- จาก กระทู้เดิมๆที่ตั้งมา ท่านวงกลม ชี้แนะ การค้นหาใน 84000 และท่านทำหมู ชี้แนะที่ค้นในอรรถกถา ซึ่งทำให้เกิดมีความกระตือรือล้นขึ้น
-เมื่อฟังปฏิสัมภิทามรรคจากพระอาจารย์ในยูตู๊บ จดบันทึกไปทีละนิดทีละนิดช้าๆ ใส่สมุดขนาดใหญ่สุดที่มีขายในประเทศไทยที่เป็นสมุดมีเส้น
-มีพระไตรปิฎก ทุกเล่มที่ต้องการอ่านจากไฟล์ พีดีเอฟ และที่ปริ๊นมาอ่านเฉพาะเล่มที่สนใจ เช่น ปฏิสัมภิทามรรค อปทาน และพระอภิธรรมปิฎก
-ระหว่างการเรียน เมื่อสมัยใดสนใจเรียนธรรมมะ และสมัยใดออกนอกวงโคจร ก็เป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งเมื่อออกนอกวงโคจรก็จะนึกอยากจะเรียนธรรมะอย่างมากๆทุกครั้ง เมื่อเรียนธรรมะก็เกิดนิวรณ์ขึ้นมากมาย ความที่แก่แล้วก็ผ่อนๆไป เมื่อได้ที่แล้วพอแล้วก็กลับมาเรียนพระธรรมต่อไป
-ถามว่า ความมากมายของเนื้อหาพระธรรม กับ ความไม่แน่นอนของอายุขัย อันนี้ ไม่คิดแล้วครับ เพราะเมื่อเจอแค่ไหนเรียนพระธรรมได้แค่ไหนก็ถือว่าเหมาะสมแล้วตามสภาพ จะจุติจิตเกิดตอนไหนก็ตาม ณ ปัจจุบัน ก็พอสมควรแก่ธรรมแล้วครับ
-เมื่อจิตที่เป็นมหากุศลตัวที่ 1 ตัวที่ 2 เกิดได้นานๆมากเข้า ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา หรือ พรหม หรือ อรูปพรหม ย่อมโสมนัสสหคตา ครับ
-ยิ่งเรียนไปก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งเรียนไปก็มีโยนิโสมนสิการเกิดมากขึ้น ยิ่งเรียนไปสติและสัมปชัญญะ ก็เกิดได้มากขึ้น
-หนทางสายโสดาปัตติมรรค ยังคงยาวไกล เปรียบเทียบกับ สุตตมเยญานัง ที่พระอาจารย์และพระคัมภีร์กล่าวไว้ แต่อะไรคือทุกข์ ที่มีกิจต้องตามรู้ ทำปริญญาตามรู้ทุกข์ให้จบ ก็ต้องใช้เวลาในกาลปัจจุบัน และในกาลต่อไป สั่งสมไป แม้จะเกิดมาใหม่แล้วลืมหมดก็คงจะเรียนใหม่จนกว่าจะได้ยินพระคาถาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม ซึ่งคิดๆไป ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ไหนในกาลต่อไป
-ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปฏิบัติ สำหรับ มุมมองของเพื่อนกัลยาณมิตรบางท่านในนี้ แต่ว่า จากการพิจารณาของผมตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงให้แนวทางไว้ ผมว่า เดินมาไกลแล้วครับ เช่น ศีลวิสุทธิ ซึ่งก็ยังไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่ดีกว่ากาลก่อนมากมาย จิตวิสุทธิ ยังไม่บริบูรณ์ แต่ก็ดีกว่ากาลก่อนมากมาย เพราะรู้ว่าตนเองปฏิบัติอะไร ปฏิบัติ สมถะ หรือ ปฏิบัติ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน
-มุมมองออกจากตนก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ คือจะไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน ด้วย สำรวม ใจ กาย และวาจา ด้วยตั้งใจจะทำกิจในศีลวิสุทธิให้บริสุทธิ์และบริบูรณ์เท่าที่จะทำได้ และด้วยหิริกับโอตัปปะ ที่มีมากขึ้นบวกกับมีด้วยความเข้าใจ
