JJNY : ฟื้นยาก!อสังหาฯปี64/หมอธีระย้ำโควิดไม่กระจอก/นักวิชาการมองลต.อบจ.คนรุ่นใหม่สู้กับเก่า/นักวิชาการมองปมรธน.มีผลอบจ.

ฟื้นยาก !อสังหาฯ ปี64 เคาะราคาลง 20-30% อยู่รอด
https://www.thansettakij.com/content/property/460851


 
ฟีนิกซ์ ชี้อสังหาฯปีหน้าฟื้นยาก เอฟเฟ็กต์ต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่ได้ ฟันธงโรงแรม-พื้นที่ค้าปลีกฟุบต่อ คอนโดฯ หน่วยเหลือขาย โครงการสร้างค้าง ปัญหาใหญ่ ย้ำต้องการขายออก-มีลูกค้าเช่า ต้องพร้อมลดราคา 20-30% พร้อมแนะจับตา ราคาที่ดินส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ยังพุ่งแรง 
 
ทิศทางและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย ปี 2564 ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ แม้มีข่าวดีเรื่องวัคซีนนำร่องฉีดใช้ รอผลลัพท์ในหลายประเทศ แต่คาดการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสให้ครอบคลุมทั่วโลก อาจต้องใช้เวลานานมากกว่า 2 ปี  ปิดประตูธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวไทยต่อนั้น กลายเป็นปัจจัยใหญ่ ที่น่ากังวลสำหรับภาพรวมธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” ในช่วงปีหน้าอย่างน่าจับตามอง ทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่จะเปลี่ยนไป
 
การอยู่รอดและการเกิดขึ้นของรายได้ในทิศทางขาลงต่อเนื่อง สะท้อนจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายใหญ่ที่เริ่มมองหาช่องทางธุรกิจนอกตลาด เช่น บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เข้าถือหุ้นในบริษัทบริหารสินทรัพย์, แกรนด์ แอสเสทฯ รุกธุรกิจผลิตถุงมือยาง และเอ็นซี เฮ้าส์ซิ่ง เปิดตลาดศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ คาดนอกจากต้องการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ แล้ว ยังเป็นไปเพื่อรองรับความเสี่ยง จากวัฏจักรขึ้น-ลงของธุรกิจ และมูลค่าของอสังหาฯ ที่แนวโน้มมีความน่าสนใจน้อยลงด้วย 
 
โดยนายปฎิมา จีระแพทย์ ประธานกรรมการบริษัท ฟีนิกซ์ 1010 โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประเมินว่า ในรูปแบบการลงทุนอสังหาฯ ช่วงปี 2564 นั้น จะเกิดภาพการเปลี่ยนแปลงของพอร์ตสินค้าในแต่ละผู้ประกอบการอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในธุรกิจเดิม หรือการกระโดดก้ามข้ามไปยังธุรกิจนอกตลาด เพราะภาพ รวมอสังหาฯ ไม่หวือหวาเหมือนในอดีต ต้องใช้เวลาราว 3-4 ปี จึงจะกลับมาฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ที่ยังคงรอการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและความมั่นใจของผู้บริโภคจากการเมืองและเศรษฐกิจ หนักสุดนอกจากธุรกิจโรงแรม ที่เกิดปรากฎการณ์แห่ฝากขายทิ้งเป็นจำนวนมากแล้ว
 
ตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม อาจตกอยู่ในภาวะ “ขายเหนื่อย” จากการไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้และต้องใช้กลยุทธ์ ราคาพรีเซล - ราคาย้อนหลัง ไปจนถึงยอมหั่นกำไรเพื่อระบายสต็อกออกต่อ คงมีเพียงกลุ่มโปรดักต์ที่ราคาถูก และอยู่ในทำเลดีเท่านั้น ที่น่าจะยังสามารถขายได้ ส่วนกลุ่มคอนโดฯ ราคาแพงใจกลางเมือง 2.5 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้น ไป และกลุ่มโครงการลีสต์โฮลด์ (สัญญาเช่าระยะยาว) ตลาดมีแนวโน้มซบเซา การซื้อ-ขาย เงียบ จนกว่าต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จะสามารถเข้ามาช่วยดูดซับในระยะหน้า
 
ส่วนตลาดอาคารสำนักงาน (ออฟฟิศบิวดิ้ง) คาดมีแนวโน้มไม่แตกต่างกัน หลังจากหลายบริษัท มีนโยบาย Work From Home ให้ความสำคัญกับพื้นที่ทำงานน้อยลง เพื่อลดค่าใช้จ่าย พบเจ้าของอาคารหลายแห่ง เริ่มได้รับหนังสือบอกเลิกเช่าพื้นที่ ท่ามกลางข้อจำกัด ไม่สามารถลดราคาค่าเช่าให้ได้มากนัก เพราะอาจกระทบเป็นห่วงโซ่ไปยังผู้เช่าราย อื่นๆ จึงจำต้องเปลี่ยนเป็นการงดค่าเช่าตามระยะเวลาที่ตกลงร่วมกัน 
 
