👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Ministry of Crab - มินิสทรี ออฟ แครบ
🍴 Seafood - อาหารทะเล
🎗 Ministry of Crab เป็นร้านอาหารทะเลที่มีสาขาหลักอยู่ที่ Old Dutch Hospital Complex ในกรุง Colombo ทั้งยังสามารถก้าวเข้าไปติดการจัดอันดับ Asia's 50 Best Restaurant ต่อเนื่องกันนานหลายปี แม้จะมีสัญชาติศรีลังกาแต่อาหารที่นี่ทำออกมาค่อนข้างเรียบง่ายโดยอาศัยการชูธรรมชาติของวัตถุดิบหลักคือปูและกุ้งเสริมด้วยรสชาติของซอสต่างๆที่มีให้เลือกหลากหลาย เชฟเจ้าของร้านลูกครึ่งญี่ปุ่น-ศรีลังกาคุณ Dharshan Munidasa และหุ้นส่วนคุณ Mahela Jayawardena เป็นอดีตนักกีฬาคริกเก็ทชื่อดังของศรีลังกา วันหนึ่งขณะกำลังถ่ายรายการโทรทัศน์ ”Culinary Journeys with Dharshan“ เพื่ออธิบายถึงขั้นตอนการส่งออกวัตถุดิบล้ำค่าระดับโลกของประเทศอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” ไปยังสิงคโปร์เพื่อนำไปทำเป็นเมนู Singaporean Chilli Crab เชฟ Dharshan จึงเกิดไอเดียจัดตั้งร้านอาหารที่เน้นขายปูชนิดนี้เป็นหลักและใช้ชื่อว่า Ministry of Crab เพื่อแสดงถึงคุณค่าและคุณภาพของวัตถุดิบสำคัญของประเทศศรีลังกาให้โลกได้รับรู้
🎗 สำหรับสาขาประเทศไทยเชฟ Dharshan ได้ส่งเชฟ Harsha Madhuranga มาเป็นหัวหน้าพ่อครัวเพื่อควบคุมลูกทีมให้ผัดปูและกุ้งออกมาได้ตามมาตรฐานร้านสาขาหลัก Ministry of Crab Bangkok ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 การตกแต่งภายในได้กลิ่นอายมาจากสาขา Colombo คือมีความเรียบง่าย สบายๆ และเป็นกันเอง โต๊ะทุกตัวจะมีผ้าสีส้มวางพาดยาวจากฝั่งหนึ่งไปจรดอีกฝั่งหนึ่ง แต่ละที่นั่งมีผ้ากันเปื้อนและอุปกรณ์สำหรับแกะปูเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้าทุกคน ห้องครัวถูกออกแบบให้เป็น Open Kitchen กินพื้นที่กว่า 40% ของห้องทานอาหารหลัก ลูกค้าสามารถชมเชฟ Harsha และลูกทีมผัดปูและกุ้งกันสดๆจนถึงขั้นตอนการจัดจานนำเสิร์ฟเลยทีเดียว
🎗 แน่นอนมาที่นี่ต้องห้ามพลาดเมนูเด็ดอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” หรือปูทะเลยักษ์ พนักงานเล่าว่าที่ศรีลังกาการจับปูชนิดนี้มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ชาวประมงท้องถิ่นจะเลือกจับปูด้วยมือตามโขดหิน คัดเฉพาะปูที่ได้ขนาดพอเหมาะสำหรับขายหรือส่งออกและปล่อยปูขนาดเล็กคืนสู่ธรรมชาติ แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกับปูทะเลบ้านเราแต่ด้วยความต่างของน่านน้ำทำให้ปูจากศรีลังกามีขนาดที่ใหญ่กว่าบ้านเรามาก ทางร้านมีไซซ์ให้เลือกตั้งแต่ 1/2 Kilo (1,100++/1.5 kg) หรือปูครึ่งกิโลซึ่งเป็นขนาดเล็กสุดไปจนถึง OMG !!! Crab (6,500++/1.9 kg) ขนาด 1.9 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีปูไซซ์ยักษ์ที่มีชื่อว่า Crabzilla (8,150++/2 kg upward) เป็นปูขนาดอย่างน้อย 2 กิโลกรัมขึ้นไป !! ซึ่งนานๆจะมีหลุดมาสักตัว หากใครต้องการทานจานนี้จำเป็นต้องโทรสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าหลายอาทิตย์ ปูทุกตัวนำเข้ามาแบบเป็นๆและยังคงมีชีวิตอยู่จนกระทั่งลูกค้าสั่งออเดอร์จึงการันตีความสดของวัตถุดิบและรสชาติว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมี “King Prawns” หรือกุ้งยักษ์ขนาดเริ่มต้นที่ Big Prawn (500++/150-200 g) ไปจนถึง Prawnzilla (1,280++/500 g upward) ลูกค้าสามารถจับคู่ปูและกุ้งกับซอสที่หลากหลายคือ Garlic Chilli, Pepper, Chilli, Butter และ Curry แต่สำหรับคนที่มาทานครั้งแรกเราอยากให้ลองซอส Garlic Chilli เพราะเป็นซอส Signature ที่สามารถดึงรสชาติของวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อปูออกมาได้เด่นชัดที่สุด หรือจะเป็นซอส Butter ซึ่งมีกลิ่นหอมเนยและที่พอเหมาะและถูกปากคนไทยหลายๆคน อย่าลืมสั่ง Garlic Bread หรือขนมปังกระเทียมมาทานคู่กันแล้วจิ้มลงไปในน้ำซอสแต่ละอย่าง ก่อนจะปิดท้ายด้วย Coconut Creme Brulee (250++) โดยพนักงานจะมาทอร์ชไฟเบิร์นผิวเครมบรูเล่ให้เราชมกันสดๆบนโต๊ะ ลืมบอกไปว่าพนักงานจะแนะนำให้ลูกค้าใช้มือเปล่าในการทานโดยจะมีผ้ากันเปื้อนให้ใส่และมีน้ำสำหรับล้างมือเสิร์ฟตามมาภายหลัง
🎗 อย่างที่บอกไปว่าทางร้านใช้กุ้งและปูนำเข้ามาแบบเป็นๆจนกระทั่งก่อนนำเสิร์ฟลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสดของวัตถุดิบ และด้วยเหตุผลเดียวกันทำให้ราคาอาหารอาจค่อนข้างสูงสักหน่อย เชฟ Harsha และลูกทีมมีเทคนิคการผัดอันยอดเยี่ยม ทั้งยังผสานรสชาติของซอสและเครื่องเทศต่างๆเข้ากับวัตถุดิบหลักได้อย่างยอดเยี่ยม ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารทะเลจำพวกปูและกุ้งห้ามพลาดโดยเด็ดขาด Keep Calm and Crab On !
