หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว Muteki กับชุด Omakase Course เสิร์ฟให้ 12-15 เมนูวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม เริ่มต้นแค่คนละ 999++฿
กระทู้รีวิว
อาหารญี่ปุ่น
ซูชิ
ร้านอาหาร
อาหารคาว
ปลาทูน่า
นั่งเล่นโซเชียลอยู่บ้านเลื่อนอ่านฟีดข่าวในมือถือไปเรื่อยๆก็พบกับ Omakase ราคาน่าสนใจจาก "Muteki" (มูเทกิ) โดยร้านนี้เป็นเครือเดียวกับ "Mugendai" (มูเกนได) ที่เปิดขายอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมมายาวนานหลายปี ทั้งสองร้านมีจุดแตกต่างกันนิดหน่อยคือ แบรนด์ใหม่จะเน้นไปทางคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นชวนให้นั่งชิลล์ทานอาหาร-เครื่องดื่มพร้อมฟินห์กับขนมหวานจบในร้านเดียว (ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากกว่า) ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 5 สาขาได้แก่ 1.ชั้น 3 ในห้าง Central Floresta Phuket 2.ชั้น 6 ในห้าง Central Embassy 3.ชั้น 4 ในโครงการสามย่านมิตรทาวน์ 4.โครงการ The Avenue Ratchayothin และ 5.ตึก Empire Tower ชั้น G ตอนนี้เขากำลังจัดโปรโมชั่น Omakase Course เสิร์ฟ 12-15 คำ ราคาเริ่มต้นที่ 999++บาท กับ 2,500++บาท ตามลำดับ เปิดให้ทานทุกวัน 3 รอบคือ 12.00 น. (เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์) 17.30 น. และ 19.30 น. โดยต้องจองผ่านไลน์ของทางร้าน @Mutekibkk ก่อนเข้าใช้บริการ ถ้าจอง 6 คนขึ้นไปมีเมนูพิเศษพร้อมลดให้อีก 10% ด้วย แต่โปรฯนี้กำลังจะหมดลงสิ้นเดือนธันวาคม (เฉพาะราคา 999++) ไม่แน่ใจว่าจะปรับราคาขึ้นเป็นเท่าไหร่แต่เท่าที่ได้ดูเมนูปลาที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟในคอร์สถือว่าไม่ธรรมดา เลยนัดกับคุณแฟนจองรอบ 17.30 น. มาทานที่สาขาใกล้ๆบ้านกันนั่นก็คือ Empire Tower ชั้น G วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวจอดในตึกฟรี 3 ชั่วโมง (เมื่อมีประทับตราร้าน) ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีช่องนนทรีเดินข้ามสกายวอร์คมาประมาณ 400 เมตรก็ถึงหน้าร้านแล้ว จุดสังเกตง่ายๆคืออยู่ตรงข้ามกับ Starbucks ใกล้กับวงเวียนจุดจอดรถรับ-ส่ง เปิดป้ายไฟหน้าร้านส่องสว่างมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกลใหญ่โตแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ นอกจากเมนูโอมากาเสะที่เราตั้งใจมาทานแล้วยังมีเมนูแบบ A La Carte ที่มีให้บริการทั้งวันอีกด้วย วันนี้ก็ถ่ายรูปเล่มเมนูมาด้วยเผื่อบางคนอยากทราบราคาครับ
