สอบถามเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์ลดอัตราดอกเบี้ยกับ ธอส. มีใครเจอแบบเราบ้าง

สวัสดีค่ะ เรายืม Login สามีเข้ามาตั้งกระทู้ ตอนนี้เราอยู่ในช่วงลาคลอด 90 วัน การติดต่อกับ ธอส. สาขา A ที่เกิดขึ้นทำเราและสามีเสียสุขภาพจิตมาก เดินทางไปติดต่อธนาคารหลายรอบ ข้อมูลที่สอบถาม และได้รับมาไม่ชัดเจน เรามีความสงสัยในการยื่นขอลดอัตราดอกเบี้ยกับ ธอส. ดังนี้

เรื่องขอเราคือ เมื่อ 4 ส.ค. 59 เราทำสัญญากู้กับ ธอส. สาขา A  "โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ"  ในบันทึกต่อท้ายสัญญาระบุว่า
ปีที่ 1-4 ดอกเบี้ย MRR-3.50 ต่อปี (ตั้งแต่ส.ค. 59 - ส.ค. 63 จ่ายเดือนละ 9,100 บาท)
ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน ผู้กู้ยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเท่ากับอัตราดอกเบี้ยลูกกค้ารายย่อยชั้นดี  MRR-1 ต่อปี (ตั้งแต่ ก.ย.63 เป็นต้นไป จ่ายเดือนละ 11,700 บาท)

ปีที่ 1 ถึง ปีที่ 4 เป็นจำนวนเงินเดือนละ 9,100 บาท 
ส่วนระยะเวลาการกู้ที่เหลืออยู่ ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ยและเงินต้นให้แก่ผู้ให้กู้เป็นจำนวนเงินงวดใหม่ซึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่าเงินงวดที่กำหนดไว้ข้างต้น 

เราทำงานในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินฝากกับ ธอส. จึงได้รับสิทธิ์สวัสดิการลดดอกเบี้ยแบบมีเงินฝาก

24 พ.ย. 63
เราเข้าไปติดต่อ ธอส. พร้อมนำสัญญาเงินกู้ และหนังสือลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการเคหะจากที่ทำงาน (สวัสดิการแบบมีเงินฝาก) เข้าไปสอบถามว่า เราสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยในส่วน 1 ล้านแรก โดยใช้สิทธิ์สวัสดิการลดดอกเบี้ยแบบมีเงินฝาก และส่วนที่เกินจะใช้สิทธิ์รีเทนชั่นได้หรือไม่ จนท. ตรวจสอบเอกสารของเรา ปรินท์เอกสาร และแจ้งเราว่า ขอเอาเอกสารให้หัวหน้าตรวจสอบก่อน ให้เรานั่งรอก่อน
หลังจากนั้น จนท. กลับมาแจ้งเราว่า เอกสารของเราสามารถทำได้ทั้ง 2 อย่าง พร้อมแจ้งว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างสำหรับใช้ในการยื่นลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง จนท. แจ้งว่าวันที่เตรียมเอกสารมายื่น ให้กดบัตรคิว แล้วรอเรียกตามลำดับ (ยื่นเคาน์เตอร์ไหนก็ได้ แล้วรอเรียกตามลำดับ)

30 พ.ย. 63
เราเข้าไปทำเรื่องยื่นเอกสารประกอบการขอลดอัตราดอกเบี้ย 
โดยในส่วน 1 ล้านแรก ใช้สิทธิสวัสดิการดอกเบี้ยแบบมีเงินฝาก
ยอดที่เกินจาก 1 ล้านแรก ใช้สิทธิสวัสดิการดอกเบี้ยแบบไม่มีเงินฝาก 
กดบัตรคิว รอเรียกตามลำดับ เขียนคำร้อง และเอกสารสำหรับยื่นลดอัตราดอกเบี้ย เราได้สอบถาม จนท. ผู้ชายที่รับเรื่องว่า ดอกเบี้ยที่ขอรีเทนชั่นอยู่ที่เท่าไหร่ จนท. ตอบว่า ยอดเหลือ 6 แสน ต้องรอพิจารณาก่อนว่าจะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะยอดเหลือน้อย ให้เรารอติดต่อกลับจากธนาคารภายใน 60 วัน

