สวัสดีครับ เรื่องนี้เคยได้โพสลงในพันทิปแล้ว คราวนี้มาในรูปแบบเสียงให้ฟ้ง สำหรับท่านที่เป็นนักอ่าน มีแบบให้อ่านด้วยครับ
อย่าลืมเข้าไปฟังเเล้ว กดติดตาม กดถูกใจ เป็นกำลังใจให้ @ด้วยนะครับ ขอบคุณ
.............. รถสองแถวกำลังแล่นไปบนถนน บ่ายแก่เยี่ยงนี้ มองทิวทัศน์สองข้างทางทุกอย่างมันแสบพร่าตาไปหมด ทุ่งนาแห้งแล้ง ผิวดินแตกระแหง เห็นแต่เปลวแดดเต้นระยิบ อยู่เหนือตอซังข้าวที่กำลังยุบโทรม บ้างถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง
ฝูงวัวนับสิบตัวเคลื่อนขบวนไปตามไหล่ถนน หาเล็มหญ้าที่ยังพอขึ้นอยู่บ้าง คนเลี้ยงวัวผิวสีน้ำตาลเข้ม ร่างผอม มีผ้าข้าวม้าโพกศีรษะแทนหมวก เดินสะพายย่ามใบเก่า สูบบุหรี่ควันผลุ่ย พอเห็นวัวมันจะเดินล้ำ เข้าไปในเลนกลางก็ใช้แส่ยาว ผูกปลายเศษผ้าสีขาว ไล่หวดไล่ต้อนพวกมันกลับเข้าไหล่ทาง
ผมได้ยินเสียงฮุ่ยๆ เเล้วความจำในสมัยเด็กมันก็กลับคืนมา เงยหน้าหลับตา ได้กลิ่นสาบหญ้าสาบและขี้วัว มันคือกลิ่นเดิมๆ อากาศเดิมๆ กับถิ่นที่ผมเติบโตมา
ผมกับเพื่อนคนหนึ่ง สมัยเป็นเด็กเลี้ยงวัว ยังจำมันได้ มีต้นมะกอกป่าต้นหนึ่งขึ้นอยู่ริมถนน เคยไปปีนเก็บผลไป ให้แม่ใส่น้ำพริกสดปลาแห้ง จากมาเสียนาน ต้นมะกอกยังยืนต้นใบโกร๋นอยู่เหมือนเดิม ที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
ทันทีที่รถจอด ผมสะพายเป้ด้วยไหล่ข้างเดียว ไม่ทันข้ามฝั่งถนน ป้าแก่ในชุดดำไว้ทุกข์คนหนึ่ง กวักมือเรียกผมใหญ่ เรียกชื่อปุธ บอกเกือบจำผมไม่ได้ ผมชื่อพุธครับ สำเนียงคนเมืองเรียกปุธ เพราะเป็นคนเกิดวันพุธ
อยากจะหยุดพูดคุยกับแกเหมือนกัน แต่ภารกิจมันสำคัญ ต้องรีบไปหาข่าว ผมทักป้าพอเป็นพิธีเพราะต้องรีบเข้าบ้าน เพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ
บนหนทางที่ผมกำลังรีบสาวเท้าเดินไป เจอพวกคนแก่กับเด็กหลายคนในชุดดำไว้ทุกข์ ชนบทก็แบบนี้แหละครับ คนหนุ่มคนสาวมีน้อย ความจำเป็นมันมีต้องเข้าเมืองไปหางานทำ
ผมต้องขอโทษขอโพยคนเหล่านั้น ไม่มีเวลาพูดคุยด้วยเพราะต้องรีบเข้าบ้าน เอากระเป๋าไปเก็บ เผลอๆ ผมอาจโชคดีได้ต้นข่าว จากแม่ของผมเสียเอง
เสียงตามสายดังเเว่วมา เวลามีคนตายในหมู่บ้าน ซึ่งถ้าใครว่างเว้นจากการงาน จะแวะเวียนมาดูใจญาติของผู้ตาย อันเป็นน้ำจิตน้ำใจอันดีงาม ธรรมเนียมประเพณีของชาวชนบท มักตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน มีการเรียกเก็บรวบรวมเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินที่ได้ก็นำมาซื้อหาอาหาร มาทำกินกันทั้งหมู่บ้าน ไม่เกินสามวันจึงเผา
บ้านที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ อยู่ไม่ห่างจากบ้านของผมเสียด้วย ไม่ถึงห้าร้อยเมตรเลยครับ กะว่าพอหาข่าวและไปถ่ายรูปในป่าช้า สถานที่เกิดเหตุเสร็จ จะไปเยี่ยมเยือนตอนค่ำ ไม่รู้ว่าใครตาย ก็คงเป็นคนที่ผมรู้จักนั่นแหละ
