ทักษิณ ยกบทเรียน ประเทศจะหลุดติดหล่มได้ โครงสร้างรธน.-ระบบการเมือง ต้องดีกว่านี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2509776
เมื่อวันที่ 1 มกราคม นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ประเทศไทย เมื่อถามต่อว่าปัจจัยอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดจากหล่มไปสู่อนาคต มีข้อเสนอให้รัฐบาลว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้มีอนาคตที่ดีกว่านี้
นาย
ทักษิณ กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารจัดการจะต้องเป็นโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้เกิดคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำหน้าที่บริหาร ถ้าเป็นระบบการเมืองที่อ่อนแออย่างนี้ จะมีโควตาในโควต้านั้นๆ ก็จะมีคนคุมโควตาอยู่ จะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการอะไรได้ สังเกตได้จากสมัยที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะมาก ทำให้เราเลือกคนได้เยอะขึ้น จึงทำให้เราได้คนที่สามารถบริหารจัดการได้มาช่วยทำงาน อันนี้อยู่ที่การเมืองไม่ได้อยู่ที่ตนเพราะตนไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไร แต่เป็นจังหวะที่รัฐธรรมนูญแข็งแรง เราต้องทำให้โครงสร้างทางกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเอื้ออำนวย ให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารจัดการประเทศ ต่อมาคือต้องสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจ ให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้ แล้วค่อยพัฒนาคุณภาพทางเศรษฐกิจให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นต่อไป จากนั้นขั้นตอนตอนต่อไปคือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ช่องว่างทางรายได้ลดลง โดยระยะยาวที่ต้องเริ่มต้นเลยคือเรื่องของระบบการศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องเร่งปรับปรุงโดยด่วน สุดท้ายคือต้องทำทุกเรื่องด้วยความรู้เท่าทันทุนนิยมโลก และต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ให้กับประเทศ
โควิดคุมไม่อยู่ คำเตือนสุดท้ายจากหมอ อย่าห่วงเศรษฐกิจ ต้องล็อกดาวน์ด่วน
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2005015
ประเดิมปีใหม่วันแรก ทำคนไทยทั้งประเทศตกใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมากสุด 279 ราย หรือไทยจะควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ไม่ได้เสียแล้ว อาจเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง หลังหยุดยาวเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอเตือนว่าอย่าการ์ดตก ต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ
“
ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ยังคงเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ "
โควิด" เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนระมัดระวังตัว จากการพูดคุยกับ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งบอกเลยว่า ขณะนี้สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นแหล่งติดเชื้อโควิดกันไปมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อมีการระบาดซ้ำจะเหมือนหลายประเทศทั่วโลก และการระบาดรอบนี้หาต้นตอไม่ได้ โดย 1 ใน 5 ของคนติดเชื้อไม่แสดงอาการ ไม่เหมือนรอบแรกที่เห็นกลุ่มเสี่ยงชัดเจน
“
การแพร่ของเชื้อมีมากกว่าปกติ เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ แพร่กระจายไปได้ทุกที่ ทั้งสถานที่ระบบปิดและเปิด ตามงานแต่ง งานบุญ งานต่างๆ เป็นสิ่งที่เคยคาดการณ์มาแล้วเบื้องต้นว่าจะมากหรือน้อย หรือระเบิดใหญ่แค่ไหน หากมองชะตากรรมการระบาดในไทย จะไม่จบง่ายๆ เพราะระบบการตรวจหาผู้ป่วยของไทยทำได้น้อยมาก โอกาสไม่ให้บอบช้ำมีน้อยมากเพียง 1 ต่อ 9
ถ้าคุมไม่ได้จะเหมือนประเทศอื่นที่มีการระบาดซ้ำ และกว่า 88% รุนแรงมากกว่ารอบแรกถึง 5 เท่า หรือการระบาดไม่หยุดเท่านี้ จะสะบักสะบอมไปมากกว่านี้ ยิ่งกว่าเจอวิกฤติเศรษฐกิจ หากยังเลือกเศรษฐกิจและการเมือง ให้ทำใจได้เลย เพราะไม่มีที่ไหนในโลกจะคุมการระบาดซ้ำได้ อย่างอังกฤษ ติดวันละ 5 หมื่นราย หรือประเทศแถบสแกนดิเนเวียก็ยอมรับว่าเลือกทางผิด”
รศ.นพ.