ยังพอมีเวลาอีกหน่อยก่อนจะเริ่มทาน Omakase มาดูที่เล่มเมนูหน้าร้านกันก่อนว่ามีอะไรให้ทานบ้าง หน้าแรกก็เป็นรายการสเปเชียลหรือเมนูแนะนำของทางร้านมีทั้งเบอร์เกอร์/ของทอดทานเล่น/ซูชิและซาชิมิราคา 100-2,400 บาท ตามมาด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ญี่ปุ่นราคา 60-450 บาท สลัดท๊อปปิ้งด้วยเครื่องและซอสสไตล์ญี่ปุ่นราคา 120-420 บาท ซูชิโรลมากิและเทมากิมีให้เลือกกว่า 22 เมนูราคา 190-900 บาท ซุปมีให้เลือกเป็นแบบใส่กา/ซุปมิโสะหรือซุปพิเศษประจำวันราคา 90-150 บาท เมนูซูชิแบบนิกิริราคาเริ่มต้นที่ 50-580 บาท ซาชิมิเสิร์ฟชุดละ 3 ชิ้นราคา 150-1,700 บาท ชุดซาชิมิขนาดใหญ่ราคา 900-3,200 บาท เนื้อปลาแล่บางเสิร์ฟพร้อมซอสพอนสึเป็นยำสไตล์ญี่ปุ่นราคา 300-350 บาท อาหารจานเดียวสไตล์ญี่ปุ่นราคา 140-600 บาท ข้าวหน้าของดิบสไตล์ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 11 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 300-1,500 บาท เทมปุระทอดร้อนๆราคา 100-300 บาท เมนูจากเส้นแบบญี่ปุ่นราคา 250-320 บาท เมนูชุดเกล็ดขนมปังทอดราคา 175-710 บาท เมนูย่างเกลือ-ย่างซีอิ๊วราคา 80-600 บาท นอกจากนี้ยังมีขนมอบ/แซนวิช/ซูเฟล่แพนเค้ก/ขนมญี่ปุ่น/ซอฟต์ไอศครีม/กาแฟ/ชา/น้ำผลไม้/น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลากหลายรายการ เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มานั่งชิลล์ในสไตล์คาเฟ่ได้ครบวงจรครับผม
เดินเข้ามาในร้านถูกตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนสลับกับพื้น-กำแพงสีเข้มและการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ถือว่าดูดีมีระดับตามราคาและทำเลที่ร้านตั้ง โดยพื้นที่ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ๆคือ 1.โซนคาเฟ่สำหรับนั่งชิลล์ทำงานหรืออ่านหนังสือใกล้ๆกับครัวเครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบของทางร้าน 2.โซนนั่งรับประทานอาหารแบบ A La Carte มีทั้งโต๊ะหรือโซฟาเลือกนั่งได้ตามสบายกระจายอยู่ทั่วร้าน 3.โซนห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับได้ 4-12 คนโดยไม่มีเงื่อนไขการใช้บริการขั้นต่ำ 4.โซน Omakase เป็นเก้าอี้บาร์เรียงยาวหน้าเค้าท์เตอร์มองเห็นเชฟปรุงได้ทุกๆขั้นตอน ซึ่งวันนี้เราได้ทำการจองและคอนเฟิร์มผ่านไลน์ของทางร้านมาเรียบร้อยส่วนเชฟก็สแตนบายรอแล้วครับผม
เมื่อมานั่งที่โต๊ะแล้วก็จะพบกับแผ่นรองจาน/จาน/ตะเกียบ/ช้อนและที่รองช้อนวางเรียงกันไว้อย่างสวยงามข้างกันเป็นเล่มเมนูที่ทางร้านจะเสิร์ฟให้กับเราวันนี้มีทั้งหมด 12 รายการในราคา 999++ ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มเพราะฉะนั้นทางร้านก็วางเมนูเครื่องดื่มเอาไว้ให้เราสั่งเพิ่มได้อีกด้วย มาถึงที่ร้านก็เสิร์ฟเมนูแรกก่อนเลยคือไชเท้าดองกรุบกรอบหวานอมเปรี้ยวกับขิงดองรสหวานฉุนขึ้นจมูกเอาไว้ทานเพื่อล้างคาวปลาในปากให้พร้อมต่อการรับรสชาติปลาในแต่ละคำ แต่ทางร้านก็ไม่ได้ใจร้ายเรื่องเครื่องดื่มขนาดนั้นเพราะมี Peach Sparking ฟรีคนละ 1 แก้ว รสเปรี้ยวอมหวานซ่าหอมกลิ่นพีชละมุนขึ้นจมูกแบบไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มความสดชื่นก่อนจะเข้าเมนูแรก หลังจากแก้วนี้หมดที่ร้านก็มีชาเขียวรีฟิลให้บริการคนละ 55 บาท เราก็สั่งมาเพิ่มอีกเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะมากแค่แก้วเดียวไม่พอครับ