เดินไปอีกหน่อยก็เจอ พ่ออุ้ยแก่ ๆ คนหนึ่งในชุดสีขาว ผ้าขาวม้าคาดเฉียง แกเดินลงจากบันไดบ้านงาน ผิวหน้าแม้เหี่ยวย่น แลดูห่างๆ ดูผ่องใส แน่ละครับ นิสัยคนแก่ตามชนบท ชอบทำบุญสุนทาน ใบหน้าจึงอิ่มบุญ มีความอิ่มเอิบผ่องใส ได้กลิ่นน้ำอบจากตัวแกเลย ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะจำพ่ออุ้ยคนนี้ได้ แต่นึกชื่อของแกไม่ออก
ผมเกือบสะดุ้ง! มีคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ โดดมาขวางหน้าผม ชี้หน้าร้องเรียกปุธซีแลน ชื่อปุธซีแลนที่มันเรียกล้อผมปุธ คือพุธ ซีแลน หมายถึงชื่อสัตว์เลื้อยคลานจำพวกหนึ่ง ความหมายเต็มเอามาต่อกัน ผมไม่อยากเอ่ย มันค่อนข้างหยาบคาย
เจ้าคนนี้เพื่อนเก่าสมัยเด็กของผมเองครับ ชื่อไอ้มี ฉายาที่ผมตั้งให้ในตอนนั้น ตั้งให้คือ มีหมีควาย เพราะตัวดำใหญ่ ตอนเด็กถ้าไปมีเรื่องกับเด็กเกเร ยังพอพึ่งพาได้ มันเองอาศัยผม เรื่องลอกการบ้าน วันหยุดเราไปช่วยกันเลี้ยงควาย
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน ด้วยความจำเป็น ผมเริ่มภารกิจหาข่าวทันที ผมกับเพื่อน ไม่เคยมีความลับต่อกัน มันทำทีมองหน้าผม ราวกับคนแปลกหน้า ก็ใช่สิ สาบดินกลิ่นหญ้าติดตัวมัน กับกลิ่นน้ำหอมฝั่งในเนื้อผ้าชั้นดีของผม มันต่างกัน ทำงานหนักก็ต้องใช้แต่ของดีๆ หน่อยสิครับ มีนิ่งอยู่อึดใจก่อนเปิดปากพูด
สมัยเป็นเด็ก เราเคยเล่นเป็นกุมารทอง ไปเที่ยวเล่นซ่อนแอบอยู่ในป่าช้าหลังหมู่บ้าน เคยทำเป็นหลอกพวกผู้ใหญ่ที่แอบตัดไม้ในป่าช้า จนหนีกระเจิงมาแล้ว พ่ออุ้ยหนานคนข้างบ้านมาเจอเข้า ชอบอกชอบใจใหญ่ ควักตังค์น้อยคือเหรียญห้าบาทให้มาแล้ว ชอบใจในวีรกรรมซุกซนของพวกเรา มันช่วยไล่พวกลักลอบตัดไม้ไปได้
แต่วันนี้มันคนละเรื่องกันครับ เพื่อนผมคงคิดว่า ผมจะรำลึกความหลังละมั้ง เมื่อผมไม่ได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ป่วยการจะคาดคั้น ยังมีชาวบ้านอีกหลาย ให้ผมไปสอบหาข้อมูล มันต้องมีคนของพวกหมอผี มาหาลักลอบ เอาศพเด็กออกจากสุสานแน่ หากผมติดตามข่าวนี้จนคืบหน้าได้
ผมตั้งเป้าหมาย บ้านอันเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ในหมู่บ้านเงียบๆ กัน คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ถ้าไม่อยู่ตามท้องไร่ท้องนา คงอยู่ไปชุมนุมที่บ้านหลังนั้น ผมรีบมุ่งหน้าไป พอเหลียวหลังกลับมา เจ้ามีเดินแยกไปอีกทางด้วยสีหน้าเฉยชา มาคิดๆ ดูแล้ว ผมคงแล้งน้ำใจไปหน่อย ชีวิตเพื่อนของผมคนนี้น่าสงสาร อาศัยอยู่กับแม่สองคน ข้างบ้านคือพ่ออุ้ยแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งคอยช่วยเหลือจุนเจือกันมานาน
เสียงบรรเลงเพลงพญาโศก จากลำโพงขยายเสียง ดังมาจากบ้านที่ตั้งศพ จะค่ำแล้ว ชาวบ้านเตรียมตัวมาร่วมงาน ผมเลือกเดินเลี่ยงลัดเข้าซอย เพราะเห็นเงาคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินมุ่งมา ขี้เกียจทักคนรู้จักว่างั้น ไปโผล่เอาที หลังบ้านผมเลย อยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ทุกเช้าออกมาล้างหน้าแปรงฟัน จะเห็นป่าสุสานใหญ่เป็นวิวอันคุ้นชินตา
พอมาถึงบ้าน ผมตะโกนก็เรียกแม่ๆ ให้เปิดประตูที แม่เปิดประตูออกมาในชุดดำเหมือนคนอื่น กำลังจะไปงานอยู่พอดี พอสอบถามมีใครตายในบ้าน แม่ทำหน้าเหมือนป้าคนนั้น คงเบื่อที่ผมไม่ใส่ใจคนอื่น เอาแต่ของตัวเอง ไล่ให้ไปถามเพื่อนผมเอาเอง บ้านอยู่ใกล้บ้านคนตายแค่นี้ พอผมถามเรื่อง พวกลักลอบขุดศพเด็กไม่เน่า ได้ข่าวผีเด็กเฮี้ยนมาก จะมีพวกเล่นคุณไสยมาลักลอบขุดเอาไปอีกหน แม่สั่นหน้าหัวคิ้วย่น ไม่พูดไม่จา
ผมถอดใจ เลยไปยืนอยู่ตรงชานบ้าน มองจากตรงนี้ ยังเห็นแผ่นหลังพ่ออุ้ยคนนั้นอยู่ไวๆ แกอุ้มขันเงินใส่ดอกไม้ธูปเทียน เหมือนกำลังเดินเข้าไปในป่าช้า
แม่หันมามองตาม ยอมปริปากพูด เมื่อไม่นานมานี้ได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง มาปักกลดภาวนา ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้าน มีศรัทราตามไปใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรมกับท่านอยู่เสมอ ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่ใช่เป้าหมายในการหาข่าวของผม
พอลงจากบันได ไปเจอน้าทองคนข้างบ้าน ผมเลยขอสัมภาษณ์สดเรื่องผีกุมารทอง น้าแกก็หัวร่อคิกคัก ชี้ให้ไปถามเพื่อนของผมดูสิ เป็นคู่หูกันมานี้ แล้วยังบอกอีกด้วย เพื่อนของผม มีที่นาทำกินเป็นของตนเองแล้วนะ ได้มรดกจากพ่ออุ้ยข้างบ้าน ผมดีใจด้วยจริงๆ แต่ถึงตอนนี้ ผมก็ยังนึกภาพใบหน้าพ่ออุ้ยข้างบ้านคนไหน มีคนแก่หลายคนอยู่นะ
จนถึงตอนนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจ เรื่องมีคนพยายามลักลอบ ขุดศพเด็กไปปลุกเสกเป็นกุมารทอง จะเป็นข่าวยกเฆมขึ้นมา น้ายังบอกย้ำอีกด้วยว่า เรื่องพระมาปักกลดในป่าช้ารูปนั้น เป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ไม่แน่ท่านอาจเลี้ยงกุมารทอง ผีเด็กนิสัยซุกซน อาจออกมาหลอกหลอนคนเล่น
ความช่างมโน ปรุงแต่งเรื่องของผม หรือว่าความจริง ในป่าไม่มีศพเด็กไม่เน่ามาแต่แรก ถ้าเช่นนั้น ผมไปขอทำข่าวกับพระรูปนั้น ในป่าช้าจะดีไหม
พอผมถามน้าทอง ไม่ไปร่วมฟังพระสวดด้วยหรือ ไม่เห็นเปลี่ยนชุด น้าทองแกบอกจะออกไปตามลูกชายแกก่อน เห็นไปวิ่งเล่นในป่าสุสานกับเพื่อน ใกล้ค่ำแล้วยังไม่ยอมกลับ เห็นจะไปตามเอง ผมยิ้มอ่อนเด็กแถวนี้กลัวผีป่าช้าซะที่ไหน เหมือนกับผมสมัยเด็ก ขนาดพวกผู้ใหญ่ขู่ ผีป่าช้าจะมาลักตัวเอาไปซ่อน ยังไม่กลัวกันเลย
