ลุงข้างทางตอน7(ใกล้จบ)

ไม่รู้คุณพิมคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าผู้หญิงสวยคนนี้พูดขึ้นราวกับหวงแหนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครบางคน  และคนๆนั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้  จะว่าเจ้าตัวดอดไปหว่านเสน่ห์คุณพิมก็เชื่อว่าชายหนุ่มไม่มีนิสัยเจ้าชู้ประตูดินเช่นนั้น

ตลอดเวลาที่อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันมา เธอเห็นเขาหลงไหลใฝ่ฝันแต่หญิงนางเดียวเท่านั้น หรือว่า

“อีนางหนูมันปฏิเสธฐานันดรนางฟ้าอย่างไม่ใยดี เพียงขอกลับมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง”

ประโยคดังกล่าวที่คุณพิมได้ยินมาผุดดังซ้ำในโสตหูทันที แล้วในใจเธอก็ลอบอุทานชื่อๆหนึ่งออกมา ทำให้มองหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยความตะลึงลาน แม้พยายามกลั้นความรู้สึกเต็มที่ แต่ก็ไม่วายหลุดความผิดปกติออกมาทางแววตาอย่างเกินหักห้าม

คุณพระ แม้สังหรณ์ใจแล้วว่าว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งเธอจะได้พบหญิงสาวผู้นั้น แต่ใครเล่าจะคาดถึงว่าเธอจะพาตัวมาให้เห็นแจ้งเต็มสองตาโดยไม่ให้ตั้งตัว

“ฉันไม่ใช้ชื่อนั้นอีกแล้ว  ปล่อยให้มันสิ้นสุดไปกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่อาภัพอับโชค จนต้องคิดสั้นดับปลงชีวิตตัวเองเถิด หวังว่าคุณพิมคงไม่นึกเดียจฉันท์นะค่ะ”

หญิงสาวมาลัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะราวกังสดาล  ดวงตาสีนิลกระจ่างสวยมองคุณพิม
อย่างที่คนธรรมดามองกัน หากแต่มองเห็นสิ่งที่อยู่ในใจเคุณพิมได้อย่างปรุโปร่ง

เหมือนมีใครเอาอะไรมากระทุ้งที่ท้องน้อยคุณพิม ความครั่นคร้ามบังเกิดแก่เธอทันที  ผู้หญิงคนนี้มองดูอย่างไรก็มีตัวตนอย่างมนุษย์มนา แต่ไฉนถึงอ่านใจคนได้ราวกับมีอำนาจวิเศษ

หญิงสาวผู้เลอโฉมเพียงมองคุณพิมแว่บหนึ่ง ท่าทางของเธอก็แสดงออกว่าเข้าใจอะไรต่อมิอะไรในฉับพลัน เธอจึงรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูชัดเจนว่าปราศจากอาการข่มหรือคุกคามแม้แต่น้อย

“อย่ากลัวไปเลยค่ะ ท่าน เอ่อ หรือคุณลุงที่คุณพิมเคยพบในคืนก่อน ท่านเมตตาว่าหลังจากที่ฉันได้กลับมาเป็นแบบนี้อีกครั้ง จะโดนข่มเหงรังแกเพราะเป็นผู้หญิงตัวเปล่าเล่าเปลือย ท่านถึงไม่ถอนฤทธานุภาพที่เคยมอบให้กลับไป เพื่อให้ฉันมีอะไรไว้คุ้มกันตัวเอง อีกอย่างท่านปรารถนาจะให้ฉันใช้สิ่งนี้ประกอบกรรมดีช่วยเหลือคนอื่นต่อไป ฉันไม่ใช้ในทางที่ผิดหรอกค่ะ”

คุณพิมนิ่งอึ้งเพราะพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ หากแต่การเอ่ยถึงคุณลุงผู้ปราณีท่านนั้น เพียงพอแล้วที่ทำให้เธอคลายระแวงทั้งปวง ใจเย็นชื้นขึ้นทันที เป็นอันมั่นใจได้ว่าการเข้ามาของหญิงสาวมาลัยไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแน่นอน แต่จะมาทำไมนั้นอีกเรื่อง

