จะสังเกตได้ว่า วันคริสต์มาส มักจะเป็นวันหยุด และไม่มีข่าว ไม่มีอะไรให้เราได้ติดตามมากนัก
.
เหมือนกับว่าทุกอย่างของฝรั่งมังค่าจะหยุดหมด................เท่ากับว่าข่าวที่ติดตามกันเมื่อวันก่อนหน้านี้คือ “ข่าวเก็บ” หรือ “ข่าวเดี่ยว” ที่สัมภาษณ์กันไว้เป็นส่วนตัว
.
แต่หลายคนคงแอบคิดว่า ทำไมถึงได้ไม่แข่งขันฟุตบอลใน “วันคริสต์มาส” แต่กลับมีฟุตบอลในวันต่อมาก็คือ “บ็อกซิ่งเดย์”
.
.
คริสต์มาส คือ 25 ธันวาคม...บ็อกซิ่งเดย์ คือ 26 ธันวาคมของทุกปี
.
.
คริสต์มาส คือวันส่งความสุข ส่งของขวัญ มีซานต้าซานตี้มามอบให้ตามความเชื่อ และรังสรรค์กันมายาวนาน จากนั้นก็มาเปิดกล่องของขวัญในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นคำว่า “บ็อกซิ่งเดย์”
.
ว่ากันว่าตำนานของบ็อกซิ่งเดย์ ที่เปิดกล่องของขวัญในยุคต่อมานั้น มาจาก ตำนานการเดินเรือ เพราะทุกลำที่เดินสมุทร จะมีกล่องปลุกเสกจากบาทหลวง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในการเดินทาง ในกล่องจะมีเงินและถ้าปลอดภัยกลับมา จะนำกล่องไปถวายบาทหลวงในวันที่ 26 ธันวาคม
.
อีกเรื่องหนึ่งในตำนานก็คือ งานเลี้ยงวันคริสต์มาสของขุนนาง หรือสตรีสูงศักดิ์ยุคโบราณ จะมีการนำกล่องไปใส่อาหารจากงานดังกล่าว นำไปแจกลูกน้อง, ผู้อยู่อาศัย หรือผู้เช้าที่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
.
.
......กลับมาที่โลกแห่งฟุตบอล ที่ผ่านมาเคยมีการเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาส กันมาแล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
.
ในยุคที่ยังไม่ได้มีการจัดระเบียบ หรือระบบการถ่ายทอดสด เพราะฟุตบอลยังเป็นการเตะกันเองดูกันเองในประเทศ ความนิยมต่าง ๆ รวมไปถึงการสื่อสารยังไม่เครือข่ายทั่วไป โยงใยทั่วโลกขนาดนี้
.
ฟุตบอลเตะกันทั้งวันคริสต์มาส และบ็อกซิ่งเดย์
.
.
กระทั่งวัฒนธรรมอันนี้ก็เริ่มจางหายไปเรื่อย ๆ อย่างที่ประเทศอังกฤษ เกมสุดท้ายที่เตะในวันคริสต์มาส ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1965
.
นั่นเป็นเพราะช่วงเทศกาลนี้ของฝรั่งมังค่านับเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด ทุกคนอยากอยู่กับครอบครัวของตัวเองในวันคริสต์มาส จากนั้นก็ออกไปเที่ยวกันในวันบ็อกซิ่งเดย์
.
เสริมให้วัฒนธรรมคนอังกฤษ ก็คือ เมื่อคุณได้อยู่กันเป็นครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา งั้นก็ไปดูฟุตบอลเตะกัน รวมไปถึงมีการแข่งขันม้า หรือว่า รักบี้ ก็มีด้วย
.
......การเตะแบบ “ยกชุด” คือทั้งโปรแกรมของบอลอังกฤษ ครั้งสุดท้ายในวันคริสต์มาส นั่นคือวันที่ 25 ธันวาคม 1959 อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาในการล่าช้าการเดินทาง รถโดยสารน้อยเนื่องจากตรงกับวันหยุด จึงได้มีการตกลงกันว่า จะไม่มีการเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาสอีกต่อไป
.
จากนั้นการเตะค่อย ๆ จางหายลงไปจนถึงวันคริสต์มาส ปี 1965 บันทึกว่าคู่สุดท้ายที่บลูมฟิลด์ โร้ด ปรากฏว่า แบล็คพูล เอาชนะ แบล็คเบิร์น ไปได้ 4-2 ในศึกดิวิชั่น 1
.
จากนั้นก็ไม่มีการเตะในวันที่ 25 ธันวาคม อีกเลยของวงการลูกหนังอังกฤษ
.
“มันเป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลยสำหรับเรา ดูเหมือนกับว่า สมาธิมันหายไปหมด ครอบครัวของผมไม่ได้มาชมเกม โดยเฉพาะภรรยาของผม เธอกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารเย็นในวันคริสต์มาส มากกว่าลุ้นผลในสนาม” เกล็น เจมส์ ปราการหลังของแบล็คพูล ที่ลงเล่นในเกมนั้นให้สัมภาษณ์กับ เดอะ เทเลกราฟ เอาไว้เมื่อครั้งกระโน้น
.
