แบบนี้ใช่นิมิตหรือไม่ครับ

เมื่อประมาณเดือนที่ผ่าน หลังจากผ่านพ้นจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตถึงขนาดคิดจะจบชีวิตเพื่อจบปัญหา(ขอไม่พูดถึงปัญหานะครับ) แต่ก็ยังพอมีบุญให้เกิดปัญญาให้คิดได้ ก็เลยได้ตั้งปณิธาณต่อพระรัตนตรัยว่าจะตั้งใจพยายามถือศีล5 ให้ครบบริบูรณ์ให้ได้มากที่สุด ก็ปฏิบัติควบคู่กับสวดมนต์นั่งสมาธิเรื่อยมา จนเมื่อ2-3วันที่ผ่านมา เกิดนอนไม่หลับ(นอนช่วงบ่ายๆตื่น4ทุ่ม เพราะทำงานกลางคืน) เกิดนอนไม่หลับก็เลยจับลมหายใจเข้าออกไปด้วย สักพักใหญ่ๆ จากที่ตามดูลม เกิดเห็นจิตเป็นลูกกลมๆแทน และจากที่ใช้สายตามองดูเพื่อกำกับลมเข้าออก กลับใช้จิตอีกดวงนึงมองดูแทน และสักพักก็มีเสียงบอกว่ามาถูกทางแล้ว พอได้ยินว่ามาถูกทางแล้ว เหมือนตัวเองเด้งออกมาจากร่างที่นอนอยู่ หันไปมองก็เห็นตัวเองนอนอยู่จริงๆ พอตั้งสติได้มีภาพเริ่มจากลางๆจนมองชัดแจ่มแจ้งลอยอยู่ในอากาศ ขณะนั้นก็หันไปดูร่างตัวเองที่กำลังนอนอยู่ ก็ยังเห็นอยู่ แต่ภาพนิมิตที่เห็นก็ลอยอยู่ในอากาศภายในบริเวณห้องนอน ทีแรกก็นึกว่าฝันไป แต่มาคิดได้ว่าที่เคยฝันทุกๆเรื่อง ไม่สามารถบังคับจิตในความฝันให้ทำตามที่ต้องการได้ แต่ขณะนั้น นึกคิดเองได้ สั่งจิตได้ จำทุกสิ่งที่พบเห็นได้ ก็เลยมั่นใจว่าเป็นนิมิตแน่ๆ จิตแรกขณะนั้นคิดไปถึงพระพุทธเจ้า ก็เกิดภาพค่อยๆก่อขึ้นจากใบโพธิ์สีทองค่อยๆเป็นกิ่งก้านสาขาสีทองอร่ามใหญ่โตสุดประมาณได้และค่อยๆได้เห็นเป็นคล้ายๆพระพุทธรูปทองคำนั่งประทับโพธิบัลลังค์ แสงสว่างที่เห็นนั้นมาจากองค์พระพุทธรูปนั้นจนสว่างไปทั้งแดน แดนที่เห็นในภาพนั้นต้นโพธิ์ขยายไปสุดจากต้นถึงปลาย เป็นต้นโพธิ์ที่เหมือนแกะสลักจากทองคำและวิจิตรงดงามหาที่เปรียบมิได้ แต่ในมิตผมได้เห็นแค่นั้นไม่สามารถเข้าไปกราบพระพุทธรูปองค์นั้นได้ พอความปิติจากการได้เห็นพระพุทธรูปนั้นหายไป จิตก็นึกคิดไปถึงพ่อแม่(ยังมีชีวิตอยู่)ก็บังเกิดเห็นเป็นบ้านใสๆเหมือนแก้วขึ้นมาและจิตก็บอกว่าเป็นวิมานของพ่อ หลังจากนั้นเพียงแค่จิตนึกคิด ภาพต่างๆก็มาปรากฎต่อหน้า ไม่ใช่เป็นการเหาะเหินหรือเดินทางไปสถานที่นั้น แต่สถานที่นั้นๆค่อยๆมาปรากฎต่อหน้าเองเลย สุดท้ายมาคิดได้ว่า เอ๊ะ ถ้านี่เป็นนิมิต เราเพลินนานเกินไปแล้ว ในความรู้สึกตอนนั้น ก็เลยรวบรวมสมาธิดึงจิตไปดูลม