้อวัคซีน เค้าตกลงซื้อขายกันนานแล้วแต่มันยังไม่ได้แค่นั้นเอง สักแต่ด่าๆๆๆ น่าเบือคนจำพวกนี้จิงๆ ที่ว่าอยากปฏิรูปเนี่ยผมว่าปฏิรูปคุณภาพประชากรก่อนดีกว่า ถ้าประชากรดี เดียวการเมืองมันก็ดีขึ้นตามมาเอง
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/137254
ความคิดเห็นที่ 6
สิ่งที่สำคัญคือจำนวนที่จะได้ และระยะยาว ตอนทีบริษัทต่างๆ เริ่มทดลองวัคซีน ไม่มีใครรู้หรอกว่าบริษัทไหนจะทดลองได้สำเร็จ ต้องเอาเงินไปวางก่อน ถ้าไม่ผิดของเราก็เอาไปวางไว้ที่เอสตราเซเนก้าเหมือนกัน หลายๆ ประเทศต้องเสี่ยงวัดดวงเอาเงินไปวาง แต่ของเราได้ติดต่อเพิ่มว่าจะสามารถผลิตได้เองอีก มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี อย่างลาวนี่ก็ดูเหมือนยังได้ฉีดไม่กี่โดสเอง แล้ววัคซีนที่ออกๆ กันมานี่แน่ใจได้ยังไงว่าฉีด สองเข็มแล้วไม่ต้องฉีดกระตุ้นต่อในปีต่อไป อย่าลืมว่าวัคซีนทุกตัวไม่มีใครรู้ผลเกินกว่า 1 ปีเลย ถ้าใช่ก็ต้องสั่งซื้อไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าซื้อของเดิมไม่ได้หละ เอาอีกเจ้ามาฉีดแทนไหม ปัจจัยร้อยแปด นี่อาจจะเป็นหนึ่งในที่มาของยุทธศาสตร์ของไทยที่เลือกไปที่การพึ่งพาตัวเองระยะยาวด้วย โดยถือโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมด้านวัคซีนในประเทศด้วย ผมว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเขาไม่โง่หรอก เขาคงมองอะไรหลายๆ อย่างรอบด้านแล้ว
อย่าเพิ่งไปให้ความหวังกับวัคซีนมากเลย เน้นใส่หน้ากากมีวินัยเนี่ยแหละดีสุดสำหรับตอนนี้แล้ว
ส่วนตัวมองว่าการสั่งซื้อวัคซีน ในปีที่จะมาถึงจะไม่ยากอย่างที่คนทั่วไปคิด เพราะบริษัทอื่นๆ ก็จะเริ่มทยอยออกมา ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกซื้อของที่เหมาะสมกับราคาได้หรือเปล่า คิดว่าแม้แต่บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ๆ เองเผลอๆ ก็น่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่อชิงส่วนแบ่งไว้ก่อน
ความคิดเห็นที่ 29
1. ของผลิตได้น้อยกว่า ปริมาณที่ต้องการมาก ทุกประเทศต้องการกันหมด ดังนั้นต้องรอคิว ไทยสั่งไปแล้ว ไม่ใช่ไม่สั่ง แต่ก็ต้องรอคิว ลอตแรก เข้าปลายกุมภา 2 ล้านชุดมั้ง ถ้าจำไม่ผิด สัดส่วนประมาณ 3.33% ของประชากร
2. ใครได้ก่อนได้หลัง มันก็ต้องขึ้นกับว่าสั่งวัคซีน ของบริษัท ไหน ซึ่งไทย เลือก แอสตร้า ของอังกฤษ ส่วนของสิงคโปร์ เลือกของ ไฟเซอร์ ซึ่งเขาทำเสร็จก่อน แอสตร้า ก็เลยได้ก่อน แค่นั้นเอง ..... แต่ต่อให้วันนี้ ไทยกำเงินไปยื่นให้ ไฟเซอร์ เดี๋ยวนี้ เขาก็ไม่ขายให้ เพราะ order เขาที่เข้าคิวอยู่ก็ล้นมืออยู่แล้ว
3. ตามข่าว สิงคโปร์ ไม่ได้เปิดเผยว่า วัคซีน ลอตแรก มากี่ชุด ส่วนของลาว ได้ 2,500 ชุด (อ่านว่า สองพันห้าร้อยชุด) เทียบกับประชากร 7 ล้านกว่าคน คิดเป็นสัดส่วนแค่ 0.035% ของประชากร และวัคซีนได้จากจีน 2 พัน รัสเซีย 500 มั่นใจประสิทธิภาพขนาดไหนก็ไม่รู้ เพราะเอกสารที่เผยแพร่ก็น้อยมาก และของรัสเซียเองก็ได้ข่าวว่า ลดขั้นตอนทดลองลงเพื่อให้ออกมาได้เร็วๆ
4. วัคซีนของไทยที่จะได้มาอีกประมาณ 2 เดือน ควรจะฉีดกลุ่มเสี่ยงก่อนคือ บุคลากรทางการแพทย์ และคนทำงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ แม่บ้าน ใน รพ. คนขับรถ ไปถึง หมอ และ เจ้าหน้าที่ อสม. ครับ
5. พวกที่อนุมัติซื้ออาวุธ ที่พวกเราด่าๆ กันน่ะ ไม่ได้อนุมัติฉุบฉับ หรอกครับ ถ้าเข้าไปอ่านข่าวละเอียดๆ ส่วนมากจะเป็นพวกที่ตั้งโครงการกันมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้วขึ้นไป อย่างเช่นเรือดำน้ำ ตั้งเรื่องกันมาตั้งแต่ปี 2558 มาอนุมัติงบตอนปี 2563
ความคิดเห็นที่ 11
เอิ่ม แหม ช่างคิดนะ
ประสิทธิภาพวัคซีน กูรูระดับโลกยังเถียงกันอยู่เลย
ความคิดเห็นที่ 3
ของเราก็ทำแล้วนี่ มาล๊อตใหญ่ สองล้านโดส กลางปีหน้า^^ส่วนได้ช้าหน่อยจะเป็นไรไป เราจะได้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นว่าเจ้าไหนได้ผลดี มีผลกระทบอะไรบ้าง^^อย่างลาว หรือ อินโด ก็ยังมีคนวิจารณ์เลยว่า เป็นหนูลองยาให้จีนรึเปล่า^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่