“น่าเป็นห่วงมากสุด คือ อาคารสำนักงานเก่า จากซัพพลายใหม่เตรียมเข้ามาในตลาด ราว 2 ล้าน ตร.ม. ที่จะแล้วเสร็จช่วง 3 ปีข้างหน้า ผู้เช่าเล็งย้ายตึก ถูกกว่า ทำเลดีกว่า ความน่าสนใจจึงมีมากกว่า ขณะตึกเปิดใหม่บางทำเล เสี่ยงสูงจากอัตราการเช่าต่ำ”
 
ขณะ นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอน ซัลเทนซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธุรกิจฟินิกซ์ เปิดเผยข้อมูลวิจัยแนวโน้มอสังหาฯ แต่ละเซ็กเตอร์สำคัญ ว่า สำหรับตลาดใหญ่ อย่าง “ที่อยู่อาศัยนั้น” การลดเปิดขายโครงการคอนโดฯใหม่ และเพิ่มสัดส่วนโครงการบ้านจัดสรรให้มากขึ้น ยังจะเป็นมาตรการที่ผู้ประกอบการนำมาใช้ ทำให้จำนวนคอนโดฯ ใหม่ยังชะลอตัว โดยอาจมากกว่าปี 2563 เพียง 10-15% โดยตลาดลงทุนปล่อยเช่า แข่งขันสูงจากโรงแรม หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เข้ามาแย่งกลุ่มลูกค้าที่หาเช่าคอนโดฯ เพราะโครงการเหล่านี้ ต้องหารายได้พยุงธุรกิจเช่นกัน รวมถึงผู้ประกอบการคอนโดฯเอง ก็พร้อมจะลดราคายูนิตเหลือขายแข่งขันเช่นกัน  
 
ส่วนโครงการแนวราบ คาดส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในทำเลรอบนอกกทม. และปริมณฑล โดยทาวน์เฮ้าส์ราคา 2.5-4 ล้านบาท จะได้รับความนิยมสูงจากทั้งผู้ประกอบการ โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการที่เดิมเน้นพอร์ตโรงแรม และยังไม่สามารถกลับมามีรายได้แบบก่อนหน้า จึงต้องพึ่งพาการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร เพื่อพยุงรายได้ปี 2564 ทดแทน ท่ามกลางราคาที่ดิน แนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นแบบชัดเจน โดยเฉพาะทำเลที่เป็นจุดตัด หรือสถานีร่วมของเส้นทางรถไฟฟ้า หรือทำเลสำคัญๆ ทั่วกรุงเทพฯ เช่น ห้าแยกลาดพร้าว ที่ผ่านมา มีการเติบโตของที่ดิน 40% ต่อปี และ รามคำแหง ปรับขึ้น 60% ต่อปี เป็นต้น 
  
อย่างไรก็ตาม เมื่อการพัฒนา ผูกพันกับรายได้ของธุรกิจอสังหาฯ แนะว่าในแง่การลงทุน และการขาย ที่จะได้รับความสนใจในอนาคตนั้น 
1. ผู้พัฒนาต้องหาที่ดินในราคาไม่สูงมาก หรือใช้โมเดลร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน เพื่อลดต้นทุน 
2. โครงการสร้างค้าง จำเป็นต้องลดราคาลงมากกว่า 20-30% เพื่อสร้างแรงจูงใจคนซื้อ 
3. อาคารสำนักงาน อัตราการเช่า มักขึ้นอยู่กับทำเลที่มีน่าสนใจเป็นหลัก 
4. ธุรกิจโรงแรม ปัจจัยอยู่รอด คือ ทำเล และราคาที่ลดลง 20-30% 
เช่นเดียวกับ  5.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คนจะให้ความสนใจกับโครงการ ที่มีทำเลโดดเด่นและราคาที่ลดลง 20-30% 
 


'หมอธีระ' ย้ำโควิดไม่กระจอก แนะตั้งสติก่อนออกนโยบาย หวั่นผิดพลาดสูงแทนที่จะเกิดผลดี
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2491741
 
‘หมอธีระ’ ย้ำโควิดไม่กระจอก แนะตั้งสติก่อนออกนโยบาย หวั่นผิดพลาดสูงแทนที่จะเกิดผลดี
 
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลก โดยระบุว่า
 
“สถานการณ์ทั่วโลก 19 ธันวาคม 2563…
อินเดียมียอดทะลุ 10 ล้านแล้ว ถือเป็นประเทศที่สองของโลก
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 692,917 คน รวมแล้วตอนนี้ 75,857,686 คน ตายเพิ่มอีก 12,197 คน ยอดตายรวม 1,677,984 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 236,629 คน รวม 17,805,150 คน ตายเพิ่มอีก 2,911 คน ยอดตายรวม 320,002 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 27,065 คน รวม 10,004,825 คน
บราซิล ติดเพิ่มถึง 52,545 คน รวม 7,162,978 คน
รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,552 คน รวม 2,791,220 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 15,674 คน รวม 2,442,990 คน
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
คาดว่าพรุ่งนี้เยอรมันน่าจะแซงโคลอมเบียขึ้นเป็นที่ 11 ของโลกได้
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
สวีเดน เคยเน้นมาตรการที่ไม่บังคับเข้มงวด แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ประสบปัญหาการระบาดหนัก ล่าสุดทางกษัตริย์ของสวีเดนทรงออกมาชี้แนะว่ามาตรการที่ผ่อนคลายแบบที่เคยทำมานั้นไม่สามารถควบคุมโรคได้ และมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก
เดนมาร์กติดเพิ่มหนักมากขึ้นไปอีก ทำลายสถิติเดิม 4,508 คน นอกจากนี้ใช้เวลาแค่ 5 วันในการมียอดติดเชื้อสะสมแซง 7 ประเทศ ทั้งโอมาน อียิปต์ เอธิโอเปีย ปาเลสไตน์ ตูนีเซีย ฮอนดูรัส และเมียนมาร์
ส่วนจีน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,116 คน ตายเพิ่มอีก 21 คน ตอนนี้ยอดรวม 114,198 คน ตายไป 2,398 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
 
วันนี้เป็นวันครบรอบ 9 เดือน นับจากวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนเสนอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อจัดการการระบาดในระลอกแรก
 
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราจึงมีตัวเลขติดเชื้ออยู่ระดับหลักพันดังเช่นวันนี้
เราช่วยกันทั้งประเทศอย่างเต็มที่เพื่อจัดการระลอกแรกได้ แต่ปัจจุบันคงต้องยอมรับกันเสียทีว่าสถานการณ์มีความเสี่ยงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ
เนื่องจากมีเคสติดเชื้อในประเทศหลากหลายรูปแบบ หลายเคสหาต้นตอไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอีกจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดของเคสติดเชื้อที่ตลาดแพปลานั้น หากวิเคราะห์ตามหลักระบาดวิทยาแล้ว เหมือนเป็นปรากฏการณ์ swiss cheese phenomenon คือรูของเนยแข็งมาเรียงตรงกันพอดี
ทั้งในแง่ของตัวผู้ติดเชื้อที่ดูจะมีประวัติไม่ค่อยได้ใส่หน้ากากป้องกัน ทำอาชีพที่ต้องพบปะคนเยอะทั้งคนงานและคนที่มาซื้อของ นอกจากนี้ในแง่ของเชื้อที่มีนั้นก็มีปริมาณมาก โอกาสแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นย่อมสูง และในแง่ของสิ่งแวดล้อม ที่มีโอกาสแออัด และมีการจับต้องสิ่งของสาธารณะต่างๆ ร่วมกันได้มาก
 
จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงานกันมาดูเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตัวเลขเท่าใด ลักษณะแบบนี้ผมจัดเป็น superspreading event หรือการแพร่ในวงกว้าง ที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนและเข้มงวด
สถานการณ์เช่นนี้ ควรพิจารณาคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่จังหวัด รณรงค์ให้เลี่ยงการเดินทางเข้าออกโดยไม่จำเป็น ใส่หน้ากาก 100% และให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่สังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการเร่งทำการตรวจคัดกรองโควิดวงกว้าง เน้นการตรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การจะจัดการปัญหานี้ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน
 
การสั่งหรือประกาศนโยบายอะไรออกไปในช่วงวิกฤตินั้น ต้องใช้สติ และปัญญาในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นแทนที่จะเกิดผลดี กลับทำให้เกิดภาวะเครียด และโอกาสผิดพลาดสูงขึ้นได้
 
หวัดธรรมดา…เห็นคำนี้ก่อนระลอกแรกมาแล้ว โชคดีที่ทุกคนในประเทศช่วยกันเต็มที่จึงรอดมาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่หวัดธรรมดา
 
ไวรัสกระจอก…เห็นคำนี้แล้ว เราต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกสอง เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันว่ามันไม่ใช่ไวรัสกระจอก เห็นชัดๆ ว่าติดไปแล้วเกือบ 76 ล้าน ตายไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคนทั่วโลก
 
#โควิดไม่ใช่โรคประจำถิ่น
#การติดเชื้อไม่ใช่เรื่องปกติ
#ยึดติด0ไม่ได้แต่เลี่ยงการนำความเสี่ยงสู่ประเทศได้
#ไม่ใช่เน้นโกยเงินแลกเชื้อ
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกท่านครับ
ด้วยรักต่อทุกคน
 
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่