แต่จิตกลับแยกเป็นส่วนที่ดูลมก็ดูลมไปแต่จิตที่หลงอยูทกับนิมิตดันไม่ยอมหลุดจากนิมิต ในตอนนั้นรู้สึกว่าแย่แน่แล้ว หลงนิมิตนานเกินไปแน่ๆ แต่จิตไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวหรือความร้อนรนใดๆทั้งสิ้น ความรู้สึกเป็นธรรมดามากๆ สติก็เกิดการรฤกษ์ได้ถึงว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ขออาราธนาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ช่วยดึงจิตของลูกให้หลุดพ้นจากนิมิตนี้ที ภาวนาไปได้3จบ นิมิตหาย จิตกลับมาที่ร่างที่นอนอยู่ แต่เหมือนร่างกายขยับไม่ได้ ไม่มีแรงเลย พอสติอยู่ในกายเนื้อเท่านั้นละครับ ทั้งความกลัวความร้อนรนก็บังเกิดทันที รีบพยุงตัวตื่น แต่มันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เหมือนบังคับร่างกายไม่ค่อยได้ ตาก็เหมือนจะลืมไม่ขึ้น ชั่วโมงนั้นคิดได้อย่างเดียวว่า ต้องทำให้ร่างกายรับรู้รูป รส กลิ่น เสียง ให้ได้ ก็เลยกินไวไวควิกต้มโคล้ง แต่ร่างกายมันไม่รู้รสชาดเผ็ดหรือความร้อนของน้ำได้เลย ใช้เครื่องนวดเท้าก็เริ่มรู้สึกถึงมีการสัมผัส แต่เหมือนสติยังเลือนลาง แกะส้มกิน สัมลูกเดียวแกะนานมาก พอกินเริ่มมีความรู้รสของส้ม แต่ก็ยังเลือนลาง ทีนี้มันเหมือนมีจิตรู้มาสั่งให้ดูลม และอาราธนาพระรัตนตรัยเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ ทีนี้ได้ผลครับ สติค่อยๆกลับมา สักพักคิดว่าพอมีกำลังจิตแล้ว ครั้งสุดท้ายรวบรวมกำลังดึงจิตกลับมาจากภวังค์ได้ทันที มาคิดเผรียบเทียบเมื่อสักครู่ที่เหมือนอยู่ในภวังค์กับปัจจุบัน มันเหมือนคนละคนกันแบบสุดกู่เลยครับ

****เข้าคำถามนะครับ ที่ผมพรรณามายืดยาวนี้ เป็นนิมิตที่เกิดจากการปฏิบัติที่ถูกทางแต่ยังหลงนิมิต หรือเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาปลอมให้เข้าใจว่ามาถูกทางแล้วครับ
ป.ล. ที่ผ่านมาไม่เคยถึงขั้นเห็นแบบนี้ เต็มที่แค่มีอาการโยกบ้าง ขนลุกบ้าง มีปิติบ้าง และพอมาดูเวลา สรุปจากเริ่มนอนภาวนาถึงลุกขึ้นมา กินเวลาเกือบ 5 ชั่วโมง

****สุดท้ายนี้ขอความอนุเคราะห์จากสหธรรมมิกช่วยชี้มีว่า มาถูกทางแล้วหรือโดนจิตปรุงแต่งขึ้นมาเอง****

ขอขอบพระคุณทุกๆความเห็นที่เมตตาช่วยชี้แนะ ทุกความเห็นผมจะน้อมรับทุกประการครับ

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่