📃 À La Carte
Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
Butter “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
Kade Bread (100++)
Garlic Bread (80++)
Kani Chahan (Japanese Style Crab Fried Rice) (380++)
Coconut Creme Brulee (250++)
🏵 Score:
👍 สุดยอดร้านอาหารจากแดนไกลที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง รสชาติมีเอกลักษณ์
อาหาร : 13.5/20
ราคา : 🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟
เทคนิค : 🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟🌟
ความประทับใจโดยรวม : 14/20
📍 Visit: 2020
🏠 Location: 31 Sam-ed No.15, 1 ซ. สุขุมวิท 31 แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
🚗 Parking: Valet Parking
🕔 Operating Time: อังคาร-ศุกร์ 17.00-23.00, เสาร์-อาทิตย์ 11.30-14.30 และ 17.00-23.00, ปิดวันจันทร์
💰 Price: 1,000-4,000 THB/p
📞 Tel: 098-598-6554
🧥 Dress Code: Casual
🖥 Website:
https://www.ministryofcrab.com/bangkok/the-amendments/#amendments
🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยกดไลค์และเเชร์เพจของเรา : ตามล่า Fine Dining
👍 เพจเราสร้างขึ้นเพื่อรีวิวห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ทั่วโลก
#MinistryofCrabBangkok #MinistryofCrabBKK #GetYourCrabonBKK #KeepCalmandCrabon #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining

Ministry of Crab เป็นร้านอาหารทะเลที่มีสาขาหลักอยู่ที่ Old Dutch Hospital Complex ในกรุง Colombo ทั้งยังสามารถก้าวเข้าไปติดการจัดอันดับ Asia's 50 Best Restaurant ต่อเนื่องกันนานหลายปี แม้จะมีสัญชาติศรีลังกาแต่อาหารที่นี่ทำออกมาค่อนข้างเรียบง่ายโดยอาศัยการชูธรรมชาติของวัตถุดิบหลักคือปูและกุ้งเสริมด้วยรสชาติของซอสต่างๆที่มีให้เลือกหลากหลาย

แน่นอนมาที่นี่ต้องห้ามพลาดเมนูเด็ดอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” หรือปูทะเลยักษ์ พนักงานเล่าว่าที่ศรีลังกาการจับปูชนิดนี้มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ชาวประมงท้องถิ่นจะเลือกจับปูด้วยมือตามโขดหินและคัดเฉพาะปูที่ได้ขนาดพอเหมาะสำหรับขายหรือส่งออกและปล่อยปูขนาดเล็กคืนสู่ธรรมชาติ แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกับปูทะเลบ้านเราแต่ด้วยความต่างของน่านน้ำทำให้ปูจากศรีลังกามีขนาดที่ใหญ่กว่าบ้านเรามาก

Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
เริ่มต้นด้วยสุดยอดเมนู Signature Dish ของร้าน Ministry of Crab เป็นจานที่ใช้ Sri Lankan Mud Crab หรือปูดำไซซ์ยักษ์เป็นๆ ! นำเข้าจากประเทศศรีลังมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก … วันนี้เราเลือกปูยักษ์ Kilo Crab ขนาดเกิน 1 กิโลกรัมซึ่งจะมีเนื้อให้ทานค่อนข้างเยอะ (ขนาดว่าข้อปล้องที่ขาและก้ามทุกชิ้นมีเนื้อให้ทานทั้งหมด) เชฟจะหั่นปูออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปเทลงในกระทะ ใส่น้ำมันมะกอกนำเข้าจากประเทศอิตาลี ซอยซอสจากประเทศญี่ปุ่น กระเทียม พริกแห้งศรีลังกา และเครื่องเทศต่างๆลงไป จากนั้นปิดฝาเพื่ออบปูจนสุกแล้วจึงนำเสิร์ฟ (14/20)

Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
