เพิ่งซีเรียสกับที่เรียนต่อ ม.ต้นของลูก และ สาขาที่ต้องเลือกให้ละเอียดขี้น ตอน ม.ปลาย และ สาขาที่ แปลกๆขึ้นระหว่างช่วงอายุเรากับลูก (28 ปี) พัฒนาการศึกษาเรา พัฒนาแต่เปลือกนอก มีแต่ธุกิจการศึกษาที่ด้อยคุณภาพ
การที่เราจะลงทุนด้วย สรรพกำลัง มันสมอง เวลา และ เงิน เราตัดสินใจด้วยอะไรครับ
1. ความต้องการของตลาด(นายจ้าง)
ที่จริงแล้วเราเลือกแนวทางอาชีพ ก่อนสำเร็จวิชาชีพนั้นล่วงหน้า ไม่ใช่ 4 ปี แต่น่าจะเป็น ม.ปลาย+อุดมศึกษา = 7 ปี ถ้าเลือกเกี่ยวกับเทคโนโลยีก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เร็วกว่า 7 ปี เช่น ยุกของ computer>>sofware>> informetion technology>>etc.
2. การควบคุมคุณประสิทธิภายของผู้เรียน
การที่จะกำหนดเป้าหมายข้อ 1 ให้ชัดเจนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้เรียนด้วยว่าอยู่ในกลุ่มหัวแถวที่เป็นที่ต้องการของผู้จ้างไหม ถ้าทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่ผู้จ้างต้องการเลือกได้ สุดท้ายสาขาที่สำเร็จมาก็ไม่ค่อยมีความน่าสนใจ ต้องทำงานที่ไม่ตรงสาย
3. สภาพแวดล้อม
สถานศึกษาอยู่ห่างไกล, โอกาสในการเข้าถึงอาชีพต่างๆ(เพื่อตัดสินใจเลือกสาขา), การแนะแนว (คาบว่างงง สำหรับทำการบ้าน) ที่ล้มเหลว, สภาพการเงินของครอบครัว บางครั้งการตัดสินใจที่เตรียมไว้ทั้งหมด ต้องเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม
4. ขอนี้ผมตั้งใจนำมาปิดท้าย คือ ความมีหน้า-มีตา หรือ การที่ไม่ให้พ่อ-แม่ ไม่เสียหน้าป้าข้างบ้าน คือต้องมีที่เรียนเหมือนเพื่อน ทันที่ที่จบ ม.6
- ทั้งหมดที่เตรียมมา เมื่อทางเลือกถูกปิด(หรือสอบไม่ติด) การเลือกในส่วนที่ไม่ได้เตรียมไว้ หรือแค่เลือกเผื่อๆไว้ กลับเป็นที่ๆได้เรียน จะเรียนไหม??
- สาขาใหม่, มหาลัยใหม่, วุฒิการศึกษาใหม่, ได้รับการรับรองวิชาชีพหรือไม่? เรียนแล้วทำอะไร? เตรียมตัวไม่ทัน อีกไม่กี่วันต้องจ่ายค่าเทอม หรือจะซิ่ว ให้ป้าข้างบ้านถาม
ถ้าสถานศึกษาไม่พยายามที่จะเอาตัวรอดยัดหลักสูตรที่ไม่มีปลายทางเข้ามาในสถาบันฯของตัวเอง ไม่รีบขายใบสมัคร บอกความจริงให้ตรงไปตรงมากับผู้สมัคร ปัญหาบัณฑิตว่างงาน ปัญหาคุณภาพการศึกษา (ปัญหาป้าข้างบ้าน) คงน้อยกว่านี้
สถาบันฯที่ผมเป็นศิษย์เก่า ตัดสินใจยุบหลักสุตร อสบ.ออก เพราะมี วศ.บ.สาขาเดียวกันซ้ำซ้อน ทำให้บัณฑิตมีข้อเปรียบเทียบ และยังเพิ่มหลักสูตรให้ บัณฑิต อส.บ.เรียนปรับเป็น วศ.บ. อีกด้วย ผมเห็นว่าเป็นตัวอย่างความรับผิดชอบของสถาบันที่ดีที่รับผิดชอบกับเรื่องนี้ ต่างจากสถาบันที่เปิดมานาน แต่ก็หากินกับหลักสูตรใหม่ๆ ที่คล้ายกับหลักสูตรที่เด็กนักเรียนนิยม แต่ไม่รู้ว่าชื่อวุฒิการศึกษาต่างกัน หรือสถาบันที่ยังหาทรัพยากรได้ไม่เพียงพอกับการขออนุญาตหลักสูตรให้ได้การรับรองวิชาชีพแต่ก็เร่งรับนักศึกษาเข้ามาก่อน
กับดัก มหาลัยวิทยาลัย กับ วุฒิปริญญาตรี
การที่เราจะลงทุนด้วย สรรพกำลัง มันสมอง เวลา และ เงิน เราตัดสินใจด้วยอะไรครับ
1. ความต้องการของตลาด(นายจ้าง)
ที่จริงแล้วเราเลือกแนวทางอาชีพ ก่อนสำเร็จวิชาชีพนั้นล่วงหน้า ไม่ใช่ 4 ปี แต่น่าจะเป็น ม.ปลาย+อุดมศึกษา = 7 ปี ถ้าเลือกเกี่ยวกับเทคโนโลยีก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เร็วกว่า 7 ปี เช่น ยุกของ computer>>sofware>> informetion technology>>etc.
