
'ชูวิทย์'ชำแหละความแตกต่างระหว่าง 'ค่านายหน้า' กับ 'ค่าสินบน'
วันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 15.23 น.
วันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ความแตกต่างระหว่าง "ค่านายหน้า" กับ "ค่าสินบน" ระบุว่า...🔻
หลักการง่ายๆ ในเรื่อง "ค่านายหน้า" สำหรับพ่อค้าที่สุจริตใจทั่วไป คือ ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในทางบัญชีของบริษัท และต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ว่าจะเรียกค่านายหน้า หรือค่าดำเนินการ ก็ต้องหักภาษี เพราะในทางบัญชีต้องบันทึกไว้เป็น "ต้นทุน" ของบริษัท
ยกเว้นจ่ายเป็น ค่า "ใต้โต๊ะ"
ค่า "น้ำร้อนน้ำชา"
ค่า "ส่วย"
ค่า "เบี้ยบ้ายรายทาง"
ค่า "อำนวยความสะดวก"
แล้วแต่จะเรียก
หรือจะเรียกอย่างเป็นทางการว่า ค่า "เงินสินบน"
แบบนี้ไม่มีพ่อค้า หรือนักบัญชีหน้าไหนกล้าบันทึกไว้เป็นค่าใช้จ่ายบริษัทครับ ยิ่งเป็นบริษัทต่างประเทศยิ่งกลัวมากเรื่องพวกนี้ แต่ที่ไทยเราชิลล์ๆ เพราะหากไม่จ่าย เรื่องไม่เดิน จึงบันทึกเป็นอย่างอื่น เช่น ค่ารับรอง หรือเอาเงินส่วนตัวจ่ายไปแทน
ดังนั้นจึงต้องดูว่า การที่คุณสกุลธรอ้างว่า ที่จ่ายไป 20 ล้าน เป็นค่าดำเนินการเพื่อจะได้มาซึ่งสิทธิในการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ แปลงงามติดถนนชิดลมนั้น
ในขณะที่จ่ายเงินก้อนนี้ออกไปได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้หรือไม่? และมีการนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรในเดือนนั้นๆ หรือไม่?
แถมจะจ่ายย้อนหลังก็ไม่ได้ เพราะหากไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรไว้เสียตั้งแต่ตอนนั้น ก็มีแนวโน้มเสียวไส้แทนว่าจะเรียกเป็น "เงินสินบน"
แต่ก่อนผมทำธุรกิจสีเทา ถนัดนักล่ะครับเรื่องพรรค์นี้
ส่วนคนที่ครอบครัวเข้าสู่วงจรการเมืองต้องระวังตัว พลาดแล้วคดีตามมาเป็นลูกระนาด
https://www.naewna.com/local/539704

'ทิพานัน' ฉะตรงเป้า!ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า 'ธนาธร' สองมาตรฐาน ไม่ได้เท่าเทียมและโปร่งใสตามที่เขาหลอกลวง
19 ธ.ค.63 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ได้เคยขอความโปร่งใสให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจในฐานะผู้ถือหุ้นและเจ้าของบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขณะนั้น ตอบคำถามกับสังคมกรณีที่น้องชายคือนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ พัวพันมีเอี่ยวการติดสินบน 500 ล้านบาท และได้จ่ายไปแล้วบางส่วนจำนวน 20 ล้านบาทเพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัท เรียลแอสเสทฯ ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวโดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกตินั้น เวลาล่วงเลยมา 12 วันแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบที่เป็นความจริงในฐานะผู้ถือหุ้นและเจ้าของบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใดเลย นอกจากนี้ยังมีคดีที่มารดาของนายธนาธรถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวร ก็ยังไม่เห็นมีการชี้แจงใดๆ เช่นกัน
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า หลังคำแถลงของนายสกุลธร น้องชายของนายธนาธร เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น สังคมยังมีคำวิจารณ์กันต่อว่า ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ขัดกับแถลงการณ์ของโฆษกอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ให้ข้อมูลว่า “ในส่วนของนายสกุลธร ผู้ให้เงินแก่ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 โดยมีเจตนาให้นำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำความผิดต่อหน้าที่จึงเข้าลักษณะเป็นการใช้ให้ผู้ต้องหาที่ 2 ไปกระทำความผิด นายสกุลธรจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย” ซึ่งอธิบายตามหลักกฎหมายได้ว่า ผู้เสียหายโดยนิตินัย หมายถึง ผู้ที่ไม่มีส่วนในการกระทำผิด หรือ ไม่เป็นผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน หรือ รู้เห็นในการกระทำผิด หรือ ไม่เป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายนั้นด้วย ดังนั้นจึงเป็นเหตุทำให้นายสกุลธรไม่สามารถฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่มาหลอกลวงได้ เพราะการจะฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้รับเงิน ผู้ฟ้องจะต้องไม่มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดนั้นด้วย หรือตามสุภาษิตกฎหมายที่ว่า เมื่อมาศาลด้วยมืออันสกปรก ศาลย่อมไม่รับบังคับบัญชาให้