ธีระ ย้ำว่า หน้าที่ของหมอคือการเตือน แต่พรรคการเมืองในรัฐบาลยังเลือกตัวเลขเศรษฐกิจ เลือกการโปรโมตท่องเที่ยว และจะไม่ต่างกับญี่ปุ่น ที่เกิดความเสียหายมหาศาล เพราะต่อให้ได้วัคซีนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ สุดท้ายจะพ่ายแพ้ต่อการระบาดของโควิด หากปล่อยให้เนิ่นนานเลยช่วงเวลาทอง ไม่ล็อกดาวน์ประเทศในช่วงต้นสัปดาห์หน้า จะมีคนติดเชื้อประมาณ 1,000 คนต่อวัน ในช่วงกลางเดือนมกราคม และ 4,000 คนต่อวันโดยประมาณ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีโอกาสที่คนจะติดเชื้อสูงในเวลาไม่นาน ยากที่จะคาดการณ์วันจบ
จากสถานการณ์การระบาดรุนแรงของโควิด มีการติดเชื้อกระจายไปทั่วทุกที่ แฝงอยู่ในคนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเสี่ยง จึงไม่มีทางเลือกอื่นดังนั้นต้องตัดสินใจอย่างเข้มข้นในการรักษาชีวิตคน ภายในต้นสัปดาห์หน้า ทำให้ทุกคนต้องช่วยกันนิ่งอยู่กับที่ ยกระดับการป้องกันขั้นสูงสุดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อควบคุมให้คนติดเชื้อเหลือน้อยลงกว่า 500-600 คนต่อวัน ภายในกลางเดือนมกราคม และสู้ยาวกันต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม จากสถิติข้อมูลที่มี โดยไม่ได้ใช้ความรู้สึก แต่มองตามความรู้สึก เพราะฉะนั้นแล้วการขอความร่วมมือจึงไม่เกิดผล ต้องล็อกดาวน์ให้ทันก็จะคุมได้ หากช่วยกันเต็มที่การระบาดน่าจะเบาลง แม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลาในการตัดสินใจดำเนินมาตรการ
“
ต้องอาศัยการระบาดครั้งนี้เป็นบทเรียนในการต่อสู้ เพราะโควิดยังไม่จบ จนกว่าโรคนี้จะหายไป ต้องไปปรับปรุงการบริหารจัดการ ให้มีการรวมศูนย์มีการสั่งการที่เดียว ถึงเวลาต้องทบทวน ในการให้ขั้วการเมืองเข้ามามีผลต่อรัฐกิจ ทำให้ข้อมูลวิชาการไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ เพราะใช้ระบบพรรคพวกเครือข่าย มีการปั้นแต่ง จนทำให้สถานการณ์ไปกันใหญ่ เอาไม่อยู่ น่าจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐลำบากใจ และหน้าที่ของผม คือการตีแผ่ เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ และจะมีระลอกถัดไปในไม่ช้านี้”
สำหรับหัวใจสำคัญในการควบคุมไม่ให้โควิดระบาดซ้ำ เมื่อเกิดเหตุขึ้นต้องมีการตรวจสอบให้ทันเวลา ต้องยอมเจ็บตัวในระยะสั้นเหมือนประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งแตกต่างกับไทยไม่สามารถสอบสวนโรคได้ทันการณ์ ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะการเข้าถึงค่อนข้างยาก ทำให้สะบักสะบอม หากคนในประเทศช่วยกันป้องกันตัวอย่างดีสุดความสามารถ เชื่อว่าจะชนะศึกครั้งนี้ให้บอบช้ำน้อยกว่าที่คาดการณ์ เพราะขณะนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัย
ส่วนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่าเป็นอีกพื้นที่ที่คุมไม่ได้ โดยหลายโรงพยาบาลไม่สามารถรับมือได้ไหว ดังนั้นการจะออกไปภายนอก ควรทำเท่าที่จำเป็น ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ และปลายเดือนมีนาคม อาจมีผู้ติดเชื้ออยู่ในท็อป 100 ของโลก เบียดกับออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 23,000-33,000 คน “ขอพลังอยู่กับพวกเรา จนชนะศึกนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย”.