เสียงดนตรียังคงบรรเลงต่อไปบนบ้าน คราวนี้นรางัดเอาซอสามสายออกมาชักสี ท่วงทำนองเพราะพริ้งจับใจยิ่งนัก ได้ยินแล้วคุณพิมชักใจไม่ดี อยู่บ้านเดียวกันมาได้สักพักก็ไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะมีสุนทรีรมย์เอาซอมาเล่นสักครั้ง นอกเสียว่ามีใครขอแล้วนราก็สนองประสงค์ให้

ความหวาดเกิดเป็นเจ้าเรือนทันที เธอพอจะรู้ว่าสาวน้อยขวัญใจโปรดปรานเครื่องดรีไทยมาแต่วัยยังกำดัด เห็นจะไม่ใช่ใครอื่นแล้วที่ร้องขอให้นราขุดมาเล่น

แล้วคนเล่นก็ช่างชักคันสีหวานเสียเหลือเกิน ขนาดคุณพิมได้ยินไม่บ่อยนักยังยอมรับหมดใจ ไม่ต้องสงสัยว่าคนที่คลั่งไคล้ดนตรีไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้ร่างไม่ระทวยใจละลายตามท่วงเสนาะนั้นแล้วหรือ

เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองสีหน้าหญิงสาวที่ชื่อมาลัยอย่างเกรงๆ ทั้งที่อย่างไรความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างของเธอก็ไม่พ้นการรับรู้จากอีกฝ่ายไปได้ กระนั้นเธอก็พูดอย่างระมัดระวัง

“เข้ามาในบ้านฉันก่อนสิ วิ… เอ่อ มาลัย มากินข้าวเย็นด้วยกัน ฟังคุณนราเล่นดนตรีไปด้วย เท่าที่ฉันรู้จัก เขาไม่ใช่คนรุ่มร่ามเกาะแกะเลย คงอารมณ์ศิลปินขึ้นน่ะ ไม่ได้เล่นเกี้ยวพาราสีใครหรอกค่ะ”

สตรีนางนั้นดวงตาขึ้งขึ้นเล็กน้อยยามมองไปบนเรือน แต่ก็สลายลงอย่างรวดเร็ว ยิ้มหวานให้คุณพิม

“ฉันเกรงใจก็จริง แต่ขอไม่ฏิเสธน้ำใจคุณพิมแล้วกันค่ะ รบกวนเข้าบ้านคุณพิม จักรยานจอดไว้ตรงนี้ได้ไหมค่ะ”

คุณพิมแอบกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่ต้องมีฤทธิ์อำนาจ ผู้หญิงด้วยกันก็มองออกได้ว่าอารมณ์เพชรหึงเป็นอย่างไร นึกสงสารน้องขวัญขึ้นมาจับใจ เธอรับคำสั้นๆ

“ค่ะ เชิญเข้ามาเลย” ไม่ต้องพูดอะไรมากความเพราะอย่างไรเสีย ความรู้สึกของเธอก็ปกปิดจากการล่วงรู้ของหญิงสาวสวยสะคราญผู้นี้ไม่ได้อยู่แล้ว 

มาลัยเดินเข้ามาในบ้าน ทิ้งจักรยานไว้นอกรั้ว เหมือนรู้ดีว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีขโมย หรือต่อให้มี ลักษณะท่าทางของเธอก็ไม่เห็นว่าจะหวั่นใจอะไรทั้งสิ้น อากัปกิริยาของเธอแลดูว่ามั่นใจในการตัดสินใจทุกอย่าง

คุณพิมเดินนำในฐานะเจ้าของบ้าน พอพาแขกขึ้นโผล่พ้นหัวกระได เพลงที่เล่นมาก่อนหน้าก็ถึงช่วงจบพอดี และภาพที่ทั้งสองได้เห็นพร้อมกันคือนรายื่นซอสามสายคันนั้นให้กับขวัญใจอย่างไม่มีพิธีรีตอง พลางพูดว่า

“เอ้า พี่ให้น้องขวัญแล้วกัน หลังๆนี้พี่ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าของพี่มีครู ให้น้องเอาไปต่อเพลงสืบสานดนตรีไทยดีกว่า พี่เก็บไว้เฉยๆก็เปล่าประโยชน์”