ขณะที่ การดวลแข้งครั้งสุดท้ายในวันคริสต์มาส ที่เตะกันแบบ “ยกชุด” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1971
.
ซึ่งครั้งนั้นเป็นลูกหนังสกอตแลนด์
.
ผลการดวลแข้งครั้งดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ว่า กลาสโกว เซลติก ชนะ ฮาร์ทส์ 3-2, ดันดี ยูไนเต็ด ชนะ ดันเฟิร์มลิน 3-2, คิลมาน็อก ชนะ มอร์ตัน 4-2, แอร์ดราย์ เสมอ ไคลด์ 1-1, อีสต์ ฟิฟ เสมอ มาเธอร์เวลล์ 1-1, ฟัลเคิร์ก แพ้ อเบอร์ดีน 0-3, ฮิบเบอร์เนี่ยน แพ้ กลาสโกว เรนเจอร์ส 0-1,แพทริค แพ้ อายร์ 0-1 และ เซนต์ จอห์นสโตน เสมอ ดันดี 0-0 Goalstorm
.
ส่วนการดวลแข้งใน”วันคริสต์มาส นัดสุดท้าย” ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี1976 ก็ยังเป็นเกมลูกหนังแดนวิสกี้อีกเช่นเคย
.
มีการเตะ 2 คู่ในลีกสูงสุด ปรากฏว่า ไคลด์แบงค์ เสมอกับ เซนต์ เมียร์เรน 2-2 และในเกมดิวิชั่น 2 ที่ทีมอัลลัว ชนะ คาวเดนบีธ 2-1
.
เท่ากับว่าตำนานลูกหนังวันคริสต์มาส ได้ปิดฉากลงไปเรียบร้อยนับจากนั้นเป็นต้นมา และทำท่าว่าจะตลอดไป
.
ส่วนเกมวันบ็อกซิ่งเดย์ ยังคงซัดกันต่ออย่างเกรี้ยวกราด โดยปีนี้จะฟาดกันดุเดือด แต่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เพราะไม่ได้มาเตะแบบพร้อมกันทั้ง 10 ในพรีเมียร์ลีก แต่ก็แบ่งไปตามการถ่ายทอดสดในยุคของโควิด-19 ครองเมือง
.
ที่มา Goalstorm
.
goalstorm
🌲ฟุตบอล-คริสต์มาส และบ็อกซิ่งเดย์🌲 วันหยุดแต่ฟุตบอลไม่เคยหยุด
จะสังเกตได้ว่า วันคริสต์มาส มักจะเป็นวันหยุด และไม่มีข่าว ไม่มีอะไรให้เราได้ติดตามมากนัก
.
เหมือนกับว่าทุกอย่างของฝรั่งมังค่าจะหยุดหมด................เท่ากับว่าข่าวที่ติดตามกันเมื่อวันก่อนหน้านี้คือ “ข่าวเก็บ” หรือ “ข่าวเดี่ยว” ที่สัมภาษณ์กันไว้เป็นส่วนตัว
.
แต่หลายคนคงแอบคิดว่า ทำไมถึงได้ไม่แข่งขันฟุตบอลใน “วันคริสต์มาส” แต่กลับมีฟุตบอลในวันต่อมาก็คือ “บ็อกซิ่งเดย์”
.
.
คริสต์มาส คือ 25 ธันวาคม...บ็อกซิ่งเดย์ คือ 26 ธันวาคมของทุกปี
.
.
คริสต์มาส คือวันส่งความสุข ส่งของขวัญ มีซานต้าซานตี้มามอบให้ตามความเชื่อ และรังสรรค์กันมายาวนาน จากนั้นก็มาเปิดกล่องของขวัญในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นคำว่า “บ็อกซิ่งเดย์”
.
ว่ากันว่าตำนานของบ็อกซิ่งเดย์ ที่เปิดกล่องของขวัญในยุคต่อมานั้น มาจาก ตำนานการเดินเรือ เพราะทุกลำที่เดินสมุทร จะมีกล่องปลุกเสกจากบาทหลวง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในการเดินทาง ในกล่องจะมีเงินและถ้าปลอดภัยกลับมา จะนำกล่องไปถวายบาทหลวงในวันที่ 26 ธันวาคม
.
อีกเรื่องหนึ่งในตำนานก็คือ งานเลี้ยงวันคริสต์มาสของขุนนาง หรือสตรีสูงศักดิ์ยุคโบราณ จะมีการนำกล่องไปใส่อาหารจากงานดังกล่าว นำไปแจกลูกน้อง, ผู้อยู่อาศัย หรือผู้เช้าที่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
.
.
......กลับมาที่โลกแห่งฟุตบอล ที่ผ่านมาเคยมีการเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาส กันมาแล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
.