จานนี้แต่เดิมเชฟได้นำเอกลักษณ์ของอาหารเมดิเตอเรเนียนและญี่ปุ่นมาผสมผสานกับคสามเป็นศรีลังกาได้อย่างลงตัว ด้วยความที่ใช้ปูดำศรีลังกาเป็นๆทำให้รับประกันรสชาติและความนุ่ม แน่น ของเนื้อปู ส่วนน้ำซอสจะมีความหอมมันของน้ำมันมะกอก ผสมกันกลิ่นเฉพาะตัวของกระเทียมและพริกแห้งศรีลังกา ก่อนทานให้ตักน้ำราดเข้าที่เนื้อปู รับรองว่าฟินสุดๆ (14/20)

Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
ถัดมาคือเมนูกุ้งที่ทางร้านมักนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยขนาดที่เราเลือกทานในวันนี้คือ Big Prawn ซึ่งมีราคาย่อมเยา จานแรกนำไปผัดกับพริกไทยดำซึ่งเป็นเครื่องเทศที่ถูกยกย่องให้เป็น King of Spice ของประเทศศรีลังกาสังเกตได้จากแกงสูตรดั้งเดิมต่างๆของศรีลังกาจะมักมีสีดำเพราะพริกสีแดงหาไม่ได้ทั่วไปจากแถบนั้น (13/20)

Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
เชฟนำพริกไทยดำที่บดละเอียดด้วยมือโดยเครื่องบดที่มีชื่อว่า Miris Gala ซึ่งเป็นเป็นหินทรงกระบอกม้วนไปมาเพื่อทับให้เครื่องเทศแตกละเอียด) มาผสมกันกับพริกไทยดำสดๆ และน้ำ Pepper stock ใส่กุ้งลงไปในกระทะแล้วปิดฝาอบจนสุก ตอนทานจะสัมผัสได้ถึงเนื้อสัมผัสที่หลากหลายไม่เท่ากันของพริกไทยดำ พร้อมกับกลิ่นอโรมาความหอมเข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้งแน่นๆ อย่าลืมใช้มีดและช้อนงัดส่วนมันกุ้งออกมาผสมกันด้วย อร่อยสมกับเป็นซอสยอดนิยมเลยล่ะ (13/20)

Butter “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
อีกจานหนึ่งเราเลือกที่จะนำกุ้ง Big Prawn ไปอบกับเนยจนสุก เนื้อกุ้งแน่นๆถูกเสริมด้วยความมันและกลิ่นหอมของเนย เช่นกันอย่าลืมแคะมันจากหัวกุ้งออกมาผสมด้วย จานนี้เป็นจานที่เราคิดว่ามีความ Universal มากๆ ทุกคนต้องชอบ ทั้งยังเป็นจานโปรดของเชฟ Kumar อีกด้วย แอบกระซอบว่าอร่อยจนเราต้องนำขนมปัง Kade มาขูดซอสในจานทานจนเกลี้ยงเลยล่ะ (15/20)

Kade Bread (100++)
ขอแนะนำให้สั่ง Kade Bread ขนมปังกรอบเสิร์ฟมาจำนวนถึง 3 แผ่น แนะนำให้เลือกจิ้มลงไปในซอสต่างๆที่ให้มาด้วยเพื่อตัดเนื้อสัมผัสกันกับเนื้อปู

Kade Bread (100++)
หรือจะทานกับเนยที่ทางร้านเสิร์ฟมาคู่กัน คุณภาพเนยถือว่าใช้ได้เลยแต่อาจจะยังสู้เนยจากห้องอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงไม่ได้ แนะนำให้จิ้มซอสของกุ้งหรือปูแต่ละจานจะฟินกว่ามาก

Garlic Bread (80++)
อีกหนึ่งเมนู Side Dish ที่อร่อยได้ด้วยตัวเองคือขนมปังกระเทียมสูตรพิเศษที่มีบาลานซ์ระหว่างความกรอบของขนมปังกับความฉ่ำของเนยกระเทียมออกมาได้อย่างไร้ที่ติ สั่งมาทานเล่นๆระหว่างรออาหาร เพลินมากๆ (13/20)

Kani Chahan (Japanese Style Crab Fried Rice) (380++)
สุดท้ายคือเมนูข้าวผัดปูสูตรพิเศษที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเทศญี่ปุ่น ข้าวผัดมีความหอม มัน แต่ไม่ได้แห้งร่วนแบบจีน ทั้งยังมีกลิ่นเครื่องเทศเฉพาะตัวที่ไม่แรงจนเกินไป เนื้อปูสด หวาน เสิร์ฟมาใต้กระดองปูเพื่อให้ดูน่าทานมากยิ่งขึ้น (13/20)

Coconut Creme Brulee (250++)
อย่าลืมเหลือท้องเอาไว้เผื่อทานเมนูขนมหวานหนึ่งเดียวของทางร้านคือแครมบรูว์เลมะพร้าว ด้านบนโรยน้ำตาลมาโดยเชฟจะมาทอร์ชไฟกันสดๆต่อหน้าลูกค้าบนโต๊ะ (13/20)
ติดตามต่อกันในคอมเม้นนะค้า
[CR] 🇹🇭 Ministry of Crab - มินิสทรี ออฟ แครบ ปูสดๆเนื้อแน่นๆ Keep Calm and Crab On !