ตะวันจะตกดินแล้ว ผมได้ความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย คงต้องบากบั่นเข้าไปหาข่าวกับพระธุดงค์ ในเมื่อท่านปักกลด ในสุสานท้ายหมู่บ้าน เดินไปอึดใจเดียวก็คงเห็น
ป่าสุสานมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยไร่ เป็นป่าชุมชนดีเด่นของจังหวัด พวกชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ พอถึงฤดูกาลจะมีเห็ดที่คนกินได้ขึ้นงอกงาม เคยมีคนเข้ามาลักลอบตัดไม้มีค่า เช่นไม้กฤษณา ไม้สัก ไม้พยุง ลำต้นขนาดหลายคนโอบก็ยังมีอยู่ สัตว์ป่าบางชนิดยังพอมีในนั้น
ทันทีที่สองเท้าของผมก้าวเข้าไปในเขตป่าสุสาน สัมผัสความเย็นยะเยือกจากพันธุ์ไม้อันแน่นขนัด เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ เห็นเงาตะคุ้มของอาคารเมรุอยู่ลึกเข้าไป
ทางเข้านั้นคดเคี้ยวผ่านป่าไม้ไร่ กำลังไหวลู่เอนตามแรงลม ทำเอาเย็นวาบ อากาศช่วงหัวค่ำเย็นลง เป็นเรื่องปกติ ผมไม่เคยมีความกลัวในสุสานแห่งนี้อยู่แล้ว
มีเสียงแว่วเข้ามากระทบโสต ผมเอานิ้วแยงหู ทำตาหยีเมื่อเจอลมแรงๆ พัดฝุ่นฟุ้ง ให้ความรู้สึกช่างโดดเดี่ยว อ้างว้างเหลือเกิน ตอนเด็กผมกับมี ชอบมาเล่นแถวนี้ ได้อย่างไรกันก็ไม่รู้ หรือว่าพอโตขึ้น จิตมันปรุงแต่งมันเยอะ อะไรที่ไม่เคยกลัวก็กลัวขึ้นมา แบบไม่มีเหตุผล
ใบไม้หล่นแกรกเดียว ผมถึงกับสะดุ้งเหลียวซ้ายเหลียวขวา โตมาแล้วกลายเป็นคนขวัญอ่อนเสียนี่ ไม่เหมือนตอนเด็ก แทบจะเอากระดูกผีในเชิงตะกอนมาเล่น ผมมานึกใคร่ครวญอีกที ตรงหน้าปากทางเข้านี้แหละ สมัยก่อนคนเขาเอาศพเด็กมาฝังดิน ทั้งเด็กที่คลอดตาย เด็กที่ตายก่อนวัยอันควร
จะด้วยอุปาทานไปเองหรือเปล่า ผมเห็นเหมือนมีเงาร่างเล็กๆ วิ่งไล่กันมา เสียงหัวเราะเล็กๆ และเสียงครางฮือๆ เหมือนสัตว์ร้าย เหงื่อกาฬผมไหล ถึงกระนั้นมือยังกุมแน่น กล้องมือถือ ภาพถ่ายคมชัดพึ่งถอยออกมาใหม่
จะกลัวทำไม ในเมื่อผมมาเพื่อสิ่งนี้ หากกล้องของผมถ่ายติดวิญญาณ จะต้องเป็นข่าวฮือฮาในโลกโชเซี่ยลแน่ ผมจะต้องดัง
กล้องถูกยกส่ายไปมา โพกัสหาเป้าหมาย
คุณพระช่วย! ผมเห็นร่างเล็กๆ ประมาณเด็กสิบขวบ มากันถึงสาม มุดออกมาจากป่าไผ่ ผมไม่อยากเรียกนามสามคนเลย มันต้องเรียกสามตน ส่วนศีรษะนั้นใหญ่เกินร่างกายไปมาก กางแขนโยกหัวไปมา เหมือนกำลังเริงระบำตามประสาผีของมัน ผมเผ้ายาวกระเซิง ใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ วัยคงเกือบร้อยปี รูปร่างผิดมนุษย์เกินไปแล้ว
ทั้งสามวิ่งวนรอบตัวผม เต้นหย็อยๆ บิดเอว แอ่นหน้าแอ่นหลังไปมา ส่งเสียงแฮ่ๆ ขู่แค่นี้ มีหรือผมจะหยุดกล้องในมือ ถ่ายติดได้หลายนาที
พวกผียังไม่ยอมอันตรธานไปตามบท เล่นมาเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ แถมยังไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วยสัญชาตญาณของผม
ผีก็ผีสิ! คว้ากิ่งไผ่มาหักได้ ขนาดกำลังพอเหมาะ
“นี่แน่ะ! เจ้าเด็กผี!”