มาถึงเชฟก็จะทำการแนะนำตัวโดยวันนี้เป็นฝีมือของเชฟจิรศักดิ์เป็นซูชิมาสเตอร์มากประสบการณ์ของที่ร้านนี้จะมาทำซูชิให้เราทานกันครับ ก่อนอื่นวางป้ายด้านหน้าเราเพื่อบ่งบอกราคาของชุดโอมากาเสะที่สั่งกันก่อนตามด้วยผ้าเปียกเย็นๆสำหรับทำความสะอาดมือ (เผื่อบางคนอยากทานด้วยมือ) และผ้าขนหนูอุ่นให้เช็ดเพื่อเพิ่มความสดชื่นก่อนจะเริ่มทานกันครับ โดยวัตถุดิบทั้งหมดที่ทางร้านใช้ในวันนี้ถูกรวบรวมใส่เอาไว้ในกล่องพร้อมจะนำมาปรุงให้เราได้ทานกันแล้ว มีคนทานชุด 15 คำ 2,500 บาทด้วย แต่เราขออนุญาตโฟกัสเฉพาะที่ราคา 999++ ในรีวิวนี้นะครับ
มาถึงวัตถุดิบอย่างแรกก็คือปลามาไดซึ่งเป็นของชั้นสูงราคาแพงแต่ที่ร้านนี้นำมาเสิร์ฟในราคาแค่ 999++ นำมาปรุงเป็นเมนู "Madai Tartare Yuzu" หรือยำซาชิมาปลามาไดซอสส้มยูสุ โดยเชฟจะทำการแล่และเบิร์ฟไฟที่หนังให้กลิ่นของไขมันออกมามากกว่าเดิม ก่อนจะจัดเสิร์ฟลงในชามทรงพิเศษที่ตรงกลางเป็นควันจาก Dry Ice พวยพุ่งออกมาอย่างสวยงามท๊อบปิ้งบนเนื้อปลาด้วยคาร์เวียร์และทองคำเปลว วิธีการทานสามารถทำได้ 2 แบบคือซาชิมิไม่ต้องจิ้มโชยุเพื่อรับรสความหวานมันนวลเนียนไขมันฉ่ำๆมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษของปลาชนิดนี้ตัดรสเค็มด้วยไข่คาร์เวียแตกในปาก หรือจะทานกับคู่ยำสาหร่ายสดกรุบกรอบคลุกด้วยน้ำส้มยูสุรสหวานหอมอมเปรี้ยวนิดๆเพื่อเพิ่มความสดชื่นก็ได้ ระหว่างนี้เชฟก็บอกความพิเศษของปลาชนิดนี้ไปเรื่อยๆตามใบแขวนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าเราครับผม
เมนูต่อมาชื่อดูธรรมดาแต่มีการจัดเสิร์ฟที่ค่อนข้างแปลกใหม่คือ "Ika Sashimi" โดยปลาหมึกที่ทางร้านใช้นั้นเรียกว่า Sumi-Ika หรือที่บ้านเราเรียกว่าหมึกกระดองจุดเด่นของวัตถุดิบชนิดนี้คือมีความกรุบกรอบเนื้อเยอะเคี้ยวเต็มคำมากกว่าหมึกกล้วยซาชิมิที่เราทานมาหลายๆร้านที่สำคัญคือฤดูนี้เป็นช่วงที่อร่อยสุดๆ เชฟนำมาแล่เป็นเส้นให้คล้ายๆกับอูด้งก่อนจะลนด้วยไฟให้พอปลาหมึกม้วนตัวเล็กน้อยแต่ยังคงความฉ่ำเอาไว้เหมือนเดิม เสิร์ฟในถ้วยจิ๋วที่มี Dry Ice อยู่ด้านล่างแล้วจะราดน้ำให้ควันพวยพุ่งและทำการปิดผนึกด้วยฟองสบู่ก่อนจะยกมาให้พร้อมทาน เรามีหน้าที่แค่ใช้ปลายตะเกียบจิ้มฟองสบู่ให้แตกก่อนจะคีบเนื้อหมึกเย็นๆที่อยู่ด้านในออกมาทาน เนื้อหวานแน่นกรอบที่สีไม่สวยเพราะเชฟได้นำเนื้อไปนวดและบ่มจนได้รสชาติเข้มข้นออกมาอย่างสูงสุด ทานคู่กับวาซาบิดองและสาหร่ายสดเพิ่มความกรอบฉุนสดชื่นให้เมนูนี้ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทานปลาหมึกที่รสชาติอร่อยไปอีกแบบ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าปลาหมึกต้องทานแบบตัวขาวใสเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเท่านั้นจึงจะได้ความอร่อยสูงสุด แต่เชฟได้นำมาผ่านกระบวนการพิเศษจนได้รสชาติออกมาอีกแบบถือว่าแปลกใหม่สำหรับผมมากครับ
