
ถามว่าผมเกริ่นหัวเรื่องโอเวอร์เกินไปมั๊ย ผมว่าไม่นะ เพราะตั้งแต่มีสถานการณ์โควิดเข้ามาทำให้ทุกอย่างถูกดองไว้หมด หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นหนังที่จะกลับมาดึงคนเข้าสู่โรงหนังมากขึ้นกว่าเดิม (แต่ตอนนี้อาจจะไม่ เพราะรอบสองกำลังมา) ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าไม่มีใครยอมพลาดการดูในโรงหนังแน่นอน แถมบางคนยังรอดูเวอร์ชั่น IMAX 3D ด้วยซ้ำ

เรื่องราวก็ต่อเนื่องมาจากภาคแรก คือหลังจากในภาคแรก ไดอาน่า ใช้ชีวิตปกป้องผู้คนมาตลอดจนล่วงมาถึงปี 1984 ที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อมีการค้นพบพลอยซิทริน ซึ่งเป็นของโบราณที่ถูกสร้างขึ้นจากเทพแห่งความชั่วร้ายเพื่อให้มนุษย์ผู้ที่ความปราถนาได้ขอพรและแลกด้วยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งพลอยนี้ได้ก่อให้เกิดเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะการตกไปอยู่ในมือของ บาร์บาร่า ซึ่งต่อมาคือ Cheetah คู่ปรับตัวฉกาจของ WW และ แม็กซ์ ลอร์ด ผู้มีแต่ความโลภ ทำให้ Wonder Woman ต้องปกป้องโลกครั้งใหญ่อีกครั้ง

ส่วนตัวผมชอบบางอย่างและไม่ชอบบางอย่างของหนัง สิ่งที่ดีมันก็เยอะแต่สิ่งที่ไม่ค่อยถูกใจผมก็มีพอสมควร อย่างแรกเลยต้องบอกว่า ฉากเปิดที่เป็นการแข่งขันกันของชาว Amazon นี่เป็นฉากไฮไลท์ของเรื่องที่ดีงามมากๆ เผลอๆ จะเป็นฉากที่ดีที่สุดในเรื่องแล้วก็ได้ เพราะความยิ่งใหญ่อลังการทำได้น่าทึ่งสุดๆ โดยฉากนี้จะเป็นฉากเปิดที่เล่าที่มาที่ไปของแกนหลักของภาคนี้ได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของฉากดูแล้วว๊าวมากๆ

ตัดกลับมาที่ปัจจุบันของเรื่องในปี 1984 หนังพลาดไปจุดใหญ่ตรงที่ไม่ได้พยายามเอาความเป็นยุค 80 มาเล่นเลยซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวผมเองค่อนข้างจะขัดใจอยู่เล็กๆ เพราะถ้าเอาจุดเด่นๆ ของยุคมาเล่น อาจจะเล่นอะไรได้มากกว่าแค่ฉากการเลือกชุดของ สตีฟ เทรเวอร์ แค่นั้น จุดนี้อาจจะเป็นจุดเล็กๆ แต่ผมก็เสียดายนะ

ตัวหนังค่อนข้างใส่ความเป็น feminine เข้าไปเยอะ เยอะจนหลายคนอาจจะเลี่ยนไปเลยก็ได้ อาจจะด้วยหนังกำกับโดย แพท เจนกิ้นส์ ซึ่งมีความเป็นผู้หญิงสูงมาก หนังแฝงเรื่องราวการ บูลลี่ กดขี่ผู้หญิงเอาไว้จนล้น ไม่ใช่ไม่ดี แต่กับหนัง superhero อาจจะไม่ได้ต้องใส่มาขนาดนี้ก็ได้ เพราะผมดูไปถึงช่วงกลางๆ เรื่อง หนังมีกลิ่นของ feminine เยอะมากจนเห็นได้ชัด แม้แต่ฉากต่อสู้และฉากไคลแม็กซ์สุดท้าย ยังดูสวยงามไปซะหมด