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Ministry of Crab - มินิสทรี ออฟ แครบ
🍴 Seafood - อาหารทะเล
🎗 Ministry of Crab เป็นร้านอาหารทะเลที่มีสาขาหลักอยู่ที่ Old Dutch Hospital Complex ในกรุง Colombo ทั้งยังสามารถก้าวเข้าไปติดการจัดอันดับ Asia's 50 Best Restaurant ต่อเนื่องกันนานหลายปี แม้จะมีสัญชาติศรีลังกาแต่อาหารที่นี่ทำออกมาค่อนข้างเรียบง่ายโดยอาศัยการชูธรรมชาติของวัตถุดิบหลักคือปูและกุ้งเสริมด้วยรสชาติของซอสต่างๆที่มีให้เลือกหลากหลาย เชฟเจ้าของร้านลูกครึ่งญี่ปุ่น-ศรีลังกาคุณ Dharshan Munidasa และหุ้นส่วนคุณ Mahela Jayawardena เป็นอดีตนักกีฬาคริกเก็ทชื่อดังของศรีลังกา วันหนึ่งขณะกำลังถ่ายรายการโทรทัศน์ ”Culinary Journeys with Dharshan“ เพื่ออธิบายถึงขั้นตอนการส่งออกวัตถุดิบล้ำค่าระดับโลกของประเทศอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” ไปยังสิงคโปร์เพื่อนำไปทำเป็นเมนู Singaporean Chilli Crab เชฟ Dharshan จึงเกิดไอเดียจัดตั้งร้านอาหารที่เน้นขายปูชนิดนี้เป็นหลักและใช้ชื่อว่า Ministry of Crab เพื่อแสดงถึงคุณค่าและคุณภาพของวัตถุดิบสำคัญของประเทศศรีลังกาให้โลกได้รับรู้
🎗 สำหรับสาขาประเทศไทยเชฟ Dharshan ได้ส่งเชฟ Harsha Madhuranga มาเป็นหัวหน้าพ่อครัวเพื่อควบคุมลูกทีมให้ผัดปูและกุ้งออกมาได้ตามมาตรฐานร้านสาขาหลัก Ministry of Crab Bangkok ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 การตกแต่งภายในได้กลิ่นอายมาจากสาขา Colombo คือมีความเรียบง่าย สบายๆ และเป็นกันเอง โต๊ะทุกตัวจะมีผ้าสีส้มวางพาดยาวจากฝั่งหนึ่งไปจรดอีกฝั่งหนึ่ง แต่ละที่นั่งมีผ้ากันเปื้อนและอุปกรณ์สำหรับแกะปูเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้าทุกคน ห้องครัวถูกออกแบบให้เป็น Open Kitchen กินพื้นที่กว่า 40% ของห้องทานอาหารหลัก ลูกค้าสามารถชมเชฟ Harsha และลูกทีมผัดปูและกุ้งกันสดๆจนถึงขั้นตอนการจัดจานนำเสิร์ฟเลยทีเดียว
🎗 แน่นอนมาที่นี่ต้องห้ามพลาดเมนูเด็ดอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” หรือปูทะเลยักษ์ พนักงานเล่าว่าที่ศรีลังกาการจับปูชนิดนี้มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ชาวประมงท้องถิ่นจะเลือกจับปูด้วยมือตามโขดหิน คัดเฉพาะปูที่ได้ขนาดพอเหมาะสำหรับขายหรือส่งออกและปล่อยปูขนาดเล็กคืนสู่ธรรมชาติ แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกับปูทะเลบ้านเราแต่ด้วยความต่างของน่านน้ำทำให้ปูจากศรีลังกามีขนาดที่ใหญ่กว่าบ้านเรามาก ทางร้านมีไซซ์ให้เลือกตั้งแต่ 1/2 Kilo (1,100++/1.5 kg) หรือปูครึ่งกิโลซึ่งเป็นขนาดเล็กสุดไปจนถึง OMG !!! Crab (6,500++/1.9 kg) ขนาด 1.9 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีปูไซซ์ยักษ์ที่มีชื่อว่า Crabzilla (8,150++/2 kg upward) เป็นปูขนาดอย่างน้อย 2 กิโลกรัมขึ้นไป !! ซึ่งนานๆจะมีหลุดมาสักตัว หากใครต้องการทานจานนี้จำเป็นต้องโทรสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าหลายอาทิตย์ ปูทุกตัวนำเข้ามาแบบเป็นๆและยังคงมีชีวิตอยู่จนกระทั่งลูกค้าสั่งออเดอร์จึงการันตีความสดของวัตถุดิบและรสชาติว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมี “King Prawns” หรือกุ้งยักษ์ขนาดเริ่มต้นที่ Big Prawn (500++/150-200 g) ไปจนถึง Prawnzilla (1,280++/500 g upward) ลูกค้าสามารถจับคู่ปูและกุ้งกับซอสที่หลากหลายคือ Garlic Chilli, Pepper, Chilli, Butter และ Curry แต่สำหรับคนที่มาทานครั้งแรกเราอยากให้ลองซอส Garlic Chilli เพราะเป็นซอส Signature ที่สามารถดึงรสชาติของวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อปูออกมาได้เด่นชัดที่สุด หรือจะเป็นซอส Butter ซึ่งมีกลิ่นหอมเนยและที่พอเหมาะและถูกปากคนไทยหลายๆคน อย่าลืมสั่ง Garlic Bread หรือขนมปังกระเทียมมาทานคู่กันแล้วจิ้มลงไปในน้ำซอสแต่ละอย่าง ก่อนจะปิดท้ายด้วย Coconut Creme Brulee (250++) โดยพนักงานจะมาทอร์ชไฟเบิร์นผิวเครมบรูเล่ให้เราชมกันสดๆบนโต๊ะ ลืมบอกไปว่าพนักงานจะแนะนำให้ลูกค้าใช้มือเปล่าในการทานโดยจะมีผ้ากันเปื้อนให้ใส่และมีน้ำสำหรับล้างมือเสิร์ฟตามมาภายหลัง
🎗 อย่างที่บอกไปว่าทางร้านใช้กุ้งและปูนำเข้ามาแบบเป็นๆจนกระทั่งก่อนนำเสิร์ฟลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสดของวัตถุดิบ และด้วยเหตุผลเดียวกันทำให้ราคาอาหารอาจค่อนข้างสูงสักหน่อย เชฟ Harsha และลูกทีมมีเทคนิคการผัดอันยอดเยี่ยม ทั้งยังผสานรสชาติของซอสและเครื่องเทศต่างๆเข้ากับวัตถุดิบหลักได้อย่างยอดเยี่ยม ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารทะเลจำพวกปูและกุ้งห้ามพลาดโดยเด็ดขาด Keep Calm and Crab On !