****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:
Muteki by Mugendai สาขา Empire Tower ชั้น G
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รีวิว ร้านอาหารเปิดใหม่ BINCHO ร้านปลาย่างถ่านสไตล์ญี่ปุ่น เปิดแล้ววันนี้ที่ Mega Bangna
BINCHO ร้านปลาย่างถ่านเปิดใหม่จากญี่ปุ่น Bangkok มีร้านใหม่อีกแล้วค่ะ วันนี้เรามาลอง BINCHO ร้านใหม่ในเครือ MAGURO โดย highlight จะอยู่ที่เตา IRORI เป็นเตาไฟญี่ปุ่นแบบโบราณไว้ใช้ล้อมวงกินข้าว แล้
สมาชิกหมายเลข 1879481
[รีวิวบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นพรีเมียม] กิน “หอยเป๋าฮื้อตัวสด ๆ ไม่อั้น” + ฟัวกราส์ + เนื้อ Miyazaki ที่ Masaru Shabu & Sushi Buf
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวพันทิป วันนี้ผมอยากมาเล่าประสบการณ์บุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นที่เพิ่งไปจัดมาสด ๆ ร้อน ๆ ร้านนี้คือ Masaru Shabu & Sushi Buffet …ไถ Facebook ไปเจอพอดี เห็นว่ามีเมนู หอยเป๋าฮื้อตัว
SarinPoom
บอสพาชิม :HIMESHI @ GALA Bangkok เมื่อข้าว...ไม่เป็นแค่ข้าว
GALA bangkok เปิดขายมื้อกลางวันกับHimeshi ที่เป็นคอร์สข้าวอบของโปรดของผม บอสจึงไม่พลาดที่จะมาชิม สำหรับใครที่ไม่รู้จัก Gala Bangkok เป็นร้าน Fine Dining) ที่มีคอนเซ็ปต์ คือ "Theatrical Dining Ex
EatLikeTheBOSS
เรือโป๊ะ Seafood โดยแสนสมบูรณ์ @ ซอยศรีนครินทร์ 56 เขตประเวศ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พามาทานอาหารทะเลที่ร้านเรือโป๊ะ Seafood โดยแสนสมบูรณ์ เป็น 1 ในร้านซีฟู๊ดดังย่านอุดมสุข ร้านตั้งอยู่ที่ ซอยศรีนครินทร์ 56 (ใกล้ 4 แยกอุดมสุข) แขวงหนองบอน เขตประเวศ จังหวัดกรุง
Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
Omakase ที่ Daisen อาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมในราคาจับต้องได้
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้จะมาขอเล่าความประทับใจกับการกินโอมากาเสะของเราที่ Daisen Japanese restaurant สาขา Centralworld ร้านอยู่ที่ชั้น 6 ติดกับร้านหนังสือ Kinokuniya ค่ะ เข้ามาในห้อง ข้างในกว้างขวาง ส
จิ๊จ๊ะ เจได
หมึกมหึมา Architeuthis (อาร์คีทิวธีส) อย่านึกว่าเทพเจ้านะ
วันไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ โซนบางใหญ่ ก็เลยทดสอบเส้นทางใหม่สาย 81 สักหน่อย และจะไปลองเมนูแปลกๆดูบ้าง จากบางใหญ่ ไปร้านนี้ ถือว่าสะดวกทีเดียว วิ่งแป๊ปเดียวก็ถึง แต่ขับไปก็ลุ้นไป จะโดนใบสั่งไหมนะ ตั้งป้าย
กังหันฟ้าขาว
ฮิตติดกระแส ร้านดังที่ดารามาทานเยอะมาก พร้อมคำพิเศษที่ต้องสั่งมาลิ้มลอง
Han Roll BKK ฮิตติดกระแส ที่ใครๆก็ต้องมาลอง วัตถุดิบพรีเมียมเกรดเดียวกับโอมากาเสะ เพราะเค้าเครือเดียวกับ Hangetsu Omakase ร้านดังที่ดารามาทานเยอะมาก รอบนี้เราจัดมาเป็นคอร์สใหญ่ไฟกระพริบ 7 roll 1950++
มิกิชวนกิน
[CR] จูส์ไดนิ่ง (Jus Dining) คอร์สใหม่ของเชฟบิว ภูเตโช แชมป์เฮลคิทเช่นคนแรกของประเทศไทยที่รักษาคุณภาพได้ดีเหมือนเดิม
จุดเริ่มต้นจากการจองคอร์สนี้เริ่มจากการเห็นเมนูเลยค่ะ มีทั้งไก่ดำที่หาทานยาก ลาบเหนือที่ไม่เคยทาน กุ้งที่มาพร้อมกับคอมบูชาเสาวรสที่ร้านทำเอง แถมยังได้ทานล็อปสเตอร์ในราคาแค่พันห้า การทำทะเลรูลาดอีก ก็เ
ฌาสา
โอมากาเสะ ที่ได้ยินมาปากต่อปาก ว่าต้องมาลองให้ได้สักครั้ง Sushi Sora
Sushi Sora 空 โอมากาเสะที่ได้ยินมาปากต่อปากว่าต้องมาลองให้ได้สักครั้ง เสิร์ฟความอร่อยโดยเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ทั้งน่ารัก เป็นกันเอง และเล่นกล้องมาก คอร์สที่เรามาทานรอบนี้ Sora Omakase 4,800++ รวม 17 คำ
มิกิชวนกิน
รีวิว OHB Café and Meal สาขา WellnessMe Bangna ร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ เข้ากับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว
รีวิว OHB Café and Meal สาขา WellnessMe Bangna ร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ เข้ากับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว ถ้าคุณกำลังมองหาร้านอาหารและคาเฟ่ที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับอาหารเพื่อ
yoknipas
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารญี่ปุ่น
ซูชิ
ร้านอาหาร
อาหารคาว
ปลาทูน่า
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว Muteki กับชุด Omakase Course เสิร์ฟให้ 12-15 เมนูวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม เริ่มต้นแค่คนละ 999++฿
ยังพอมีเวลาอีกหน่อยก่อนจะเริ่มทาน Omakase มาดูที่เล่มเมนูหน้าร้านกันก่อนว่ามีอะไรให้ทานบ้าง หน้าแรกก็เป็นรายการสเปเชียลหรือเมนูแนะนำของทางร้านมีทั้งเบอร์เกอร์/ของทอดทานเล่น/ซูชิและซาชิมิราคา 100-2,400 บาท ตามมาด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ญี่ปุ่นราคา 60-450 บาท สลัดท๊อปปิ้งด้วยเครื่องและซอสสไตล์ญี่ปุ่นราคา 120-420 บาท ซูชิโรลมากิและเทมากิมีให้เลือกกว่า 22 เมนูราคา 190-900 บาท ซุปมีให้เลือกเป็นแบบใส่กา/ซุปมิโสะหรือซุปพิเศษประจำวันราคา 90-150 บาท เมนูซูชิแบบนิกิริราคาเริ่มต้นที่ 50-580 บาท ซาชิมิเสิร์ฟชุดละ 3 ชิ้นราคา 150-1,700 