JJNY : 'ดับฝัน'ฟื้นศก.ย่านฮิต/ร้านดังเมืองนนท์โอดเปิดแบบนี้ปิดดีกว่า/ส.ส.เบญจาจวก3ป.ละเลยบ่อนระยอง/กสม.เปิดสถิติปี63

'ดับฝัน'ฟื้นเศรษฐกิจย่านฮิต ปีใหม่'ข้าวสาร-เยาวราช'ทรุด
https://www.dailynews.co.th/bangkok/815933

 

เศรษฐกิจ“ซบเซา”น่าจะเป็นภาพแรกๆหากนึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดโควิด-19
 
ตั้งแต่ต้นปี 2563 ธุรกิจแทบทุกประเภทได้รับเดือดร้อนหนักเบา แตกต่างกันไป แต่ด้วยภาคธุรกิจหลักของประเทศที่พึ่งพิงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว จึงไม่แปลกที่ธุรกิจอาหารและบริการที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวจะ“เจ็บหนัก”มากกว่าธุรกิจอื่น โดยเฉพาะพื้นที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น“แลนมาร์ค”เมืองไทย นักท่องเที่ยวไม่ว่าไทยหรือเทศต้องมาเช็คอิน อย่าง ถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช ซึ่งหลายคนฝากความหวังเทศกาลหยุดยาวปีใหม่อาจเป็นโอกาส“กอบโกย”กู้วิกฤตระยะสั้นๆให้ยังหายใจไปได้อีกหน่อย แต่ดูเหมือนจะฝันสลาย หลังเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่กลับมา!!!
 
ทีมข่าวชุมชนเมือง เดลินิวส์ มีโอกาสสัมภาษณ์ น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เกี่ยวกับสถานการณ์ของภาคธุรกิจทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและการจับจ่ายในแหล่งฮิตที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบอย่าง ถนนเยาวราช ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง ซึ่งผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เผยว่า หลังโควิด-19ระลอกใหม่จากการลงตรวจพื้นที่และพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าย่านเยาวราช และกิจกรรมถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง พบว่ามีผู้ค้ามาขายสินค้าลดลงร้อยละ20 ขณะที่ผู้ซื้อลดลงมากถึงร้อยละ 60-70 สังเกตชัดเจนในวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่ง มีลูกค้าน้อยลงมากทั้งที่คาดว่าจะคึกคัก แต่ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็เริ่มดีขึ้นบ้าง ทั้งนี้ วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงน่าจะมาจาก 2 สาเหตุ คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และการเดินทางกลับต่างจังหวัดของนักท่องเที่ยว จึงทำให้คนมาเที่ยวบางตาลง
 
ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ ระบุว่า แม้นักท่องเที่ยวจะน้อยลงแต่สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ยังคงจัดแผนตรวจร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เทศกิจและเจ้าหน้าที่จากกองสุขาภิบาลอาหาร และสำนักอนามัย ลงพื้นที่ย่านถนนเยาวราช คลองโอ่งอ่าง เน้นทำความเข้าใจ ให้คำแนะนำสถานประกอบการประเภทร้านจำหน่ายอาหาร หาบเร่แผงลอย ดำเนินการตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด ป้องกันการแพร่ระบาดโรค ได้แก่
 
1.การเว้นระยะห่างกัน ไม่น้อยกว่า 1-2 เมตร 
2.สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา 
3.ลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างกัน 
4.มีเจลแอลกอฮอล์ตั้งไว้ให้บริการ 
5.มีจุดคัดกรองวัดไข้ 
6.มีสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ หรือสมุดควบคุม 
7.แนะนำการคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19 ของแรงงานข้ามชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
8.ติดตั้งเฟสชิว ปกป้องใบหน้าจากสารคัดหลั่ง ไอ จาม มาตรการทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อดึงความเชื่อมั่นจากผู้ซื้อ และนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมา
 
สำหรับ“ถนนข้าวสาร” แหล่งรวมสถานบันเทิง หนึ่งในย่านท่องเที่ยวทั้งกลางวัน และยามราตรี อีกตัวอย่างพื้นที่ได้รับผลกระทบ“สาหัส”ที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังคงเชื่อมั่นในที่ตั้งว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนนึกถึงและต้องกลับมาเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทำให้ผู้ประกอบการต่างเร่งงัดกลยุทธ์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มากขึ้น แต่สุดท้ายการระบาดโควิด-19ระลอกใหม่ก็พัดพาเม็ดเงินที่คาดการณ์ไว้
 
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เผย นับแต่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ช่วงวันคริสมาสต์จึงเริ่มมีลูกค้ากลับมาเที่ยวบ้าง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้หลายร้านต้องพับแผนกิจกรรมปีใหม่ ขณะที่บางร้านยังคงเปิดและใช้การเปิดเพลงให้ลูกค้านั่งฟังขณะรับประทานอาหาร ซึ่งตนกำชับให้ผู้ประกอบการที่ยังคงเปิดให้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ราชกำหนดอย่างเคร่งครัด หากมีลูกจ้างเป็นต่างชาติให้นำไปตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อน และหากจะรับคนใหม่เข้าทำงานก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19ให้เรียบร้อย ที่ผ่านมาสำนักงานเขตพระนคร พร้อมทีมจากสำนักอนามัยก็ได้ลงตรวจร้านค้า สถานประกอบการรวมถึงตรวจคัดกรองแรงงานต่างชาติบนถนนข้าวสารอย่างต่อเนื่อง
 
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิ้นปีนี้แม้จะไม่มีการจัดงานเอิกเกริกแต่บนถนนข้าวสารยังคงตกแต่งสถานที่ให้เป็นบรรยากาศ แห่งการเฉลิมฉลองสำหรับประชาชนที่ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างจังหวัดได้มาท่องเที่ยวจับจ่ายย่านถนนข้าวสาร
 
นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ทิ้งท้าย “เราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องระวังให้มากขึ้น อย่างน้อยหากมีคนมาท่องเที่ยวก็สามารถทำให้ผู้ประกอบการต่างๆมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจได้ด้วย
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.63ที่ผ่านมา กทม. ออกประกาศปิดสถานบริการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นการชั่วคราว ระหว่าง 29 ธ.ค.63- 4 ม.ค.64 ขณะเดียวกันยังได้ออกมาตรการควบคุมบางกิจการในจำนวนนี้คือธุรกิจที่ตั้งเป้าฟื้นตัวช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างร้านอาหาร ผับ บาร์ ขอให้เข้มงวดกับสถานที่ที่จำหน่ายอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอื่น โดยช่วงเวลาดังกล่าวผู้ประกอบการสามารถปรับรูปแบบสถานบริการเป็นร้านอาหารได้ แต่ต้องไม่มีกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าข่ายเป็นสถานบริการนั่นคือสามารถมีการแสดงดนตรี การแสดงอื่น ขายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แต่ห้ามการเต้นรำ ห้ามมีบริการปรนนิบัติ ห้ามมีบริการร้องเพลงกับลูกค้า และต้องปิดบริการก่อนเที่ยงคืน.
 
ทีมข่าวชุมชนเมือง
  

 
ฮือฮา! ร้านดังเมืองนนท์ เปลี่ยนมาขายจิ้มจุ่ม หลังยอดขายลด 70% โอดเปิดแบบนี้ปิดดีกว่า
https://www.matichon.co.th/region/news_2506728
  
ฮือฮา! ร้านดังเมืองนนท์ เปลี่ยนมาขายจิ้มจุ่ม หลังยอดขายลด 70% โอดเปิดแบบนี้ปิดดีกว่า
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายทักษิณ แสงประไพ เจ้าของร้านอาหาร top secret ย่านวงเวียนราชพฤกษ์ ถนนนครอินทร์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี กล่าวว่า ที่เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่มีโซนให้บริการเกือบครบวงจร ทั้งมีการแสดงดนตรีในห้องแอร์ มีห้องจัดเลี้ยง ห้องคาราโอเกะ โซนนั่งชิว มีดนตรีสด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิต 19 ที่ร้านได้รับผลกระทบมากพอสมควร จากเดิมเราเปิดบริการ 18.00 น ถึง 24.00 น ตอนนี้ต้องมาเปิด 17.00 น ถึง 22.00 น เพราะตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ประกาศสุราและดนตรีสดขายได้และเล่นได้ไม่เกิน 22.00 น.ประกอบกับในคำสั่งยังห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลัง 22.00 น.ภายในสถานบริการ ทำให้ยอดขายลดลงไปมากกว่า 70%
 
นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้เพื่อพยายามให้ลูกน้องทั้ง 18 คนมีรายได้ก็ปรับรูปแบบของร้านในโซนนั่งชิวมาขายจิ้มจุ่ม ส่วนโซนอื่นๆแทบจะปิดทั้งหมดเพราะไม่มีคน ดนตรีสดที่เคยเล่นวันละ 3 รอบ เราก็ปรับเหลือ 2 รอบโดยเริ่มเล่นตั้งแต่ 19.00 น.ทำให้ร้านได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ที่เราต้องเปิด เพราะเราได้ตุนของไว้ขายในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมากทั้งสุราเบียร์และวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหาร โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้สั่งไว้มากกว่า 600,000 บาท ถ้าปิดเลยเราจะขาดทุนไปทันที ที่เปิดเพราะว่าอย่างน้อยก็ยังมีรายได้บ้าง ลูกน้องก็ไม่ตกงานโดยลูกน้องทั้ง 18 คนก็สลับกันทำงานครั้งละ 9 คน ทำ 3 วันแล้วให้อีกชุดมาทำ 3 วัน อย่างน้อยๆก็พอมีรายได้บ้าง แต่ได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะรายจ่ายก็ยังคงเดิม
 
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ถ้าหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ยาวๆผมคงจะสู้ไม่ไหวหลังปีใหม่นี้ก็คิดว่า ถ้าเปิดแบบนี้ปิดซะดีกว่า แต่ติดตรงที่ลูกน้องจะไม่มีกินไม่มีใช้ ด้วยความเป็นธรรมจากการดูไทม์ไลน์ของผู้ที่ติดเชื้อ covid 19 ช่วงหลังๆ นี้ นอกจากตลาดกุ้งก็จะเป็นคนที่เดินห้างมากกว่า คนที่จะเข้ามาร้านอาหารหรือสถานบันเทิงน้อยมาก น่าจะมีมาตรการอะไรเกี่ยวกับคนที่เดินเข้าห้างมากกว่า ไม่ใช่อยู่ๆก็จะปิดผับปิดเธคปิดสถานบันเทิงผมว่ามันเหมือนเป็นจำเลยของสังคม เราเป็นสถานที่ที่โดนปิดก่อนและเปิดทีหลัง ตั้งแต่รอบแรกแล้วร้านผมถูกปิด 3 เดือนเต็มๆ รัฐบาลน่าจะดูทุกเซตเตอร์ ของในสังคมมันมีหลายอาชีพ แต่ผมก็เข้าใจทุกภาคส่วนต้องรับผิดชอบสังคมร่วมกัน เราก็คือส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม แต่ความเป็นธรรมน่าจะมีมากกว่านี้ รอบแรกปิด 3 เดือนลูกน้องผมไม่ได้รับเงินอะไรแม้แต่บาทเดียวจากรัฐบาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่