18 ธ.ค. 63
จนท. ที่รับเรื่องโทรแจ้งเราว่า เรื่องของเราไม่สามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยได้ ต้องรอให้ครบ 5 ปี คือ หลัง  4 ส.ค  64 ถึงจะทำเรื่องขอปรับลดได้
เราถามไปว่า ก่อนที่จะไปยื่นเอกสารได้เอาเอกสารสัญญาเงินกู้ และหนังสือที่ได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ยจากที่ทำงานไปสอบถาม จนท. เคาน์เตอร์ 2 แล้ว เค้าปรินท์เอกสารไปถามหัวหน้า แล้วกลับมาบอกว่าของพี่ทำได้ทั้ง 2 อย่าง เลยเตรียมเอกสารมายื่น
เราแจ้ง จนท.  ว่าให้ถามหัวหน้าอีกรอบว่าทำได้ไหม 

ช่วงบ่าย จนท.  โทรแจ้งว่า กรณีของเรามีทางเลือก 2 แบบ
แบบที่ 1 ทางธนาคารจะทำสิทธิสวัสดิการลดดอกเบี้ยแบบมีเงินฝากให้ ซึ่งเราต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000 บาท พร้อมทั้งจ่ายเงินงวดที่ต้องจ่ายประจำตั้งแต่ ก.ย. 63 จำนวน 11,700 บาท ด้วย สรุปคือ เราต้องจ่ายให้ธนาคารรวมเดือนละ 16,700 บาท จนถึง ส.ค  64
หลัง 4 ส.ค. 64 ให้เรามาติดต่อขอทำเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย( retention) ในส่วนที่เกินจาก 1 ล้าน

แบบที่ 2 ให้เรารอจนถึงหลัง 4 ส.ค  64 แล้วมาขอยื่นลดอัตราดอกเบี้ยทั้งแบบสวัสดิการมีเงินฝาก และแบบสวัสดิการไม่มีเงินฝาก แนะนำให้เราทำเรื่องคงสิทธิ์กับที่ทำงานของเรา

เราถาม จนท.  ต่อไปว่า ถ้าเราเลือกแบบที่ 1 ทำไมเราต้องจ่ายเพิ่ม เป็นค่าปรับที่เราขอลดดอกเบี้ยหรือ จนท.  แจ้งว่าไม่ใช่ค่าปรับ แต่สัญญากู้เรายังลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ ถ้าเราจะใช้สิทธิสวัสดิการแบบมีเงินฝากเลย ก็ต้องทำแบบนี้
ก่อนวางสาย จนท.  แจ้งเราว่า ให้เราปรึกษาสามีก่อนว่าจะตัดสินใจแบบไหน

เรากับสามี ได้ปรึกษาน้องที่รู้จัก (เป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อของ ธอส. สาขา B เรารู้จักน้องผ่านเพื่อนของเรา) โดยเราเล่ารายละเอียดให้น้องฟังว่า จนท.  โทรมาแจ้งแบบนี้ น้องขอเลขสัญญาเงินกู้ เลขบัตรประชาชนของเราไปตรวจสอบ และแจ้งว่า สัญญาของเราขอปรับลดได้ เพราะดอกเบี้ยลอยตัวแล้ว ไม่มีติดเงื่อนไขอะไร ให้เราเข้าไปคุยที่สาขา A ทาง จนท. อาจเข้าใจผิด สรุปว่า เราและสามีจะเข้าไปคุยที่ ธอส. สาขา A วันที่ 21 ธ.ค  63 