2. การควบคุมคุณประสิทธิภายของผู้เรียน
การที่จะกำหนดเป้าหมายข้อ 1 ให้ชัดเจนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้เรียนด้วยว่าอยู่ในกลุ่มหัวแถวที่เป็นที่ต้องการของผู้จ้างไหม ถ้าทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่ผู้จ้างต้องการเลือกได้ สุดท้ายสาขาที่สำเร็จมาก็ไม่ค่อยมีความน่าสนใจ ต้องทำงานที่ไม่ตรงสาย
3. สภาพแวดล้อม
สถานศึกษาอยู่ห่างไกล, โอกาสในการเข้าถึงอาชีพต่างๆ(เพื่อตัดสินใจเลือกสาขา), การแนะแนว (คาบว่างงง สำหรับทำการบ้าน) ที่ล้มเหลว, สภาพการเงินของครอบครัว บางครั้งการตัดสินใจที่เตรียมไว้ทั้งหมด ต้องเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม
4. ขอนี้ผมตั้งใจนำมาปิดท้าย คือ ความมีหน้า-มีตา หรือ การที่ไม่ให้พ่อ-แม่ ไม่เสียหน้าป้าข้างบ้าน คือต้องมีที่เรียนเหมือนเพื่อน ทันที่ที่จบ ม.6
- ทั้งหมดที่เตรียมมา เมื่อทางเลือกถูกปิด(หรือสอบไม่ติด) การเลือกในส่วนที่ไม่ได้เตรียมไว้ หรือแค่เลือกเผื่อๆไว้ กลับเป็นที่ๆได้เรียน จะเรียนไหม??
- สาขาใหม่, มหาลัยใหม่, วุฒิการศึกษาใหม่, ได้รับการรับรองวิชาชีพหรือไม่? เรียนแล้วทำอะไร? เตรียมตัวไม่ทัน อีกไม่กี่วันต้องจ่ายค่าเทอม หรือจะซิ่ว ให้ป้าข้างบ้านถาม
ถ้าสถานศึกษาไม่พยายามที่จะเอาตัวรอดยัดหลักสูตรที่ไม่มีปลายทางเข้ามาในสถาบันฯของตัวเอง ไม่รีบขายใบสมัคร บอกความจริงให้ตรงไปตรงมากับผู้สมัคร ปัญหาบัณฑิตว่างงาน ปัญหาคุณภาพการศึกษา (ปัญหาป้าข้างบ้าน) คงน้อยกว่านี้
สถาบันฯที่ผมเป็นศิษย์เก่า ตัดสินใจยุบหลักสุตร อสบ.ออก เพราะมี วศ.บ.สาขาเดียวกันซ้ำซ้อน ทำให้บัณฑิตมีข้อเปรียบเทียบ และยังเพิ่มหลักสูตรให้ บัณฑิต อส.บ.เรียนปรับเป็น วศ.บ. อีกด้วย ผมเห็นว่าเป็นตัวอย่างความรับผิดชอบของสถาบันที่ดีที่รับผิดชอบกับเรื่องนี้ ต่างจากสถาบันที่เปิดมานาน แต่ก็หากินกับหลักสูตรใหม่ๆ ที่คล้ายกับหลักสูตรที่เด็กนักเรียนนิยม แต่ไม่รู้ว่าชื่อวุฒิการศึกษาต่างกัน หรือสถาบันที่ยังหาทรัพยากรได้ไม่เพียงพอกับการขออนุญาตหลักสูตรให้ได้การรับรองวิชาชีพแต่ก็เร่งรับนักศึกษาเข้ามาก่อน