ผมหวดใส่ก้นเด็กผีไม่ยั้ง เป็นไงเป็นกันสิน่า เด็กผีโดนไปหลายกระเด้ง ร้องโอดโอย นี่ขนาดผมไม่ได้ท่องคาถาอะไรเลยนะ แค่นี้เจ้าพวกเด็กผีถึงกับร้องลั่น ครางฮือๆ รีบเอามือถอดหัวออก
ปรากฏว่า หัวผีมีขายตามงานวัดเนี่ยนะ!
ปลูกผักในป่าช้า วิญญาณอันพอเพียง
อย่าลืมเข้าไปฟังเเล้ว กดติดตาม กดถูกใจ เป็นกำลังใจให้ @ด้วยนะครับ ขอบคุณ
ฝูงวัวนับสิบตัวเคลื่อนขบวนไปตามไหล่ถนน หาเล็มหญ้าที่ยังพอขึ้นอยู่บ้าง คนเลี้ยงวัวผิวสีน้ำตาลเข้ม ร่างผอม มีผ้าข้าวม้าโพกศีรษะแทนหมวก เดินสะพายย่ามใบเก่า สูบบุหรี่ควันผลุ่ย พอเห็นวัวมันจะเดินล้ำ เข้าไปในเลนกลางก็ใช้แส่ยาว ผูกปลายเศษผ้าสีขาว ไล่หวดไล่ต้อนพวกมันกลับเข้าไหล่ทาง
ผมได้ยินเสียงฮุ่ยๆ เเล้วความจำในสมัยเด็กมันก็กลับคืนมา เงยหน้าหลับตา ได้กลิ่นสาบหญ้าสาบและขี้วัว มันคือกลิ่นเดิมๆ อากาศเดิมๆ กับถิ่นที่ผมเติบโตมา
ผมกับเพื่อนคนหนึ่ง สมัยเป็นเด็กเลี้ยงวัว ยังจำมันได้ มีต้นมะกอกป่าต้นหนึ่งขึ้นอยู่ริมถนน เคยไปปีนเก็บผลไป ให้แม่ใส่น้ำพริกสดปลาแห้ง จากมาเสียนาน ต้นมะกอกยังยืนต้นใบโกร๋นอยู่เหมือนเดิม ที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย
ทันทีที่รถจอด ผมสะพายเป้ด้วยไหล่ข้างเดียว ไม่ทันข้ามฝั่งถนน ป้าแก่ในชุดดำไว้ทุกข์คนหนึ่ง กวักมือเรียกผมใหญ่ เรียกชื่อปุธ บอกเกือบจำผมไม่ได้ ผมชื่อพุธครับ สำเนียงคนเมืองเรียกปุธ เพราะเป็นคนเกิดวันพุธ
อยากจะหยุดพูดคุยกับแกเหมือนกัน แต่ภารกิจมันสำคัญ ต้องรีบไปหาข่าว ผมทักป้าพอเป็นพิธีเพราะต้องรีบเข้าบ้าน เพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ
บนหนทางที่ผมกำลังรีบสาวเท้าเดินไป เจอพวกคนแก่กับเด็กหลายคนในชุดดำไว้ทุกข์ ชนบทก็แบบนี้แหละครับ คนหนุ่มคนสาวมีน้อย ความจำเป็นมันมีต้องเข้าเมืองไปหางานทำ
ผมต้องขอโทษขอโพยคนเหล่านั้น ไม่มีเวลาพูดคุยด้วยเพราะต้องรีบเข้าบ้าน เอากระเป๋าไปเก็บ เผลอๆ ผมอาจโชคดีได้ต้นข่าว จากแม่ของผมเสียเอง
เสียงตามสายดังเเว่วมา เวลามีคนตายในหมู่บ้าน ซึ่งถ้าใครว่างเว้นจากการงาน จะแวะเวียนมาดูใจญาติของผู้ตาย อันเป็นน้ำจิตน้ำใจอันดีงาม ธรรมเนียมประเพณีของชาวชนบท มักตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน มีการเรียกเก็บรวบรวมเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินที่ได้ก็นำมาซื้อหาอาหาร มาทำกินกันทั้งหมู่บ้าน ไม่เกินสามวันจึงเผา
บ้านที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ อยู่ไม่ห่างจากบ้านของผมเสียด้วย ไม่ถึงห้าร้อยเมตรเลยครับ กะว่าพอหาข่าวและไปถ่ายรูปในป่าช้า สถานที่เกิดเหตุเสร็จ จะไปเยี่ยมเยือนตอนค่ำ ไม่รู้ว่าใครตาย ก็คงเป็นคนที่ผมรู้จักนั่นแหละ