บาท ชุดซาชิมิขนาดใหญ่ราคา 900-3,200 บาท เนื้อปลาแล่บางเสิร์ฟพร้อมซอสพอนสึเป็นยำสไตล์ญี่ปุ่นราคา 300-350 บาท อาหารจานเดียวสไตล์ญี่ปุ่นราคา 140-600 บาท ข้าวหน้าของดิบสไตล์ญี่ปุ่นมีทั้งหมด 11 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 300-1,500 บาท เทมปุระทอดร้อนๆราคา 100-300 บาท เมนูจากเส้นแบบญี่ปุ่นราคา 250-320 บาท เมนูชุดเกล็ดขนมปังทอดราคา 175-710 บาท เมนูย่างเกลือ-ย่างซีอิ๊วราคา 80-600 บาท นอกจากนี้ยังมีขนมอบ/แซนวิช/ซูเฟล่แพนเค้ก/ขนมญี่ปุ่น/ซอฟต์ไอศครีม/กาแฟ/ชา/น้ำผลไม้/น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลากหลายรายการ เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มานั่งชิลล์ในสไตล์คาเฟ่ได้ครบวงจรครับผม
เดินเข้ามาในร้านถูกตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนสลับกับพื้น-กำแพงสีเข้มและการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ถือว่าดูดีมีระดับตามราคาและทำเลที่ร้านตั้ง โดยพื้นที่ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ๆคือ 1.โซนคาเฟ่สำหรับนั่งชิลล์ทำงานหรืออ่านหนังสือใกล้ๆกับครัวเครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบของทางร้าน 2.โซนนั่งรับประทานอาหารแบบ A La Carte มีทั้งโต๊ะหรือโซฟาเลือกนั่งได้ตามสบายกระจายอยู่ทั่วร้าน 3.โซนห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับได้ 4-12 คนโดยไม่มีเงื่อนไขการใช้บริการขั้นต่ำ 4.โซน Omakase เป็นเก้าอี้บาร์เรียงยาวหน้าเค้าท์เตอร์มองเห็นเชฟปรุงได้ทุกๆขั้นตอน ซึ่งวันนี้เราได้ทำการจองและคอนเฟิร์มผ่านไลน์ของทางร้านมาเรียบร้อยส่วนเชฟก็สแตนบายรอแล้วครับผม
เมื่อมานั่งที่โต๊ะแล้วก็จะพบกับแผ่นรองจาน/จาน/ตะเกียบ/ช้อนและที่รองช้อนวางเรียงกันไว้อย่างสวยงามข้างกันเป็นเล่มเมนูที่ทางร้านจะเสิร์ฟให้กับเราวันนี้มีทั้งหมด 12 รายการในราคา 999++ ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มเพราะฉะนั้นทางร้านก็วางเมนูเครื่องดื่มเอาไว้ให้เราสั่งเพิ่มได้อีกด้วย มาถึงที่ร้านก็เสิร์ฟเมนูแรกก่อนเลยคือไชเท้าดองกรุบกรอบหวานอมเปรี้ยวกับขิงดองรสหวานฉุนขึ้นจมูกเอาไว้ทานเพื่อล้างคาวปลาในปากให้พร้อมต่อการรับรสชาติปลาในแต่ละคำ แต่ทางร้านก็ไม่ได้ใจร้ายเรื่องเครื่องดื่มขนาดนั้นเพราะมี Peach Sparking ฟรีคนละ 1 แก้ว รสเปรี้ยวอมหวานซ่าหอมกลิ่นพีชละมุนขึ้นจมูกแบบไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มความสดชื่นก่อนจะเข้าเมนูแรก หลังจากแก้วนี้หมดที่ร้านก็มีชาเขียวรีฟิลให้บริการคนละ 55 บาท เราก็สั่งมาเพิ่มอีกเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะมากแค่แก้วเดียวไม่พอครับ