📃 À La Carte
Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
Butter “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
Kade Bread (100++)
Garlic Bread (80++)
Kani Chahan (Japanese Style Crab Fried Rice) (380++)
Coconut Creme Brulee (250++)
🏵 Score:
👍 สุดยอดร้านอาหารจากแดนไกลที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง รสชาติมีเอกลักษณ์
อาหาร : 13.5/20
ราคา : 🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟
เทคนิค : 🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟🌟
ความประทับใจโดยรวม : 14/20
📍 Visit: 2020
🏠 Location: 31 Sam-ed No.15, 1 ซ. สุขุมวิท 31 แขวง คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
🚗 Parking: Valet Parking
🕔 Operating Time: อังคาร-ศุกร์ 17.00-23.00, เสาร์-อาทิตย์ 11.30-14.30 และ 17.00-23.00, ปิดวันจันทร์
💰 Price: 1,000-4,000 THB/p
📞 Tel: 098-598-6554
🧥 Dress Code: Casual
🖥 Website: https://www.ministryofcrab.com/bangkok/the-amendments/#amendments
🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยกดไลค์และเเชร์เพจของเรา : ตามล่า Fine Dining
👍 เพจเราสร้างขึ้นเพื่อรีวิวห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ทั่วโลก
#MinistryofCrabBangkok #MinistryofCrabBKK #GetYourCrabonBKK #KeepCalmandCrabon #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining
Ministry of Crab เป็นร้านอาหารทะเลที่มีสาขาหลักอยู่ที่ Old Dutch Hospital Complex ในกรุง Colombo ทั้งยังสามารถก้าวเข้าไปติดการจัดอันดับ Asia's 50 Best Restaurant ต่อเนื่องกันนานหลายปี แม้จะมีสัญชาติศรีลังกาแต่อาหารที่นี่ทำออกมาค่อนข้างเรียบง่ายโดยอาศัยการชูธรรมชาติของวัตถุดิบหลักคือปูและกุ้งเสริมด้วยรสชาติของซอสต่างๆที่มีให้เลือกหลากหลาย
แน่นอนมาที่นี่ต้องห้ามพลาดเมนูเด็ดอย่าง “Srilankan Lagoon Crab” หรือปูทะเลยักษ์ พนักงานเล่าว่าที่ศรีลังกาการจับปูชนิดนี้มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ชาวประมงท้องถิ่นจะเลือกจับปูด้วยมือตามโขดหินและคัดเฉพาะปูที่ได้ขนาดพอเหมาะสำหรับขายหรือส่งออกและปล่อยปูขนาดเล็กคืนสู่ธรรมชาติ แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกับปูทะเลบ้านเราแต่ด้วยความต่างของน่านน้ำทำให้ปูจากศรีลังกามีขนาดที่ใหญ่กว่าบ้านเรามาก
Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
เริ่มต้นด้วยสุดยอดเมนู Signature Dish ของร้าน Ministry of Crab เป็นจานที่ใช้ Sri Lankan Mud Crab หรือปูดำไซซ์ยักษ์เป็นๆ ! นำเข้าจากประเทศศรีลังมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก … วันนี้เราเลือกปูยักษ์ Kilo Crab ขนาดเกิน 1 กิโลกรัมซึ่งจะมีเนื้อให้ทานค่อนข้างเยอะ (ขนาดว่าข้อปล้องที่ขาและก้ามทุกชิ้นมีเนื้อให้ทานทั้งหมด) เชฟจะหั่นปูออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปเทลงในกระทะ ใส่น้ำมันมะกอกนำเข้าจากประเทศอิตาลี ซอยซอสจากประเทศญี่ปุ่น กระเทียม พริกแห้งศรีลังกา และเครื่องเทศต่างๆลงไป จากนั้นปิดฝาเพื่ออบปูจนสุกแล้วจึงนำเสิร์ฟ (14/20)
Garlic Chilli “Kilo Crab” (Above 1 kg) (3,200++)