เดินไปอีกหน่อยก็เจอ พ่ออุ้ยแก่ ๆ คนหนึ่งในชุดสีขาว ผ้าขาวม้าคาดเฉียง แกเดินลงจากบันไดบ้านงาน ผิวหน้าแม้เหี่ยวย่น แลดูห่างๆ ดูผ่องใส แน่ละครับ นิสัยคนแก่ตามชนบท ชอบทำบุญสุนทาน ใบหน้าจึงอิ่มบุญ มีความอิ่มเอิบผ่องใส ได้กลิ่นน้ำอบจากตัวแกเลย ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะจำพ่ออุ้ยคนนี้ได้ แต่นึกชื่อของแกไม่ออก
ผมเกือบสะดุ้ง! มีคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ โดดมาขวางหน้าผม ชี้หน้าร้องเรียกปุธซีแลน ชื่อปุธซีแลนที่มันเรียกล้อผมปุธ คือพุธ ซีแลน หมายถึงชื่อสัตว์เลื้อยคลานจำพวกหนึ่ง ความหมายเต็มเอามาต่อกัน ผมไม่อยากเอ่ย มันค่อนข้างหยาบคาย
เจ้าคนนี้เพื่อนเก่าสมัยเด็กของผมเองครับ ชื่อไอ้มี ฉายาที่ผมตั้งให้ในตอนนั้น ตั้งให้คือ มีหมีควาย เพราะตัวดำใหญ่ ตอนเด็กถ้าไปมีเรื่องกับเด็กเกเร ยังพอพึ่งพาได้ มันเองอาศัยผม เรื่องลอกการบ้าน วันหยุดเราไปช่วยกันเลี้ยงควาย
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันนาน ด้วยความจำเป็น ผมเริ่มภารกิจหาข่าวทันที ผมกับเพื่อน ไม่เคยมีความลับต่อกัน มันทำทีมองหน้าผม ราวกับคนแปลกหน้า ก็ใช่สิ สาบดินกลิ่นหญ้าติดตัวมัน กับกลิ่นน้ำหอมฝั่งในเนื้อผ้าชั้นดีของผม มันต่างกัน ทำงานหนักก็ต้องใช้แต่ของดีๆ หน่อยสิครับ มีนิ่งอยู่อึดใจก่อนเปิดปากพูด
สมัยเป็นเด็ก เราเคยเล่นเป็นกุมารทอง ไปเที่ยวเล่นซ่อนแอบอยู่ในป่าช้าหลังหมู่บ้าน เคยทำเป็นหลอกพวกผู้ใหญ่ที่แอบตัดไม้ในป่าช้า จนหนีกระเจิงมาแล้ว พ่ออุ้ยหนานคนข้างบ้านมาเจอเข้า ชอบอกชอบใจใหญ่ ควักตังค์น้อยคือเหรียญห้าบาทให้มาแล้ว ชอบใจในวีรกรรมซุกซนของพวกเรา มันช่วยไล่พวกลักลอบตัดไม้ไปได้
แต่วันนี้มันคนละเรื่องกันครับ เพื่อนผมคงคิดว่า ผมจะรำลึกความหลังละมั้ง เมื่อผมไม่ได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ป่วยการจะคาดคั้น ยังมีชาวบ้านอีกหลาย ให้ผมไปสอบหาข้อมูล มันต้องมีคนของพวกหมอผี มาหาลักลอบ เอาศพเด็กออกจากสุสานแน่ หากผมติดตามข่าวนี้จนคืบหน้าได้
ผมตั้งเป้าหมาย บ้านอันเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ในหมู่บ้านเงียบๆ กัน คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ถ้าไม่อยู่ตามท้องไร่ท้องนา คงอยู่ไปชุมนุมที่บ้านหลังนั้น ผมรีบมุ่งหน้าไป พอเหลียวหลังกลับมา เจ้ามีเดินแยกไปอีกทางด้วยสีหน้าเฉยชา มาคิดๆ ดูแล้ว ผมคงแล้งน้ำใจไปหน่อย ชีวิตเพื่อนของผมคนนี้น่าสงสาร อาศัยอยู่กับแม่สองคน ข้างบ้านคือพ่ออุ้ยแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งคอยช่วยเหลือจุนเจือกันมานาน
เสียงบรรเลงเพลงพญาโศก จากลำโพงขยายเสียง ดังมาจากบ้านที่ตั้งศพ จะค่ำแล้ว ชาวบ้านเตรียมตัวมาร่วมงาน ผมเลือกเดินเลี่ยงลัดเข้าซอย เพราะเห็นเงาคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินมุ่งมา ขี้เกียจทักคนรู้จักว่างั้น ไปโผล่เอาที หลังบ้านผมเลย อยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ทุกเช้าออกมาล้างหน้าแปรงฟัน จะเห็นป่าสุสานใหญ่เป็นวิวอันคุ้นชินตา