“คำแถลงของนายสกุลธร สำหรับเงินจำนวน 20 ล้านบาทที่อ้างว่าเป็นเงินค่านายหน้านั้นก็มีพิรุธ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 845 ว่าด้วยเรื่องการจ่ายค่าบำเหน็จแก่นายหน้าบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “บุคคลผู้ใดตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้าเพื่อที่ชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาก็ดี จัดการให้ได้ทำสัญญากันก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จก็ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น” ดังนั้นเมื่อนายสกุลธรยังไม่ได้เข้าทำสัญญากับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นายหน้าจึงยังไม่มีสิทธิได้รับเงิน อีกทั้งในการประมูลสิทธิในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเปิดเผย ให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาประมูลได้ จึงไม่น่าจะต้องมีนายหน้าแต่อย่างใด” น.ส. ทิพานัน กล่าว
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนสอบสวนคดีและคำพิพากษาจึงน่าเชื่อถือมากกว่าคำแถลงของนายสกุลธรที่กล่าวลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อข้อสงสัยของสังคม และสุดท้ายหากนายธนาธร ที่เป็นต้นแบบให้กลุ่มเยาวชน ไม่สามารถตรวจสอบ ชี้แจง ตอบคำถาม หรือปฏิรูปเรื่องใดๆ ของครอบครัวตนเองได้ ย่อมอาจกลายเป็นผู้หากินกับอุดมการณ์ของประชาชน ดังนั้น ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า นายธนาธรสองมาตรฐาน ไม่ได้เท่าเทียมและโปร่งใสตามที่เขาหลอกลวง
https://www.thaipost.net/main/detail/87324
เวลาพี่ชายของคนเป็นข่าวนี้เขาแก้ต่างอะไร มักฟังไม่ขึ้นทุกทีนะคะ
ทำไมช่างเหมือนกันเสียเหลือเกินค่ะ
แถมยังไม่มีการพูดถึงคดีนี้แต่อย่างไร อ้างความเท่าเทียมโปร่งใส ตรวจสอบได้
สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าว
คำพูดเขาจึงไม่น่าเชื่อถือเลยค่ะ
เรื่องง่ายๆคำว่า "ค่านายหน้า" กับ "ค่าสินบน" ยังแยกไม่ออก !!!
🌌ทราบไหมคะ... "ค่านายหน้า" กับ "ค่าสินบน" แตกต่างกันอย่างไร นักธุรกิจใหญ่น่าจะทราบดี
วันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 15.23 น.
วันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ความแตกต่างระหว่าง "ค่านายหน้า" กับ "ค่าสินบน" ระบุว่า...🔻
หลักการง่ายๆ ในเรื่อง "ค่านายหน้า" สำหรับพ่อค้าที่สุจริตใจทั่วไป คือ ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในทางบัญชีของบริษัท และต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ว่าจะเรียกค่านายหน้า หรือค่าดำเนินการ ก็ต้องหักภาษี เพราะในทางบัญชีต้องบันทึกไว้เป็น "ต้นทุน" ของบริษัท
ยกเว้นจ่ายเป็น ค่า "ใต้โต๊ะ"
ค่า "น้ำร้อนน้ำชา"
ค่า "ส่วย"
ค่า "เบี้ยบ้ายรายทาง"
ค่า "อำนวยความสะดวก"
แล้วแต่จะเรียก
หรือจะเรียกอย่างเป็นทางการว่า ค่า "เงินสินบน"
แบบนี้ไม่มีพ่อค้า หรือนักบัญชีหน้าไหนกล้าบันทึกไว้เป็นค่าใช้จ่ายบริษัทครับ ยิ่งเป็นบริษัทต่างประเทศยิ่งกลัวมากเรื่องพวกนี้ แต่ที่ไทยเราชิลล์ๆ เพราะหากไม่จ่าย เรื่องไม่เดิน จึงบันทึกเป็นอย่างอื่น เช่น ค่ารับรอง หรือเอาเงินส่วนตัวจ่ายไปแทน
ดังนั้นจึงต้องดูว่า การที่คุณสกุลธรอ้างว่า ที่จ่ายไป 20 ล้าน เป็นค่าดำเนินการเพื่อจะได้มาซึ่งสิทธิในการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ แปลงงามติดถนนชิดลมนั้น
ในขณะที่จ่ายเงินก้อนนี้ออกไปได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้หรือไม่? และมีการนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรในเดือนนั้นๆ หรือไม่?