-นึกถึง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ทำก่อนจะมาศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง แล้วก็หัวเราะ เยอะแยะมากมาย แม้แต่ตอนนี้ศึกษาแล้วบางครั้งก็อดทำ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นอกุศลจิตให้เกิดขึ้นไม่ได้แต่ก็เป็นไปเพราะไม่สามารถทาน รูปราคะ รูปตัณหา สัททราคะ สัททะตัณหา ฯ เป็นต้น ได้เพราะอนุสัยที่นอนเนื่องน่าจะหมักหมมกันเป็นดินดานยิ่งกว่าสุสานหอย หัวเราะ แต่ก็น้อยมากกว่าเดิม แม้จะละไม่ได้แต่ก็พยายามให้น้อยที่สุดและเกิดอกุศลจิตให้น้อยที่สุด
-อีกประมาณ สี่สิบเก้าบท ก็จะจบการเรียนจากยูตู๊บ และกลับไปเรียนพระอรรถกถาในเรื่องปฏิสัมภิทามรรคอีกรอบ และอ่านคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคให้จบ กว่าจะเกิด การสังเคราะห์ความรู้ที่เรียนพระธรรมทั้งหมดจนชัดเจนไม่รู้จะทันก่อนจุติจิตจะเกิดหรือเปล่า
-คำในพระสูตร มี คำในพระอภิธรรม มากมาย บางคำถ้าไม่อ่านอรรถกถาเลยก็ยากที่จะเข้าใจ การที่สอนพระสูตรแล้วไม่อ่านพระอรรถกถาเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยังไงก็ไม่สามารถอธิบายได้เลยแม้จะนึกเองเออเองก็ไม่สามารถอธิบายได้อยุ่ดี มั่วได้แต่เมื่อมันมาชนกัน มั่วเดิมมีแล้ว แต่ต้องมั่วใหม่ ชีวิตที่ต้องมั่วให้คำอธิบายคงลำบากใจพิลึก คงได้แต่เอาตัวรอดไปวันๆ ลำบากกว่าเรียนให้เข้าใจเยอะเลย หัวเราะ
-มีความสุขกายสุขใจอย่างที่สุดครับตั้งแต่เรียนพระอภิธรรมมาจนถึงเรียนปฏิสัมภิทามรรคในปัจจุบัน แต่นึกๆไปกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านความผิด ความไม่ถูก มาเยอะเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็มาถูกทางจนได้ มั่นใจ เพราะด้วยเหตุและผลที่ปรากฏตามความจริงที่ตามรู้ในปัจจุบัน
-อนุโมทนาทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
เมื่อหนทางเรียนปฏิสัมภิทามรรคสดใสเช่นนี้ คงจะเรียนจบแน่ ถ้าจุติจิตไม่มาเกิดซะก่อน
-เมื่อฟังปฏิสัมภิทามรรคจากพระอาจารย์ในยูตู๊บ จดบันทึกไปทีละนิดทีละนิดช้าๆ ใส่สมุดขนาดใหญ่สุดที่มีขายในประเทศไทยที่เป็นสมุดมีเส้น
-มีพระไตรปิฎก ทุกเล่มที่ต้องการอ่านจากไฟล์ พีดีเอฟ และที่ปริ๊นมาอ่านเฉพาะเล่มที่สนใจ เช่น ปฏิสัมภิทามรรค อปทาน และพระอภิธรรมปิฎก
-ระหว่างการเรียน เมื่อสมัยใดสนใจเรียนธรรมมะ และสมัยใดออกนอกวงโคจร ก็เป็นธรรมดา แต่ทุกครั้งเมื่อออกนอกวงโคจรก็จะนึกอยากจะเรียนธรรมะอย่างมากๆทุกครั้ง เมื่อเรียนธรรมะก็เกิดนิวรณ์ขึ้นมากมาย ความที่แก่แล้วก็ผ่อนๆไป เมื่อได้ที่แล้วพอแล้วก็กลับมาเรียนพระธรรมต่อไป
-ถามว่า ความมากมายของเนื้อหาพระธรรม กับ ความไม่แน่นอนของอายุขัย อันนี้ ไม่คิดแล้วครับ เพราะเมื่อเจอแค่ไหนเรียนพระธรรมได้แค่ไหนก็ถือว่าเหมาะสมแล้วตามสภาพ จะจุติจิตเกิดตอนไหนก็ตาม ณ ปัจจุบัน ก็พอสมควรแก่ธรรมแล้วครับ
-เมื่อจิตที่เป็นมหากุศลตัวที่ 1 ตัวที่ 2 เกิดได้นานๆมากเข้า ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา หรือ พรหม หรือ อรูปพรหม ย่อมโสมนัสสหคตา ครับ
-ยิ่งเรียนไปก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งเรียนไปก็มีโยนิโสมนสิการเกิดมากขึ้น ยิ่งเรียนไปสติและสัมปชัญญะ ก็เกิดได้มากขึ้น