พอมาถึงบ้าน ผมตะโกนก็เรียกแม่ๆ ให้เปิดประตูที แม่เปิดประตูออกมาในชุดดำเหมือนคนอื่น กำลังจะไปงานอยู่พอดี พอสอบถามมีใครตายในบ้าน แม่ทำหน้าเหมือนป้าคนนั้น คงเบื่อที่ผมไม่ใส่ใจคนอื่น เอาแต่ของตัวเอง ไล่ให้ไปถามเพื่อนผมเอาเอง บ้านอยู่ใกล้บ้านคนตายแค่นี้ พอผมถามเรื่อง พวกลักลอบขุดศพเด็กไม่เน่า ได้ข่าวผีเด็กเฮี้ยนมาก จะมีพวกเล่นคุณไสยมาลักลอบขุดเอาไปอีกหน แม่สั่นหน้าหัวคิ้วย่น ไม่พูดไม่จา
ผมถอดใจ เลยไปยืนอยู่ตรงชานบ้าน มองจากตรงนี้ ยังเห็นแผ่นหลังพ่ออุ้ยคนนั้นอยู่ไวๆ แกอุ้มขันเงินใส่ดอกไม้ธูปเทียน เหมือนกำลังเดินเข้าไปในป่าช้า
แม่หันมามองตาม ยอมปริปากพูด เมื่อไม่นานมานี้ได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง มาปักกลดภาวนา ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้าน มีศรัทราตามไปใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรมกับท่านอยู่เสมอ ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่ใช่เป้าหมายในการหาข่าวของผม
พอลงจากบันได ไปเจอน้าทองคนข้างบ้าน ผมเลยขอสัมภาษณ์สดเรื่องผีกุมารทอง น้าแกก็หัวร่อคิกคัก ชี้ให้ไปถามเพื่อนของผมดูสิ เป็นคู่หูกันมานี้ แล้วยังบอกอีกด้วย เพื่อนของผม มีที่นาทำกินเป็นของตนเองแล้วนะ ได้มรดกจากพ่ออุ้ยข้างบ้าน ผมดีใจด้วยจริงๆ แต่ถึงตอนนี้ ผมก็ยังนึกภาพใบหน้าพ่ออุ้ยข้างบ้านคนไหน มีคนแก่หลายคนอยู่นะ
จนถึงตอนนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจ เรื่องมีคนพยายามลักลอบ ขุดศพเด็กไปปลุกเสกเป็นกุมารทอง จะเป็นข่าวยกเฆมขึ้นมา น้ายังบอกย้ำอีกด้วยว่า เรื่องพระมาปักกลดในป่าช้ารูปนั้น เป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ไม่แน่ท่านอาจเลี้ยงกุมารทอง ผีเด็กนิสัยซุกซน อาจออกมาหลอกหลอนคนเล่น
ความช่างมโน ปรุงแต่งเรื่องของผม หรือว่าความจริง ในป่าไม่มีศพเด็กไม่เน่ามาแต่แรก ถ้าเช่นนั้น ผมไปขอทำข่าวกับพระรูปนั้น ในป่าช้าจะดีไหม
พอผมถามน้าทอง ไม่ไปร่วมฟังพระสวดด้วยหรือ ไม่เห็นเปลี่ยนชุด น้าทองแกบอกจะออกไปตามลูกชายแกก่อน เห็นไปวิ่งเล่นในป่าสุสานกับเพื่อน ใกล้ค่ำแล้วยังไม่ยอมกลับ เห็นจะไปตามเอง ผมยิ้มอ่อนเด็กแถวนี้กลัวผีป่าช้าซะที่ไหน เหมือนกับผมสมัยเด็ก ขนาดพวกผู้ใหญ่ขู่ ผีป่าช้าจะมาลักตัวเอาไปซ่อน ยังไม่กลัวกันเลย
ตะวันจะตกดินแล้ว ผมได้ความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย คงต้องบากบั่นเข้าไปหาข่าวกับพระธุดงค์ ในเมื่อท่านปักกลด ในสุสานท้ายหมู่บ้าน เดินไปอึดใจเดียวก็คงเห็น