21 ธ.ค. 63 
เราและสามีเข้าไปสอบถามที่ ธอส. สาขา A พร้อมเปิดสัญญาให้  จนท. ดู เราถามว่า เรามายื่นเรื่องขอปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้ดอกเบี้ยของเราลอยตัวแล้ว และในสัญญา บันทึกต่อท้ายสัญญาไม่มีระบุเงื่อนไขในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย มีแต่ระบุเรื่องอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-4 (MRR-3.50) ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา (MRR-1) ต่อปี  ค่างวดที่ต้องจ่ายรายเดือน และเรื่องค่าปรับหากปิดบัญชีเงินกู้หรือไถ่ถอนจำนองก่อนครบ 5 ปี

จนท. เอาเอกสารของเราไปถามหัวหน้า แล้วกลับมาบอกเราว่า หัวหน้าจะส่งเรื่องขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเราปรึกษาศูนย์ก่อน

พอ จนท. แจ้งแบบนี้ เราเลยถามกลับไปว่า แล้วเมื่อวันศุกร์ (18 ธ.ค.) ที่แจ้งว่า มีทางเลือกให้ 2 แบบ หมายความว่ายังไง เราจึงแจ้งอีกว่า เรามีน้องที่รู้จักทำงาน ธอส. สินเชื่อ สาขา B ตรวจสอบข้อมูลของเราแล้ว สามารถขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้
จนท. จึงแจ้งเราว่า ขอโทรหาหัวหน้าศูนย์ และแจ้งว่าขอส่งเรื่องปรึกษาก่อน โดยจะส่งเรื่องเราไปที่ศูนย์ก่อนวันที่ 25 ธ.ค. 63 

หลังจากกลับจาก ธอส. สาขา A เราโทรเล่าเรื่องให้น้องที่ทำงาน ธอส. สินเชื่อ สาขา B น้องให้เราถ่ายรูปสัญญา รวมถึงบันทึกต่อท้ายสัญญาส่งให้ทางไลน์ 
น้องตรวจสอบจากระบบ และถ่ายรูประเบียบส่งมาให้ โดยมีข้อความว่า "10.13 กรณีผู้กู้มีความประสงค์ขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนครบกำหนดระยะเวลาการกู้ 5 ปี นับจากวันทำสัญญากู้เงินหรือบันทึกต่อท้ายสัญญากู้เงิน ให้สามารถเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้โดย ไม่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ย้อนหลังในช่วง 4 ปีแรก นับจากวันทำสัญญากู้เงินหรือบันทึกต่อท้ายสัญญากู้เงิน"  ซึ่งยืนยันว่าทำได้ น้องแนะนำให้เราเข้าไปคุยที่ ธอส. สาขา A อีกรอบ และให้ยื่นระเบียบที่ได้มาให้ จนท. ดู 

ตอนนี้เรายังไม่ได้เอาระเบียบ และข้อมูลที่ได้เพิ่มไปติดต่อ ธอส. สาขา A เพราะ รอทาง จนท. ธอส. สาขา A ติดต่อกลับมาอยู่ค่ะ  ซึ่ง จนท. แจ้งว่าใช้เวลาในการดำเนินการ 60 วัน ที่จะทราบผล

ประเด็นที่เราสงสัย:
1. ข้อมูลที่ จนท. แจ้งเราเมื่อ วันที่ 18 ธ.ค. 63 มีความขัดแย้งกับข้อมูลที่ จนท. แจ้งเราเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 63
2. อัตราดอกเบี้ย รีเทนชั่น ยอดที่เหลือ 6 แสนกว่า จนท. บอกแค่ว่า ต้องส่งเรื่องพิจารณาก่อนว่าได้รับสิทธิ์ลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะยอดเหลือน้อย ปกติแล้ว จนท. จะแจ้งเราในวันที่ไปยื่นคำร้อง และเอกสารเลยไหมคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่