หญิงสาวยื่นมือสองข้างมารับอย่างงงวยในตอนแรก แต่พอคิดได้ก็คลี่รอยยิ้มอันปิติชื่นบานออกมา มองหน้าผู้ให้อย่างปลาบปลื้ม

“ขอบคุณค่ะพี่นรา ขวัญดีใจมากที่สุดเลย พี่เล่นได้ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ขวัญจะทะนุถนอมเป็นอย่างดี ตั้งใจฝึกซ้อมต่อเพลง”

เธอหดมือกลับเอาซอสามสายไปแนบอก ไม่อิดเอื้อนหรือปฏิเสธตามมารยาทแต่อย่างใด ท่าทางสุขใจอย่างล้นพ้น กริยาทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีเสแสร้งแกล้งดัดเลย

นรามองอย่างพึงใจ ท่าทีที่เขาปฎิบัติต่อขวัญใจ เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูอย่างน้องสาวไม่ได้คิดเลยเถิดไปทางอื่นเลยแม้แต่น้อย  แต่อนิจจา สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกได้บังเกิดจินตนาการอันเพริดแพร้วขึ้นเสียแล้ว

แม้กระทั่งจ๋ายกับหยกสองคู่หูใหม่ ก็หันมาสบสายตาพร้อมเพรียงดั่งใจตรงกัน ทั้งคู่ไม่ได้ช่ำชองในแง่อารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงนัก เพราะจิตใจไม่ได้อ่อนไหวเช่นศิลปิน แต่ก็สื่อความคิดกันรู้เรื่องโดยไม่ต้องปริปากสักคำ

“ไอ้เจ้านี่มันจะทำให้ผู้หญิงรักเสียแล้ว” ทั้งคู่จะคิดอะไรก็ตามแต่แปลความหมายได้ประมาณนี้

ส่วนคุณพิมนั้นอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะสงสารหัวอกผู้หญิงด้วยกัน รำพึงในใจ

“โธ่ คุณนรา ไม่รู้หรืออย่างไรว่าที่ทำลงไป สร้างบาปรักขึ้นแท้ๆ ถึงคุณจะบริสุทธิ์ใจก็ตามที น้องเค้ายังเด็กอยู่ไม่รู้ประสีประสาหรอก จะมีแต่หลงกับหลงเท่านั้น”

เธอไม่กล้าหันไปมองสตรีที่เดินเคียงมา เพราะกลัวจะได้เห็นสีหน้าที่เธอไม่อยากเห็น รีบพูดขึ้นให้ทุกคนบนชานเรือนรับรู้ถึงการมาของใครบางคน

“ทุกคนค่ะ พิมพาคุณมาลัยเพื่อนบ้านใหม่มาให้รู้จัก”

เจ้าจ๋านกับเจ้าหยกที่กำลังจิบไวน์กันอยู่ หันมามองทางคุณพิมอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทีแรก พอเห็นผู้มาเยือนอีกคน แว่บหนึ่งอาจสะดุดตาด้วยรูปโฉม แต่พอมองกันอย่างแจ่มแจ้งเท่านั้น ทั้งคู่ก็กระตุกราวกับไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ตัว

ไม่เหมือนนราที่เขานั่งแยกเยื้องออกไปบนยกพื้นใกล้ประตูเข้าห้องโถง  มีสองสาวคือนาถยาและขวัญใจนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนพื้นอยู่ข้างหน้า จากมุมที่เขามองไปร่างของอาคันตุกะนั้นถูกบดบังด้วยต้วคุณพิม เขาถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร หยิบเอากีต้าร์ข้างๆตัวขึ้นมาถือทำท่าจะเล่นต่อ

ส่วนสองสาวนั้นพอมองถนัดตา ขวัญใจซึ่งเคยเห็นเธอผู้นี้มาแล้วจึงไม่ตื่นเต้นมากนัก แต่นาถยาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ด้วยความซื่อและเดียงสาทำให้เธออุทานออกมา

“โอ้โห สวยจังเลย เป็นนางเอกหนังหรือเปล่าค่ะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่