[SR] รีวิว realme X7 Pro 5G จอ AMOLED 120Hz พร้อม Dimensity 1000+

กระทู้รีวิว

 
realme แม้จะใกล้สิ้นปีแล้วแต่ยังคงเป็นแบรนด์ที่ยังคงเปิดตัวอย่างต่อเนื่องและไม่ใช่รุ่นธรรมดาแต่เป็นรุ่นระดับเทพเรือธงเลยก็ว่าได้ พร้อมกับดีไซน์บางเบา แต่ได้พลังเรือธง MTK Dimensity 1000+ พร้อมกับเป็นรุ่นแรกที่ใช้งานหน้าจอ SuperAMOLED และได้ รีเฟรชเรท 120Hz บอกเลยว่าเป็นหน้าจอที่เทพที่สุดของค่ายแล้วในตอนนี้ อีกทั้งยังใช้งานรองรับ 5G รวมถึงงานออกแบบมีความสวยงาม ฝาหลังโดดเด่นและสเปกในส่วนอื่นๆนั้นจัดหนักอย่างมากทำให้แบรนด์นี้ต้องบอกว่าปี 2020 ยังคงเดินหน้าเปิดตัวกันเรียกได้ว่าทุกเดือน และเดือนละหลากหลายรุ่นจนตามไม่ทันกันเลยทีเดียว และหลังจากที่ได้ลองใช้งาน สัมผัสมาระยะนึงก่อนเปิดตัวนั้นเป็นรุ่นที่ค่อนข้างชอบอย่างมากครับ
 

 

 

 
realme X7 Pro 5g ตัวนี้มาพร้อมกับการใช้งาน MTK Dimensity 1000+ ตัวแรงล่าสุดของทางค่ายมาพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB การ์ดจอที่มาพร้อมตัวชิปนั้นคือ Mali G77 MP9  และแน่นอนว่า รองรับ 5G Dual Stanby ด้วยเช่นกันครับ ทางด้านหน้าจอนั้นบอกเลยว่าเป็นหน้าจอที่เทพที่สุดของทางค่ายแล้วในตอนนี้ มาพร้อมกับหน้าจอ แบบ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว การใช้งานลื่นไหลด้วยอัตรา Refresh Rate 120 Hz รองรับสแกนนิ้วบนหน้าจอ และ สีสวย และสู้แสงได้ดีรวมถึงเป็นหน้าจอแบบเจาะรูเช่นกันในความ ละเอียด 2400x 1080 FHD+  และ สัดส่วน Screen-to-body ratio 91.6% สัมผัสสูงถึง  240Hz และที่น่าสนใจคือรองรับความสว่างสูงมากๆถึง 1,200 nit และค่าสี 100% DCI-P3, 103% NTSC รวมถึงใช้งาน Corning Gorilla Glass 5 จากสเปกที่บอกมากล้าพูดว่าหน้าจอที่ดีที่สุดของค่ายนี้ในตอนนี้เลยนั้นเอง มาพร้อมกับ ลำโพงคู่ และ รองรับ Dolby Atmos รวมถึง Hi-Res ผ่านทางหูฟัง ทางด้านกล้องนั้นจัดเต็มมาให้ในกล้องหลัง 4 ตัว เลนส์หลัก ความละเอียด 64 MP ด้วยเซนเซอร์ Sony IMX 686 พร้อมกับ F1.8 ส่วนเลนส์มุมกว้าง 119 องศา ที่ 8MP F2.2 และ 2MP เลนส์ขาวดำ สำหรับจับระยะ และ มาโคร 2MP ระยะ 4 เซนติเมตรนั้นเอง ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 32MP F2.4 รองรับการใช้งานได้ดี และแน่นอนว่า แบตให้มาที่ 4,500 mAh รองรับ SuperDart 65W จัดเต็ม
 

 

 

 
ทางด้าน realme X7 PRO  นั้นเปิดราคาในไทยมาพร้อมกับ 2 สีด้วยกัน คือ Aerolite Black และ Iridescent ซึ่งสีที่ค่อนข้างโดดเด่นนั้นจะเป็น  Iridescent ในตัวที่เรารีวิว ที่มีการเล่นแสงสีสวยงาม และเปิดมาพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB ในราคา 16,990 บาทไทยครับ 
 

 

 
UNBOX
 
ตัวกล่องนั้นยังคงออกแบบที่มีความคล้ายกับรุ่นอื่นๆเป็นโทนสีเหลืองทั้งหมด และเขียนชื่อรุ่นปกติไม่มีรูปตัวเครื่องครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องค่ายนี้ยังคงจัดเต็มมาให้เช่นเดิม ไม่ได้มีการตัดอะไรออกไปครับ แต่จะมีสายแปลงแถมมา
 