ป่าสุสานมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งร้อยไร่ เป็นป่าชุมชนดีเด่นของจังหวัด พวกชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ พอถึงฤดูกาลจะมีเห็ดที่คนกินได้ขึ้นงอกงาม เคยมีคนเข้ามาลักลอบตัดไม้มีค่า เช่นไม้กฤษณา ไม้สัก ไม้พยุง ลำต้นขนาดหลายคนโอบก็ยังมีอยู่ สัตว์ป่าบางชนิดยังพอมีในนั้น
ทันทีที่สองเท้าของผมก้าวเข้าไปในเขตป่าสุสาน สัมผัสความเย็นยะเยือกจากพันธุ์ไม้อันแน่นขนัด เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ เห็นเงาตะคุ้มของอาคารเมรุอยู่ลึกเข้าไป
ทางเข้านั้นคดเคี้ยวผ่านป่าไม้ไร่ กำลังไหวลู่เอนตามแรงลม ทำเอาเย็นวาบ อากาศช่วงหัวค่ำเย็นลง เป็นเรื่องปกติ ผมไม่เคยมีความกลัวในสุสานแห่งนี้อยู่แล้ว
มีเสียงแว่วเข้ามากระทบโสต ผมเอานิ้วแยงหู ทำตาหยีเมื่อเจอลมแรงๆ พัดฝุ่นฟุ้ง ให้ความรู้สึกช่างโดดเดี่ยว อ้างว้างเหลือเกิน ตอนเด็กผมกับมี ชอบมาเล่นแถวนี้ ได้อย่างไรกันก็ไม่รู้ หรือว่าพอโตขึ้น จิตมันปรุงแต่งมันเยอะ อะไรที่ไม่เคยกลัวก็กลัวขึ้นมา แบบไม่มีเหตุผล
ใบไม้หล่นแกรกเดียว ผมถึงกับสะดุ้งเหลียวซ้ายเหลียวขวา โตมาแล้วกลายเป็นคนขวัญอ่อนเสียนี่ ไม่เหมือนตอนเด็ก แทบจะเอากระดูกผีในเชิงตะกอนมาเล่น ผมมานึกใคร่ครวญอีกที ตรงหน้าปากทางเข้านี้แหละ สมัยก่อนคนเขาเอาศพเด็กมาฝังดิน ทั้งเด็กที่คลอดตาย เด็กที่ตายก่อนวัยอันควร
จะด้วยอุปาทานไปเองหรือเปล่า ผมเห็นเหมือนมีเงาร่างเล็กๆ วิ่งไล่กันมา เสียงหัวเราะเล็กๆ และเสียงครางฮือๆ เหมือนสัตว์ร้าย เหงื่อกาฬผมไหล ถึงกระนั้นมือยังกุมแน่น กล้องมือถือ ภาพถ่ายคมชัดพึ่งถอยออกมาใหม่
จะกลัวทำไม ในเมื่อผมมาเพื่อสิ่งนี้ หากกล้องของผมถ่ายติดวิญญาณ จะต้องเป็นข่าวฮือฮาในโลกโชเซี่ยลแน่ ผมจะต้องดัง
กล้องถูกยกส่ายไปมา โพกัสหาเป้าหมาย
คุณพระช่วย! ผมเห็นร่างเล็กๆ ประมาณเด็กสิบขวบ มากันถึงสาม มุดออกมาจากป่าไผ่ ผมไม่อยากเรียกนามสามคนเลย มันต้องเรียกสามตน ส่วนศีรษะนั้นใหญ่เกินร่างกายไปมาก กางแขนโยกหัวไปมา เหมือนกำลังเริงระบำตามประสาผีของมัน ผมเผ้ายาวกระเซิง ใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ วัยคงเกือบร้อยปี รูปร่างผิดมนุษย์เกินไปแล้ว
ทั้งสามวิ่งวนรอบตัวผม เต้นหย็อยๆ บิดเอว แอ่นหน้าแอ่นหลังไปมา ส่งเสียงแฮ่ๆ ขู่แค่นี้ มีหรือผมจะหยุดกล้องในมือ ถ่ายติดได้หลายนาที
พวกผียังไม่ยอมอันตรธานไปตามบท เล่นมาเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ แถมยังไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วยสัญชาตญาณของผม
ผีก็ผีสิ! คว้ากิ่งไผ่มาหักได้ ขนาดกำลังพอเหมาะ
“นี่แน่ะ! เจ้าเด็กผี!”
ผมหวดใส่ก้นเด็กผีไม่ยั้ง เป็นไงเป็นกันสิน่า เด็กผีโดนไปหลายกระเด้ง ร้องโอดโอย นี่ขนาดผมไม่ได้ท่องคาถาอะไรเลยนะ แค่นี้เจ้าพวกเด็กผีถึงกับร้องลั่น ครางฮือๆ รีบเอามือถอดหัวออก
ปรากฏว่า หัวผีมีขายตามงานวัดเนี่ยนะ!