อย่าเอาสุขภาพไปเสี่ยงกับแว่นตาสำเร็จรูปเลยครับ ไม่คุ้มในระยะยาวแน่นอน

ก่อนอื่นต้องมาดูความแตกต่างกันก่อนครับ ความแตกต่างของแว่นทั้งสองชนิดนั้นมีเยอะครับ ถ้าให้อธิบายแยกตามชนิดเป็นข้อๆ ก็จะได้สั้นๆตามนี้ครับ
**แว่นสำเร็จรูป**
-ข้อดี-
-ราคาถูก
-หาซื้อง่าย
-ข้อเสีย-
-Centering ไม่ตรงกับตำแหน่งโฟกัสของดวงตา เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า เลนส์แตะละชิ้นบนแว่นสำเร็จรูปนั้น อยู่ตำแหน่งใด
ถ้าใส่แล้วบังเอิญตรงก็ดีไป แต่ถ้าไม่ตรง แล้วใส่ไปนานๆ จะเกิดภาวะ Prism Adaptation(การปรับตัวในการมองผ่านPrism) มีผลทำให้การโฟกัสภาพและการเบนตามีความผิดปกติ ถ้าทนไม่ได้ปรับไม่ได้ ก็แค่เป็นไมเกรนและเลิกใช้แว่นไปครับ แต่.....ถ้าทนได้แล้วยังพยายามใส่ไปนานๆอาการหนักสุดสำหรับภาวะนี้คือ ตาเหล่แบบมองเห็นได้จากภายนอกครับ ไม่คุ้มเสี่ยงแน่นอนครับ
-แก้ปัญหาสายตาเฉพาะบุคคล หรือสายตาที่ซับซ้อนไม้ได้ครับ
**แว่นสั่งตัด**
-ข้อดี-
-Centering ตรงกับผู้สวมใส่ ทำให้การปรับตัวง่ายกว่า และไม่ต้องฝืนตัวเองให้เกิดภาวะ Prism Adaptation ไม่ต้องเสี่ยงที่ตัวผู้ใช้เองต้งมาทนกับ
ความผิดปกติต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้
-แก้ปัญหาสายตาที่ซับซ้อนเฉพาะบุคคลได้
-วัสดุมีคุณภาพสูงกว่า ทั้งกรอบ และเลนส์ และเลนส์ทุกชิ้นมีมาตรฐาน และมีค่า Abbe Value ที่เหมาะสมในการมองเห็นที่ชัดเจนครับ
-ข้อเสีย-
-ราคา
ความแตกต่างที่กล่าวมานี้คือข้อมูลแค่บางส่วนเท่านั้นครับ ความแตกต่างจริงๆแล้วยังมีอีกหลายข้อครับ ถ้าต้องการศึกษาก็ ในกูเกิ้ลมีข้อมูลอยู่ครับ
____________________________________________________________________________________________
ภาวะ Prism Adaptation(กลไกการปรับตัวของร่างกายเพื่อให้มองผ่านPrismบนเลนส์ได้) คือภาวะที่เวลาดวงตานั้นมองผ่านเลนส์ไป แล้วไปเจอกับPrism บนเลนส์ ทำให้ตานั้น เบนไปในทิศทางที่เหมาะสม เพื่อที่จะมองให้สบายขึ้น มองเห็นรูปร่างของวัตถุ ในทิศทางและองศา ความตื้น-ลึก สูง-ต่ำ ที่ตรงกับหรือใกล้เคียงความเป็นจริง ถ้านึกไม่ออกว่าทิศทางรูปร่างของวัตถุนั้นผิดเพี้ยนยังไง ให้ลองนึก จินตนาการตามว่า เรามองเสาต้นนึงผ่านหน้าต่างที่มีกระจกโค้งครับ บริเวณที่เรามองชัดภาพไม่ผิดเพี้ยน นั่นก็คือบริเวณใจกลางของกระจกโค้งนั่นแหละครับ ที่พื้นผิวมันขนานกับตาเราพอดี ซึ่งนั่นก็เปรียบได้กับ Centerบนตัวเลนส์นั่นแหละ และเมื่อเราเหลือบไปด้านข้างที่มันโค้งๆ จะเห็นว่า ภาพนั้นบิด โค้ง เบี้ยว ไม่ตรงกับความเป็นจริง นั้นก็เหมือนเรา เอาตรงที่ไม่ใช่Centerบนตัวเลนส์มามองนั่นแหละครับ แล้วบริเวณที่ไม่ใช้Centerพวกนั้นนั่นแหละครับ คือ Prismล้วนๆเพียวๆเลยครับ สายตาบนเลนส์ยิ่งเยอะ Prismจะยิ่งเยอะตาม ทีนี้ครับ พอมันมองไม่สบาย สมองมันก็สั่งให้ตาเบนไปในทิศทางที่มองเห็นได้ชัดและสบายตาที่สุดครับ
ทีนี้เมื่อตามันเบนไปในทางที่มันไม่ปรกติแล้ว เมื่อถึงเวลานึงที่จำเป็นจะต้องใช้แว่นสั่งตัดจริงๆ มันจะปรับตัวใส่แว่นใหม่ไม่ได้เลย นั่นแหละครับ นรกจะมาหาจริงๆ เพราะเลนส์ที่สั่งตัดจะใช้เลนส์ทั่วไปไม่ได้แล้ว ต้องใช้เลนส์ที่มีPrismบนเนื้อเลนส์เพื่อกระตุ้นการเบนตา หรือแม้กระทั่งภาพที่เห็นให้กลับมาปกติดังเดิม ซึ่งเลนส์ Prism นั้นก็ราคาสูงกว่าเลนส์ทั่วๆไปนะครับ ฝากไว้ให้ศึกษาครับ ในระยะยาวไม่คุ้มแน่นอนครับ
**For Q&A**
Q : ทำไมเลนส์ถึงได้มีPrism??
A : หลักการพื้นฐานของเลนส์ มันก็มาจากPrismนั่นแหละครับ โดยการที่นำPrism ทั้งสองชิ้นมาจรดกันครับ เช่น เลนส์เว้า คือด้านยอดของ
Prism ทั้งสองชิ้น เอามาจรดกันครับ หรือ เลนส์นูน ที่เอาส่วนฐานมาจรดกันครับ ถ้าให้ว่ากันต่อ มันจะไปเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางของแสงแล้วครับ
แต่พอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวจะยาว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่