ในยุคที่ยังไม่ได้มีการจัดระเบียบ หรือระบบการถ่ายทอดสด เพราะฟุตบอลยังเป็นการเตะกันเองดูกันเองในประเทศ ความนิยมต่าง ๆ รวมไปถึงการสื่อสารยังไม่เครือข่ายทั่วไป โยงใยทั่วโลกขนาดนี้
.
ฟุตบอลเตะกันทั้งวันคริสต์มาส และบ็อกซิ่งเดย์
.
.
กระทั่งวัฒนธรรมอันนี้ก็เริ่มจางหายไปเรื่อย ๆ อย่างที่ประเทศอังกฤษ เกมสุดท้ายที่เตะในวันคริสต์มาส ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1965
.
นั่นเป็นเพราะช่วงเทศกาลนี้ของฝรั่งมังค่านับเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด ทุกคนอยากอยู่กับครอบครัวของตัวเองในวันคริสต์มาส จากนั้นก็ออกไปเที่ยวกันในวันบ็อกซิ่งเดย์
.
เสริมให้วัฒนธรรมคนอังกฤษ ก็คือ เมื่อคุณได้อยู่กันเป็นครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา งั้นก็ไปดูฟุตบอลเตะกัน รวมไปถึงมีการแข่งขันม้า หรือว่า รักบี้ ก็มีด้วย
.
......การเตะแบบ “ยกชุด” คือทั้งโปรแกรมของบอลอังกฤษ ครั้งสุดท้ายในวันคริสต์มาส นั่นคือวันที่ 25 ธันวาคม 1959 อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาในการล่าช้าการเดินทาง รถโดยสารน้อยเนื่องจากตรงกับวันหยุด จึงได้มีการตกลงกันว่า จะไม่มีการเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาสอีกต่อไป
.
จากนั้นการเตะค่อย ๆ จางหายลงไปจนถึงวันคริสต์มาส ปี 1965 บันทึกว่าคู่สุดท้ายที่บลูมฟิลด์ โร้ด ปรากฏว่า แบล็คพูล เอาชนะ แบล็คเบิร์น ไปได้ 4-2 ในศึกดิวิชั่น 1
.
จากนั้นก็ไม่มีการเตะในวันที่ 25 ธันวาคม อีกเลยของวงการลูกหนังอังกฤษ
.
“มันเป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลยสำหรับเรา ดูเหมือนกับว่า สมาธิมันหายไปหมด ครอบครัวของผมไม่ได้มาชมเกม โดยเฉพาะภรรยาของผม เธอกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารเย็นในวันคริสต์มาส มากกว่าลุ้นผลในสนาม” เกล็น เจมส์ ปราการหลังของแบล็คพูล ที่ลงเล่นในเกมนั้นให้สัมภาษณ์กับ เดอะ เทเลกราฟ เอาไว้เมื่อครั้งกระโน้น
.
ขณะที่ การดวลแข้งครั้งสุดท้ายในวันคริสต์มาส ที่เตะกันแบบ “ยกชุด” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1971
.
ซึ่งครั้งนั้นเป็นลูกหนังสกอตแลนด์
.
ผลการดวลแข้งครั้งดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ว่า กลาสโกว เซลติก ชนะ ฮาร์ทส์ 3-2, ดันดี ยูไนเต็ด ชนะ ดันเฟิร์มลิน 3-2, คิลมาน็อก ชนะ มอร์ตัน 4-2, แอร์ดราย์ เสมอ ไคลด์ 1-1, อีสต์ ฟิฟ เสมอ มาเธอร์เวลล์ 1-1, ฟัลเคิร์ก แพ้ อเบอร์ดีน 0-3, ฮิบเบอร์เนี่ยน แพ้ กลาสโกว เรนเจอร์ส 0-1,แพทริค แพ้ อายร์ 0-1 และ เซนต์ จอห์นสโตน เสมอ ดันดี 0-0 Goalstorm
.
ส่วนการดวลแข้งใน”วันคริสต์มาส นัดสุดท้าย” ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี1976 ก็ยังเป็นเกมลูกหนังแดนวิสกี้อีกเช่นเคย
.
มีการเตะ 2 คู่ในลีกสูงสุด ปรากฏว่า ไคลด์แบงค์ เสมอกับ เซนต์ เมียร์เรน 2-2 และในเกมดิวิชั่น 2 ที่ทีมอัลลัว ชนะ คาวเดนบีธ 2-1
.
เท่ากับว่าตำนานลูกหนังวันคริสต์มาส ได้ปิดฉากลงไปเรียบร้อยนับจากนั้นเป็นต้นมา และทำท่าว่าจะตลอดไป
.
ส่วนเกมวันบ็อกซิ่งเดย์ ยังคงซัดกันต่ออย่างเกรี้ยวกราด โดยปีนี้จะฟาดกันดุเดือด แต่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เพราะไม่ได้มาเตะแบบพร้อมกันทั้ง 10 ในพรีเมียร์ลีก แต่ก็แบ่งไปตามการถ่ายทอดสดในยุคของโควิด-19 ครองเมือง
.ที่มา Goalstorm
.
goalstorm