แถมจะจ่ายย้อนหลังก็ไม่ได้ เพราะหากไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำเงินที่หักส่งกรมสรรพากรไว้เสียตั้งแต่ตอนนั้น ก็มีแนวโน้มเสียวไส้แทนว่าจะเรียกเป็น "เงินสินบน"
แต่ก่อนผมทำธุรกิจสีเทา ถนัดนักล่ะครับเรื่องพรรค์นี้
ส่วนคนที่ครอบครัวเข้าสู่วงจรการเมืองต้องระวังตัว พลาดแล้วคดีตามมาเป็นลูกระนาด
https://www.naewna.com/local/539704
19 ธ.ค.63 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ได้เคยขอความโปร่งใสให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจในฐานะผู้ถือหุ้นและเจ้าของบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขณะนั้น ตอบคำถามกับสังคมกรณีที่น้องชายคือนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ พัวพันมีเอี่ยวการติดสินบน 500 ล้านบาท และได้จ่ายไปแล้วบางส่วนจำนวน 20 ล้านบาทเพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัท เรียลแอสเสทฯ ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาวโดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกตินั้น เวลาล่วงเลยมา 12 วันแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบที่เป็นความจริงในฐานะผู้ถือหุ้นและเจ้าของบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใดเลย นอกจากนี้ยังมีคดีที่มารดาของนายธนาธรถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าไม้ถาวร ก็ยังไม่เห็นมีการชี้แจงใดๆ เช่นกัน
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า หลังคำแถลงของนายสกุลธร น้องชายของนายธนาธร เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น สังคมยังมีคำวิจารณ์กันต่อว่า ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ขัดกับแถลงการณ์ของโฆษกอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ให้ข้อมูลว่า “ในส่วนของนายสกุลธร ผู้ให้เงินแก่ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 โดยมีเจตนาให้นำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำความผิดต่อหน้าที่จึงเข้าลักษณะเป็นการใช้ให้ผู้ต้องหาที่ 2 ไปกระทำความผิด นายสกุลธรจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย” ซึ่งอธิบายตามหลักกฎหมายได้ว่า ผู้เสียหายโดยนิตินัย หมายถึง ผู้ที่ไม่มีส่วนในการกระทำผิด หรือ ไม่เป็นผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน หรือ รู้เห็นในการกระทำผิด หรือ ไม่เป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายนั้นด้วย ดังนั้นจึงเป็นเหตุทำให้นายสกุลธรไม่สามารถฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่มาหลอกลวงได้ เพราะการจะฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้รับเงิน ผู้ฟ้องจะต้องไม่มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดนั้นด้วย หรือตามสุภาษิตกฎหมายที่ว่า เมื่อมาศาลด้วยมืออันสกปรก ศาลย่อมไม่รับบังคับบัญชาให้
“คำแถลงของนายสกุลธร สำหรับเงินจำนวน 20 ล้านบาทที่อ้างว่าเป็นเงินค่านายหน้านั้นก็มีพิรุธ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 845 ว่าด้วยเรื่องการจ่ายค่าบำเหน็จแก่นายหน้าบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “บุคคลผู้ใดตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้าเพื่อที่ชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาก็ดี จัดการให้ได้ทำสัญญากันก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จก็ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น” ดังนั้นเมื่อนายสกุลธรยังไม่ได้เข้าทำสัญญากับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นายหน้าจึงยังไม่มีสิทธิได้รับเงิน อีกทั้งในการประมูลสิทธิในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเปิดเผย ให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาประมูลได้ จึงไม่น่าจะต้องมีนายหน้าแต่อย่างใด” น.ส. ทิพานัน กล่าว
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนสอบสวนคดีและคำพิพากษาจึงน่าเชื่อถือมากกว่าคำแถลงของนายสกุลธรที่กล่าวลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อข้อสงสัยของสังคม และสุดท้ายหากนายธนาธร ที่เป็นต้นแบบให้กลุ่มเยาวชน ไม่สามารถตรวจสอบ ชี้แจง ตอบคำถาม หรือปฏิรูปเรื่องใดๆ ของครอบครัวตนเองได้ ย่อมอาจกลายเป็นผู้หากินกับอุดมการณ์ของประชาชน ดังนั้น ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า นายธนาธรสองมาตรฐาน ไม่ได้เท่าเทียมและโปร่งใสตามที่เขาหลอกลวง
https://www.thaipost.net/main/detail/87324
เวลาพี่ชายของคนเป็นข่าวนี้เขาแก้ต่างอะไร มักฟังไม่ขึ้นทุกทีนะคะ
ทำไมช่างเหมือนกันเสียเหลือเกินค่ะ
แถมยังไม่มีการพูดถึงคดีนี้แต่อย่างไร อ้างความเท่าเทียมโปร่งใส ตรวจสอบได้
สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าว
คำพูดเขาจึงไม่น่าเชื่อถือเลยค่ะ
เรื่องง่ายๆคำว่า "ค่านายหน้า" กับ "ค่าสินบน" ยังแยกไม่ออก !!!