มาถึงเชฟก็จะทำการแนะนำตัวโดยวันนี้เป็นฝีมือของเชฟจิรศักดิ์เป็นซูชิมาสเตอร์มากประสบการณ์ของที่ร้านนี้จะมาทำซูชิให้เราทานกันครับ ก่อนอื่นวางป้ายด้านหน้าเราเพื่อบ่งบอกราคาของชุดโอมากาเสะที่สั่งกันก่อนตามด้วยผ้าเปียกเย็นๆสำหรับทำความสะอาดมือ (เผื่อบางคนอยากทานด้วยมือ) และผ้าขนหนูอุ่นให้เช็ดเพื่อเพิ่มความสดชื่นก่อนจะเริ่มทานกันครับ โดยวัตถุดิบทั้งหมดที่ทางร้านใช้ในวันนี้ถูกรวบรวมใส่เอาไว้ในกล่องพร้อมจะนำมาปรุงให้เราได้ทานกันแล้ว มีคนทานชุด 15 คำ 2,500 บาทด้วย แต่เราขออนุญาตโฟกัสเฉพาะที่ราคา 999++ ในรีวิวนี้นะครับ
มาถึงวัตถุดิบอย่างแรกก็คือปลามาไดซึ่งเป็นของชั้นสูงราคาแพงแต่ที่ร้านนี้นำมาเสิร์ฟในราคาแค่ 999++ นำมาปรุงเป็นเมนู "Madai Tartare Yuzu" หรือยำซาชิมาปลามาไดซอสส้มยูสุ โดยเชฟจะทำการแล่และเบิร์ฟไฟที่หนังให้กลิ่นของไขมันออกมามากกว่าเดิม ก่อนจะจัดเสิร์ฟลงในชามทรงพิเศษที่ตรงกลางเป็นควันจาก Dry Ice พวยพุ่งออกมาอย่างสวยงามท๊อบปิ้งบนเนื้อปลาด้วยคาร์เวียร์และทองคำเปลว วิธีการทานสามารถทำได้ 2 แบบคือซาชิมิไม่ต้องจิ้มโชยุเพื่อรับรสความหวานมันนวลเนียนไขมันฉ่ำๆมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษของปลาชนิดนี้ตัดรสเค็มด้วยไข่คาร์เวียแตกในปาก หรือจะทานกับคู่ยำสาหร่ายสดกรุบกรอบคลุกด้วยน้ำส้มยูสุรสหวานหอมอมเปรี้ยวนิดๆเพื่อเพิ่มความสดชื่นก็ได้ ระหว่างนี้เชฟก็บอกความพิเศษของปลาชนิดนี้ไปเรื่อยๆตามใบแขวนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าเราครับผม
เมนูต่อมาชื่อดูธรรมดาแต่มีการจัดเสิร์ฟที่ค่อนข้างแปลกใหม่คือ "Ika Sashimi" โดยปลาหมึกที่ทางร้านใช้นั้นเรียกว่า Sumi-Ika หรือที่บ้านเราเรียกว่าหมึกกระดองจุดเด่นของวัตถุดิบชนิดนี้คือมีความกรุบกรอบเนื้อเยอะเคี้ยวเต็มคำมากกว่าหมึกกล้วยซาชิมิที่เราทานมาหลายๆร้านที่สำคัญคือฤดูนี้เป็นช่วงที่อร่อยสุดๆ เชฟนำมาแล่เป็นเส้นให้คล้ายๆกับอูด้งก่อนจะลนด้วยไฟให้พอปลาหมึกม้วนตัวเล็กน้อยแต่ยังคงความฉ่ำเอาไว้เหมือนเดิม เสิร์ฟในถ้วยจิ๋วที่มี Dry Ice อยู่ด้านล่างแล้วจะราดน้ำให้ควันพวยพุ่งและทำการปิดผนึกด้วยฟองสบู่ก่อนจะยกมาให้พร้อมทาน เรามีหน้าที่แค่ใช้ปลายตะเกียบจิ้มฟองสบู่ให้แตกก่อนจะคีบเนื้อหมึกเย็นๆที่อยู่ด้านในออกมาทาน เนื้อหวานแน่นกรอบที่สีไม่สวยเพราะเชฟได้นำเนื้อไปนวดและบ่มจนได้รสชาติเข้มข้นออกมาอย่างสูงสุด ทานคู่กับวาซาบิดองและสาหร่ายสดเพิ่มความกรอบฉุนสดชื่นให้เมนูนี้ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทานปลาหมึกที่รสชาติอร่อยไปอีกแบบ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าปลาหมึกต้องทานแบบตัวขาวใสเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเลเท่านั้นจึงจะได้ความอร่อยสูงสุด แต่เชฟได้นำมาผ่านกระบวนการพิเศษจนได้รสชาติออกมาอีกแบบถือว่าแปลกใหม่สำหรับผมมากครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น