    - ตัวเครื่อง realme X7 Pro 5G
    - เคส realme X7 Pro ใส TPU
    - Adaptor 65W SuperDart
    - สายชาร์จ USB-C SuperDart
    - สายแปลง USB-C ไปยัง 3.5 มม.
    - คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
    - ฟิล์มกันรอยติดมาให้บนหน้าจอ
 

 

 
เคสนั้นจะมีความหนาเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน การปกป้องนั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย คล้ายๆกับเคสรุ่นก่อน ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมด รวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไปคล้ายกับรุ่นก่อนๆของทาง realme  หรือ ในรุ่นก่อนหน้านี้ถือว่าปกป้องได้ดีใช้งานได้จริง
 

 

 
จะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีก และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั่วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมา ระดับเดียวกับเคสแถมในตัวอื่นๆที่ออกมาในปีเดียวกันของทาง realme ครับถือว่าใช้งานไปได้ดีวางคว่ำอะไรได้ไม่ต้องเป็นห่วง ก็ยังคงเป็นค่ายที่ให้เคสอะไรมาให้พร้อม และมีติดตั้งฟิล์มกันรอยหน้าจอแบบปกติมาให้ใช้งานช่วงแรกๆ
 

 
DESIGN
 
งานออกแบบรุ่นนี้ยังคงทำได้ดีและมีความคล้ายกับ realme 7 5G พอสมควรทั้งตัวเครื่องสีสันสวยงามและดารเล่นลวดลายอักษรแต่ถ้ามองการเล่นกับแสงสีบอกเลยว่า realme X7 Pro โดดเด่นกว่ามาเล่นแสงสีรุ้งสวยงามจริงๆ และตัวเครื่องทำได้ บาง และ เบา น้ำหนัก 184 กรัมเท่านั้น ส่วนตัวเครื่องบาง 8.5 มม.  เมื่อเทียบกับเรือธงรุ่นก่อน พิมพ์ลายนิ้วมือมีความบางลงถึง 91% หน้าจอบางลง 29.4% ถือว่าทำได้ดี ส่วนฝาหลังนั้นออกแบบมาในสีเงิน IRIDESCENT นั้นจะใช้กลยุทธ์ 2 + 2 + 1 ที่เราเรียกว่า Double-Grain, Double-Pated และ Anti-Glare Glass อย่างแรกพื้นผิวที่แตกต่างกันสองแบบจะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นผิวหลายชั้น จากนั้นหุ้มด้วยสารเคลือบสองชั้นเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของสี ทำให้โดดเด่นมากขึ้น และในขั้นตอนสุดท้ายใช้เทคโนโลยี AG เพื่อปรับปรุงพื้นผิวสัมผัสตัวเครื่อง ทำให้แสงสีเล่นกับแสงเป็นสีรุ้ง ตามมุมกระทบและฝาหลังด้านแบบกระจกพรีเมี่ยมมากๆครับ
 

 
ทางด้านหน้าจอบอกเลยว่ามีการใช้งานหน้าจอแบบใหม่ 6.5 นิ้วเทคโนโลยี COP ทำให้ขอบหน้าจอบางขึ้น และใช้งานหน้าจอ SuperAMOLED 120Hz เป็นตัวแรกของทางค่ายเช่นกันถือว่าล้ำมากๆ ความละเอียด 2400×1080 FHD+ และ สัดส่วน Screen-to-body ratio 91.6% สัมผัสสูงถึง  240Hz และที่น่าสนใจคือรองรับความสว่างสูงมากๆถึง 1,200 nit และค่าสี 100% DCI-P3, 103% NTSC รวมถึงใช้งาน Corning Gorilla Glass 5
 

 
หน้าจอขอบบนนั้นยังคงใช้งานหน้าจอแบบเจาะรู กล้องหน้า 32MP พร้อมกับ ลำโพงตัวที่ 2 และ เซนเซอร์ต่างๆในส่วนบนครับ แน่นอนว่าตัวขอบหน้าจอถือว่าทำได้บางกำลังดี และยังคงติดฟิล์มกันรอยใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันครับ
 

 
ขอบล่างหน้าจอได้ใช้งานเทคโนโลยี COP ในการจัดการทำให้ขอบล่างนั้นบางขึ้นและเอาจริงๆก็ถือว่าบางขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆครับ ส่วนการควบคุมนั้นรองรับการใช้งานแบบเต็มหน้าจอ หรือแบบปุ่ม 3 ปุ่มปกติได้เลยอันนี้เป็นมาตรฐานครับ
 

 

 
ขอบเครื่องในด้านล่างนั้นเราจะเห็นว่ามี ลำโพงหลักของเครื่องตัวแรก และ USB-C พร้อมกับ รูไมค์ และถาดซิมแบบ DualSIM แต่ไม่รองรับการเพิ่มความจุด้วย Micro-SD นะครับแต่ในถาดซิมนั้นรองรับซีลยางกันน้ำใส่เข้ามาด้วย
 