ในส่วนดีของบทหนังก็มีเยอะมาก ส่วนตัวผมชอบเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น ไท่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของ แม็กซ์ ลอร์ด ที่มาที่ไปของ Cheetah และที่ผมชอบที่สุดคือ ที่มาที่ไปของการกลับมาของ สตีฟ เทรเวอร์ ที่ตอนแรกก็ยังหวั่นๆ อยู่ ว่าหนังจะยัดเยียดการกลับมาของตัวละครนี้ยังไง แต่หนังกลับทำได้ดีแบบไม่ได้ยัดเยียดให้คนดูต้องยอมรับ แต่มันก็มีเหตุและผลของมัน ซึ่งไปดูเองแล้วจะรู้ว่าคืออะไร
ฉากแอ็คชั่น ยังคงความดีงามไว้เหมือนหนัง DC ตามมตารฐาน แต่ลดความดาร์คและฮาร์ดคอร์ลง เป็นฉากสนุกๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของ Superhero หญิงคนนี้ แต่ก็น่าเสียดายอยู่เรื่องนึงคือ ชุดเกราะทองที่น่าจะเป็นไฮไลท์ที่สุดของเรื่องดูง่อยไปนิด ไม่ได้เด่นเท่าที่น่าจะเป็น แต่ส่วนอื่นเรียกว่าโอเคเลยล่ะ

ตัวนักแสดงและบทบาทที่ได้รับ ก็ถือว่าดี ผมไม่พูดถึง Gal Gadot และ Chris Pine แล้วละกัน แต่กับ Pedro Pascal ในบทของ แม็กซ์ ลอร์ด ตัวละครนี้เป็นตัวชูโรงของเรื่องที่ทำให้หนังมีมิติเอามากๆ หนังจะขาดสีสันไปเลยเมื่อไม่มีตัวละครนี้ ส่วนบทของ ดร.บาร์บาร่า หรือ Cheetah ซึ่งรับบทโดย Kristen Wiig สำหรับการแสดงถือว่าเยี่ยม แต่กับบทของตัวละครนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและความสมเหตุสมผลในการก่อให้เกิดเหตุการณ์ในเรื่อง ยังเบาไปนิดนึง