JJNY : 4in1 ทักษิณยกบทเรียน ประเทศจะหลุดติดหล่ม/คำเตือนสุดท้ายจากหมอ/ยอดบขส.คืนตั๋วแล้ว8ล้าน/เทพไทชี้รธน.60ทำพรรคมีปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2509776
เมื่อวันที่ 1 มกราคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ประเทศไทย เมื่อถามต่อว่าปัจจัยอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดจากหล่มไปสู่อนาคต มีข้อเสนอให้รัฐบาลว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้มีอนาคตที่ดีกว่านี้
นายทักษิณ กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารจัดการจะต้องเป็นโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้เกิดคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำหน้าที่บริหาร ถ้าเป็นระบบการเมืองที่อ่อนแออย่างนี้ จะมีโควตาในโควต้านั้นๆ ก็จะมีคนคุมโควตาอยู่ จะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการอะไรได้ สังเกตได้จากสมัยที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะมาก ทำให้เราเลือกคนได้เยอะขึ้น จึงทำให้เราได้คนที่สามารถบริหารจัดการได้มาช่วยทำงาน อันนี้อยู่ที่การเมืองไม่ได้อยู่ที่ตนเพราะตนไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไร แต่เป็นจังหวะที่รัฐธรรมนูญแข็งแรง เราต้องทำให้โครงสร้างทางกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเอื้ออำนวย ให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารจัดการประเทศ ต่อมาคือต้องสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจ ให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้ แล้วค่อยพัฒนาคุณภาพทางเศรษฐกิจให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นต่อไป จากนั้นขั้นตอนตอนต่อไปคือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ช่องว่างทางรายได้ลดลง โดยระยะยาวที่ต้องเริ่มต้นเลยคือเรื่องของระบบการศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องเร่งปรับปรุงโดยด่วน สุดท้ายคือต้องทำทุกเรื่องด้วยความรู้เท่าทันทุนนิยมโลก และต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ให้กับประเทศ
โควิดคุมไม่อยู่ คำเตือนสุดท้ายจากหมอ อย่าห่วงเศรษฐกิจ ต้องล็อกดาวน์ด่วน
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2005015
ประเดิมปีใหม่วันแรก ทำคนไทยทั้งประเทศตกใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมากสุด 279 ราย หรือไทยจะควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ไม่ได้เสียแล้ว อาจเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง หลังหยุดยาวเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอเตือนว่าอย่าการ์ดตก ต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ
“ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ยังคงเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ "โควิด" เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนระมัดระวังตัว จากการพูดคุยกับ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งบอกเลยว่า ขณะนี้สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นแหล่งติดเชื้อโควิดกันไปมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อมีการระบาดซ้ำจะเหมือนหลายประเทศทั่วโลก และการระบาดรอบนี้หาต้นตอไม่ได้ โดย 1 ใน 5 ของคนติดเชื้อไม่แสดงอาการ ไม่เหมือนรอบแรกที่เห็นกลุ่มเสี่ยงชัดเจน
“การแพร่ของเชื้อมีมากกว่าปกติ เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ แพร่กระจายไปได้ทุกที่ ทั้งสถานที่ระบบปิดและเปิด ตามงานแต่ง งานบุญ งานต่างๆ เป็นสิ่งที่เคยคาดการณ์มาแล้วเบื้องต้นว่าจะมากหรือน้อย หรือระเบิดใหญ่แค่ไหน หากมองชะตากรรมการระบาดในไทย จะไม่จบง่ายๆ เพราะระบบการตรวจหาผู้ป่วยของไทยทำได้น้อยมาก โอกาสไม่ให้บอบช้ำมีน้อยมากเพียง 1 ต่อ 9