จานนี้แต่เดิมเชฟได้นำเอกลักษณ์ของอาหารเมดิเตอเรเนียนและญี่ปุ่นมาผสมผสานกับคสามเป็นศรีลังกาได้อย่างลงตัว ด้วยความที่ใช้ปูดำศรีลังกาเป็นๆทำให้รับประกันรสชาติและความนุ่ม แน่น ของเนื้อปู ส่วนน้ำซอสจะมีความหอมมันของน้ำมันมะกอก ผสมกันกลิ่นเฉพาะตัวของกระเทียมและพริกแห้งศรีลังกา ก่อนทานให้ตักน้ำราดเข้าที่เนื้อปู รับรองว่าฟินสุดๆ (14/20)
Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
ถัดมาคือเมนูกุ้งที่ทางร้านมักนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยขนาดที่เราเลือกทานในวันนี้คือ Big Prawn ซึ่งมีราคาย่อมเยา จานแรกนำไปผัดกับพริกไทยดำซึ่งเป็นเครื่องเทศที่ถูกยกย่องให้เป็น King of Spice ของประเทศศรีลังกาสังเกตได้จากแกงสูตรดั้งเดิมต่างๆของศรีลังกาจะมักมีสีดำเพราะพริกสีแดงหาไม่ได้ทั่วไปจากแถบนั้น (13/20)
Pepper “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
เชฟนำพริกไทยดำที่บดละเอียดด้วยมือโดยเครื่องบดที่มีชื่อว่า Miris Gala ซึ่งเป็นเป็นหินทรงกระบอกม้วนไปมาเพื่อทับให้เครื่องเทศแตกละเอียด) มาผสมกันกับพริกไทยดำสดๆ และน้ำ Pepper stock ใส่กุ้งลงไปในกระทะแล้วปิดฝาอบจนสุก ตอนทานจะสัมผัสได้ถึงเนื้อสัมผัสที่หลากหลายไม่เท่ากันของพริกไทยดำ พร้อมกับกลิ่นอโรมาความหอมเข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้งแน่นๆ อย่าลืมใช้มีดและช้อนงัดส่วนมันกุ้งออกมาผสมกันด้วย อร่อยสมกับเป็นซอสยอดนิยมเลยล่ะ (13/20)
Butter “Big Prawn” (150-200 g) (500++)
อีกจานหนึ่งเราเลือกที่จะนำกุ้ง Big Prawn ไปอบกับเนยจนสุก เนื้อกุ้งแน่นๆถูกเสริมด้วยความมันและกลิ่นหอมของเนย เช่นกันอย่าลืมแคะมันจากหัวกุ้งออกมาผสมด้วย จานนี้เป็นจานที่เราคิดว่ามีความ Universal มากๆ ทุกคนต้องชอบ ทั้งยังเป็นจานโปรดของเชฟ Kumar อีกด้วย แอบกระซอบว่าอร่อยจนเราต้องนำขนมปัง Kade มาขูดซอสในจานทานจนเกลี้ยงเลยล่ะ (15/20)
Kade Bread (100++)
ขอแนะนำให้สั่ง Kade Bread ขนมปังกรอบเสิร์ฟมาจำนวนถึง 3 แผ่น แนะนำให้เลือกจิ้มลงไปในซอสต่างๆที่ให้มาด้วยเพื่อตัดเนื้อสัมผัสกันกับเนื้อปู
Kade Bread (100++)
หรือจะทานกับเนยที่ทางร้านเสิร์ฟมาคู่กัน คุณภาพเนยถือว่าใช้ได้เลยแต่อาจจะยังสู้เนยจากห้องอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงไม่ได้ แนะนำให้จิ้มซอสของกุ้งหรือปูแต่ละจานจะฟินกว่ามาก
Garlic Bread (80++)
อีกหนึ่งเมนู Side Dish ที่อร่อยได้ด้วยตัวเองคือขนมปังกระเทียมสูตรพิเศษที่มีบาลานซ์ระหว่างความกรอบของขนมปังกับความฉ่ำของเนยกระเทียมออกมาได้อย่างไร้ที่ติ สั่งมาทานเล่นๆระหว่างรออาหาร เพลินมากๆ (13/20)
Kani Chahan (Japanese Style Crab Fried Rice) (380++)
สุดท้ายคือเมนูข้าวผัดปูสูตรพิเศษที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเทศญี่ปุ่น ข้าวผัดมีความหอม มัน แต่ไม่ได้แห้งร่วนแบบจีน ทั้งยังมีกลิ่นเครื่องเทศเฉพาะตัวที่ไม่แรงจนเกินไป เนื้อปูสด หวาน เสิร์ฟมาใต้กระดองปูเพื่อให้ดูน่าทานมากยิ่งขึ้น (13/20)
Coconut Creme Brulee (250++)
อย่าลืมเหลือท้องเอาไว้เผื่อทานเมนูขนมหวานหนึ่งเดียวของทางร้านคือแครมบรูว์เลมะพร้าว ด้านบนโรยน้ำตาลมาโดยเชฟจะมาทอร์ชไฟกันสดๆต่อหน้าลูกค้าบนโต๊ะ (13/20)
ติดตามต่อกันในคอมเม้นนะค้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้