สุดท้ายสำหรับผมหนังยังถือว่าเป็นหนังไฮไลท์ที่ดีในช่วงที่คนชอบดูหนังคาดหวังอยู่ เพราะถามว่าหนังฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ โดนอุปสรรคนานัปการ แต่ทำได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมถือว่าทุกอย่างมันลงตัว ถึงแม้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้หนังมันราบเรียบเกินไป ก็ถือได้ว่าไม่ได้ทำให้ผิดหวัง
ถ้าชอบบทความ สามารถตามไปพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Wonder Woman 1984 - หนังแอ็คชั่น Superhero แห่งความคาดหวังของมวลมนุษย์ชาติในช่วงเวลาวิกฤต
ถามว่าผมเกริ่นหัวเรื่องโอเวอร์เกินไปมั๊ย ผมว่าไม่นะ เพราะตั้งแต่มีสถานการณ์โควิดเข้ามาทำให้ทุกอย่างถูกดองไว้หมด หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นหนังที่จะกลับมาดึงคนเข้าสู่โรงหนังมากขึ้นกว่าเดิม (แต่ตอนนี้อาจจะไม่ เพราะรอบสองกำลังมา) ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าไม่มีใครยอมพลาดการดูในโรงหนังแน่นอน แถมบางคนยังรอดูเวอร์ชั่น IMAX 3D ด้วยซ้ำ
เรื่องราวก็ต่อเนื่องมาจากภาคแรก คือหลังจากในภาคแรก ไดอาน่า ใช้ชีวิตปกป้องผู้คนมาตลอดจนล่วงมาถึงปี 1984 ที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อมีการค้นพบพลอยซิทริน ซึ่งเป็นของโบราณที่ถูกสร้างขึ้นจากเทพแห่งความชั่วร้ายเพื่อให้มนุษย์ผู้ที่ความปราถนาได้ขอพรและแลกด้วยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งพลอยนี้ได้ก่อให้เกิดเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะการตกไปอยู่ในมือของ บาร์บาร่า ซึ่งต่อมาคือ Cheetah คู่ปรับตัวฉกาจของ WW และ แม็กซ์ ลอร์ด ผู้มีแต่ความโลภ ทำให้ Wonder Woman ต้องปกป้องโลกครั้งใหญ่อีกครั้ง
ส่วนตัวผมชอบบางอย่างและไม่ชอบบางอย่างของหนัง สิ่งที่ดีมันก็เยอะแต่สิ่งที่ไม่ค่อยถูกใจผมก็มีพอสมควร อย่างแรกเลยต้องบอกว่า ฉากเปิดที่เป็นการแข่งขันกันของชาว Amazon นี่เป็นฉากไฮไลท์ของเรื่องที่ดีงามมากๆ เผลอๆ จะเป็นฉากที่ดีที่สุดในเรื่องแล้วก็ได้ เพราะความยิ่งใหญ่อลังการทำได้น่าทึ่งสุดๆ โดยฉากนี้จะเป็นฉากเปิดที่เล่าที่มาที่ไปของแกนหลักของภาคนี้ได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของฉากดูแล้วว๊าวมากๆ
ตัดกลับมาที่ปัจจุบันของเรื่องในปี 1984 หนังพลาดไปจุดใหญ่ตรงที่ไม่ได้พยายามเอาความเป็นยุค 80 มาเล่นเลยซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวผมเองค่อนข้างจะขัดใจอยู่เล็กๆ เพราะถ้าเอาจุดเด่นๆ ของยุคมาเล่น อาจจะเล่นอะไรได้มากกว่าแค่ฉากการเลือกชุดของ สตีฟ เทรเวอร์ แค่นั้น จุดนี้อาจจะเป็นจุดเล็กๆ แต่ผมก็เสียดายนะ
ตัวหนังค่อนข้างใส่ความเป็น feminine เข้าไปเยอะ เยอะจนหลายคนอาจจะเลี่ยนไปเลยก็ได้ อาจจะด้วยหนังกำกับโดย แพท เจนกิ้นส์ ซึ่งมีความเป็นผู้หญิงสูงมาก หนังแฝงเรื่องราวการ บูลลี่ กดขี่ผู้หญิงเอาไว้จนล้น ไม่ใช่ไม่ดี แต่กับหนัง superhero อาจจะไม่ได้ต้องใส่มาขนาดนี้ก็ได้ เพราะผมดูไปถึงช่วงกลางๆ เรื่อง หนังมีกลิ่นของ feminine เยอะมากจนเห็นได้ชัด แม้แต่ฉากต่อสู้และฉากไคลแม็กซ์สุดท้าย ยังดูสวยงามไปซะหมด
ในส่วนดีของบทหนังก็มีเยอะมาก ส่วนตัวผมชอบเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น ไท่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของ แม็กซ์ ลอร์ด ที่มาที่ไปของ Cheetah และที่ผมชอบที่สุดคือ ที่มาที่ไปของการกลับมาของ สตีฟ เทรเวอร์ ที่ตอนแรกก็ยังหวั่นๆ อยู่ ว่าหนังจะยัดเยียดการกลับมาของตัวละครนี้ยังไง แต่หนังกลับทำได้ดีแบบไม่ได้ยัดเยียดให้คนดูต้องยอมรับ แต่มันก็มีเหตุและผลของมัน ซึ่งไปดูเองแล้วจะรู้ว่าคืออะไร
ฉากแอ็คชั่น ยังคงความดีงามไว้เหมือนหนัง DC ตามมตารฐาน แต่ลดความดาร์คและฮาร์ดคอร์ลง เป็นฉากสนุกๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามของ Superhero หญิงคนนี้ แต่ก็น่าเสียดายอยู่เรื่องนึงคือ ชุดเกราะทองที่น่าจะเป็นไฮไลท์ที่สุดของเรื่องดูง่อยไปนิด ไม่ได้เด่นเท่าที่น่าจะเป็น แต่ส่วนอื่นเรียกว่าโอเคเลยล่ะ
ตัวนักแสดงและบทบาทที่ได้รับ ก็ถือว่าดี ผมไม่พูดถึง Gal Gadot และ Chris Pine แล้วละกัน แต่กับ Pedro Pascal ในบทของ แม็กซ์ ลอร์ด ตัวละครนี้เป็นตัวชูโรงของเรื่องที่ทำให้หนังมีมิติเอามากๆ หนังจะขาดสีสันไปเลยเมื่อไม่มีตัวละครนี้ ส่วนบทของ ดร.บาร์บาร่า หรือ Cheetah ซึ่งรับบทโดย Kristen Wiig สำหรับการแสดงถือว่าเยี่ยม แต่กับบทของตัวละครนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและความสมเหตุสมผลในการก่อให้เกิดเหตุการณ์ในเรื่อง ยังเบาไปนิดนึง
สุดท้ายสำหรับผมหนังยังถือว่าเป็นหนังไฮไลท์ที่ดีในช่วงที่คนชอบดูหนังคาดหวังอยู่ เพราะถามว่าหนังฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ โดนอุปสรรคนานัปการ แต่ทำได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมถือว่าทุกอย่างมันลงตัว ถึงแม้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้หนังมันราบเรียบเกินไป ก็ถือได้ว่าไม่ได้ทำให้ผิดหวัง
ถ้าชอบบทความ สามารถตามไปพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้