-หนทางสายโสดาปัตติมรรค ยังคงยาวไกล เปรียบเทียบกับ สุตตมเยญานัง ที่พระอาจารย์และพระคัมภีร์กล่าวไว้ แต่อะไรคือทุกข์ ที่มีกิจต้องตามรู้ ทำปริญญาตามรู้ทุกข์ให้จบ ก็ต้องใช้เวลาในกาลปัจจุบัน และในกาลต่อไป สั่งสมไป แม้จะเกิดมาใหม่แล้วลืมหมดก็คงจะเรียนใหม่จนกว่าจะได้ยินพระคาถาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม ซึ่งคิดๆไป ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ไหนในกาลต่อไป
-ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปฏิบัติ สำหรับ มุมมองของเพื่อนกัลยาณมิตรบางท่านในนี้ แต่ว่า จากการพิจารณาของผมตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงให้แนวทางไว้ ผมว่า เดินมาไกลแล้วครับ เช่น ศีลวิสุทธิ ซึ่งก็ยังไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่ดีกว่ากาลก่อนมากมาย จิตวิสุทธิ ยังไม่บริบูรณ์ แต่ก็ดีกว่ากาลก่อนมากมาย เพราะรู้ว่าตนเองปฏิบัติอะไร ปฏิบัติ สมถะ หรือ ปฏิบัติ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน
-มุมมองออกจากตนก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ คือจะไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน ด้วย สำรวม ใจ กาย และวาจา ด้วยตั้งใจจะทำกิจในศีลวิสุทธิให้บริสุทธิ์และบริบูรณ์เท่าที่จะทำได้ และด้วยหิริกับโอตัปปะ ที่มีมากขึ้นบวกกับมีด้วยความเข้าใจ
-นึกถึง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ทำก่อนจะมาศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง แล้วก็หัวเราะ เยอะแยะมากมาย แม้แต่ตอนนี้ศึกษาแล้วบางครั้งก็อดทำ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นอกุศลจิตให้เกิดขึ้นไม่ได้แต่ก็เป็นไปเพราะไม่สามารถทาน รูปราคะ รูปตัณหา สัททราคะ สัททะตัณหา ฯ เป็นต้น ได้เพราะอนุสัยที่นอนเนื่องน่าจะหมักหมมกันเป็นดินดานยิ่งกว่าสุสานหอย หัวเราะ แต่ก็น้อยมากกว่าเดิม แม้จะละไม่ได้แต่ก็พยายามให้น้อยที่สุดและเกิดอกุศลจิตให้น้อยที่สุด
-อีกประมาณ สี่สิบเก้าบท ก็จะจบการเรียนจากยูตู๊บ และกลับไปเรียนพระอรรถกถาในเรื่องปฏิสัมภิทามรรคอีกรอบ และอ่านคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคให้จบ กว่าจะเกิด การสังเคราะห์ความรู้ที่เรียนพระธรรมทั้งหมดจนชัดเจนไม่รู้จะทันก่อนจุติจิตจะเกิดหรือเปล่า
-คำในพระสูตร มี คำในพระอภิธรรม มากมาย บางคำถ้าไม่อ่านอรรถกถาเลยก็ยากที่จะเข้าใจ การที่สอนพระสูตรแล้วไม่อ่านพระอรรถกถาเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยังไงก็ไม่สามารถอธิบายได้เลยแม้จะนึกเองเออเองก็ไม่สามารถอธิบายได้อยุ่ดี มั่วได้แต่เมื่อมันมาชนกัน มั่วเดิมมีแล้ว แต่ต้องมั่วใหม่ ชีวิตที่ต้องมั่วให้คำอธิบายคงลำบากใจพิลึก คงได้แต่เอาตัวรอดไปวันๆ ลำบากกว่าเรียนให้เข้าใจเยอะเลย หัวเราะ
-มีความสุขกายสุขใจอย่างที่สุดครับตั้งแต่เรียนพระอภิธรรมมาจนถึงเรียนปฏิสัมภิทามรรคในปัจจุบัน แต่นึกๆไปกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ผ่านความผิด ความไม่ถูก มาเยอะเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็มาถูกทางจนได้ มั่นใจ เพราะด้วยเหตุและผลที่ปรากฏตามความจริงที่ตามรู้ในปัจจุบัน
-อนุโมทนาทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