 
ขอบเครื่องด้านขวานั้นเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด/ปิดเท่านั้น ไม่ได้มีปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงอะไรใส่เข้ามาพร้อมกับปุ่มเล่นสีสันนิดๆหน่อยเป็นขีดๆครับไม่ได้มีอะไรเยอะ ส่วนขอบเครื่องนั้นเป็นวัสดุพลาสติกนะครับแอบน่าเสียดายตรงนี้นิดหน่อย
 

 
ส่วนขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็น รูไมค์ ตัดเสียงยังคงใส่เข้ามาพร้อมกับฝาหลังแบบโค้งลงมาเล็กน้อยทำให้การจับถือนั้นสะดวกมากขึ้น และจะเห็นว่าตัวเลนส์กล้องนั้นแอบนูนขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เยอะหรือเกะกะอะไรมากครับ
 

 
ขอบเครื่องทางด้านซ้ายนั้นจะเป็น ปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง แค่นั้นพร้อมถาดซิมได้ย้ายไปขอบล่างทั้งหมดแล้วนั้นเอง
 

 

 
ส่วนฝาหลังนั้นออกแบบมาในสีเงิน IRIDESCENT นั้นจะใช้กลยุทธ์ 2 + 2 + 1 ที่เราเรียกว่า Double-Grain, Double-Pated และ Anti-Glare Glass อย่างแรกพื้นผิวที่แตกต่างกันสองแบบจะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นผิวหลายชั้น จากนั้นหุ้มด้วยสารเคลือบสองชั้นเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของสี ทำให้โดดเด่นมากขึ้น และในขั้นตอนสุดท้ายใช้เทคโนโลยี AG เพื่อปรับปรุงพื้นผิวสัมผัสตัวเครื่อง ทำให้แสงสีเล่นกับแสงเป็นสีรุ้ง ตามมุมกระทบและฝาหลังด้านแบบคล้ายกระจกพรีเมี่ยม จะเห็นว่าตัวอักษรนั้นจะเป็นอีกมุมกระทบทำให้เด่นขึ้นมาตัดกับฝาหลังได้ดี ส่วนกล้องวางดีไซน์คล้ายกับรุ่นอื่นๆของทางค่ายครับ แต่ที่ชอบคือมีความบาง และ เบา แต่วัสดุสัมผัสทำได้ดีมากๆครับ
 

 
กล้องหลังยังคงใช้งานออกแบบการวางเรียงคล้ายๆกับรุ่นอื่นของค่ายหรือถ้ามองไปง่ายๆคือตัว realme 7 5G นั้นเองครับ แต่ระยะเลนส์อะไรก็มีความแตกต่างกันเช่นเดิม ตัวนี้จะมาพร้อมกับเลนส์หลัก 64MP และใช้งาน เซนเซอร์ Sony IMX 686 พร้อมกับ F1.8 ส่วนเลนส์มุมกว้าง 119 องศา ที่ 8MP F2.2 และ 2MP เลนส์ขาวดำ สำหรับจับระยะ และ มาโคร 2MP ระยะ 4 เซนติเมตรนั้นเอง ก็ยังคงใช้ 3 เลนส์รองคล้ายตัวอื่นแต่เปลี่ยนแค่เลนส์หลักเท่านั้น แต่ฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นบอกเลยว่าจัดเต็ม ทั้งโหมด โปร โหมดกลางคืน Portrait ดูดสี และอีกมายมายให้ใช้งาน
 

 
SPEC
 
    - หน้าจอ AMOLED 2.5D ขนาด 6.55 นิ้ว (2400 × 1080 pixels) Full HD+, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่าง 1200nits, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5
    - ชิบประมวลผล Dimensity 1000+ 7nm
    - การ์ดจอ Mali-G77 MC9
    - RAM LPDDR4x 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB
    - Android 10 ที่ครอบด้วย realme UI
    - ซิมคู่
    - กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + กล้อง Ultra Wide 119° 8MP (f/2.25) + กล้อง retro portrait 2MP + กล้องมาโครขนาด 4cm 2MP (f/2.4) + LED flash
    - กล้องหน้า 32MP (f/2.45)
    - เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
    - ลำโพง Super linear Stereo, รองรับ Dolby Atmos,
    - คุณภาพเสียง Hi-Res
    - ขนาดตัวเครื่อง: 160.8×75.1×8.5mm;
    - น้ำหนัก: 184กรัม
    - รองรับเครือข่าย 5G SA/ NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax, Bluetooth 5, GPS (L1 + L5)/GLONASS/Beidou, NFC
    - ใช้พอร์ต USB Type-C
    - แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว  65W SuperDart
 

 
ชื่อสินค้า:   realme X7 Pro 5G
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่