ถ้าคุมไม่ได้จะเหมือนประเทศอื่นที่มีการระบาดซ้ำ และกว่า 88% รุนแรงมากกว่ารอบแรกถึง 5 เท่า หรือการระบาดไม่หยุดเท่านี้ จะสะบักสะบอมไปมากกว่านี้ ยิ่งกว่าเจอวิกฤติเศรษฐกิจ หากยังเลือกเศรษฐกิจและการเมือง ให้ทำใจได้เลย เพราะไม่มีที่ไหนในโลกจะคุมการระบาดซ้ำได้ อย่างอังกฤษ ติดวันละ 5 หมื่นราย หรือประเทศแถบสแกนดิเนเวียก็ยอมรับว่าเลือกทางผิด”
รศ.นพ.ธีระ ย้ำว่า หน้าที่ของหมอคือการเตือน แต่พรรคการเมืองในรัฐบาลยังเลือกตัวเลขเศรษฐกิจ เลือกการโปรโมตท่องเที่ยว และจะไม่ต่างกับญี่ปุ่น ที่เกิดความเสียหายมหาศาล เพราะต่อให้ได้วัคซีนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ สุดท้ายจะพ่ายแพ้ต่อการระบาดของโควิด หากปล่อยให้เนิ่นนานเลยช่วงเวลาทอง ไม่ล็อกดาวน์ประเทศในช่วงต้นสัปดาห์หน้า จะมีคนติดเชื้อประมาณ 1,000 คนต่อวัน ในช่วงกลางเดือนมกราคม และ 4,000 คนต่อวันโดยประมาณ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีโอกาสที่คนจะติดเชื้อสูงในเวลาไม่นาน ยากที่จะคาดการณ์วันจบ
จากสถานการณ์การระบาดรุนแรงของโควิด มีการติดเชื้อกระจายไปทั่วทุกที่ แฝงอยู่ในคนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเสี่ยง จึงไม่มีทางเลือกอื่นดังนั้นต้องตัดสินใจอย่างเข้มข้นในการรักษาชีวิตคน ภายในต้นสัปดาห์หน้า ทำให้ทุกคนต้องช่วยกันนิ่งอยู่กับที่ ยกระดับการป้องกันขั้นสูงสุดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อควบคุมให้คนติดเชื้อเหลือน้อยลงกว่า 500-600 คนต่อวัน ภายในกลางเดือนมกราคม และสู้ยาวกันต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม จากสถิติข้อมูลที่มี โดยไม่ได้ใช้ความรู้สึก แต่มองตามความรู้สึก เพราะฉะนั้นแล้วการขอความร่วมมือจึงไม่เกิดผล ต้องล็อกดาวน์ให้ทันก็จะคุมได้ หากช่วยกันเต็มที่การระบาดน่าจะเบาลง แม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลาในการตัดสินใจดำเนินมาตรการ
“ต้องอาศัยการระบาดครั้งนี้เป็นบทเรียนในการต่อสู้ เพราะโควิดยังไม่จบ จนกว่าโรคนี้จะหายไป ต้องไปปรับปรุงการบริหารจัดการ ให้มีการรวมศูนย์มีการสั่งการที่เดียว ถึงเวลาต้องทบทวน ในการให้ขั้วการเมืองเข้ามามีผลต่อรัฐกิจ ทำให้ข้อมูลวิชาการไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ เพราะใช้ระบบพรรคพวกเครือข่าย มีการปั้นแต่ง จนทำให้สถานการณ์ไปกันใหญ่ เอาไม่อยู่ น่าจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐลำบากใจ และหน้าที่ของผม คือการตีแผ่ เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ และจะมีระลอกถัดไปในไม่ช้านี้”
สำหรับหัวใจสำคัญในการควบคุมไม่ให้โควิดระบาดซ้ำ เมื่อเกิดเหตุขึ้นต้องมีการตรวจสอบให้ทันเวลา ต้องยอมเจ็บตัวในระยะสั้นเหมือนประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งแตกต่างกับไทยไม่สามารถสอบสวนโรคได้ทันการณ์ ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะการเข้าถึงค่อนข้างยาก ทำให้สะบักสะบอม หากคนในประเทศช่วยกันป้องกันตัวอย่างดีสุดความสามารถ เชื่อว่าจะชนะศึกครั้งนี้ให้บอบช้ำน้อยกว่าที่คาดการณ์ เพราะขณะนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัย
ส่วนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่าเป็นอีกพื้นที่ที่คุมไม่ได้ โดยหลายโรงพยาบาลไม่สามารถรับมือได้ไหว ดังนั้นการจะออกไปภายนอก ควรทำเท่าที่จำเป็น ใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ และปลายเดือนมีนาคม อาจมีผู้ติดเชื้ออยู่ในท็อป 100 ของโลก เบียดกับออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 23,000-33,000 คน “ขอพลังอยู่กับพวกเรา จนชนะศึกนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย”.