สารานุกรมปืนตอนที่ 448 ความเป็นมาของปืนเล็กยาวแบบ 95 (QBZ95)

ขอขอบคุณเพจ GUN in The World อย่างสูงครับ"

https://www.facebook.com/Supakorngimzaa/?hc_ref=ARSVP07Rd-CFgU5_qUtnwLMw_f0KEuzMrtl4JqDBDueoDXYXpdasmnupVxHVRkYvqMQ&fref=nf



นาวิกโยธินกับปืนเล็กยาวแบบ 95 และ ปืนเล็กกลแบบ 95

ประวัติความเป็นมา

ในช่วงสงครามเวียดนามสหรัฐอเมริกาได้แสดงให้เห็นว่าปืนเล็กยาว เอ็ม16 ที่ใช้กระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วสูงอย่าง 5.56x45 มม. นั้นมีประสิทธิภาพขนาดไหนทั้งโลกต่างแปลกใจที่สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแบบปืนเล็กยาวใหม่จาก ปืนเล็กยาว เอ็ม-14 ที่ใช้กระสุนขนาด 7.62x51 มม. เป็น ปืนเล็กยาว เอ็ม16 ที่ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 มม. และ ภายหลังก็มีพัฒนากระสุนชนิดนี้เพิ่มเติมในช่วงทศวรรษที่ 1980 และออกมาเป็นกระสุนขนาด 5.56x45 มม. แบบ เอสเอส 109 และกระสุนชนิดนี้ก็ได้เป็นกระสุนมารตฐานขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ เนโต้ ขณะ เดียวกันนั้นสหภาพโซเวียตก็ได้เล็งเห็นประสิทธิภาพของกระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วสูงอย่างกระสุน 5.56 มม. สหภาพโซเวียตจึงพัฒนากระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วสูงขึ้นมาเองและก็พัฒนาจนออกมาเป็นกระสุนขนาด 5.45x39 มม. พร้อมกับพัฒนา ปืนเล็กยาวแบบ เอเค 74 ขึ้นมาเพื่อทดแทน ปืนเล็กยาว เอเค 47 ที่ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. สาธารณรัฐประชาชนจีนก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตัดสินใจพัฒนากระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วซึ่งดำเนินการพัฒนาโดย คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง แผนก อุตสาหกรรมอาวุธทั่วไป
 
จนในช่วงปี ค.ศ.1978 ทีมพัฒนาก็ได้พัฒนากระสุนหน้าตัดเล็กความเร็วสูงสำเร็จซึ่งออกมาเป็นกระสุนขนาด 5.8x42 มม. ในช่วงแรกๆนั้นทีมพัฒนามีความตั้งใจว่าจะทำกระสุนขนาด 5.81 มม. ซึ่งศาสตราจารย์ เฉิง เออคอง ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนเล็กยาวและหนึ่งในผู้อาวุโสของทีมพัฒนากระสุนชนิดใหม่ได้ออกมาคัดค้านเรื่องนี้แล้วตัดสินใจทำกระสุนขนาด 5.8 ออกมาแทน หลังจากที่ได้กระสุนชนิดใหม่อย่าง 5.8x42 มม. แล้วทีมพัฒนาจึงนำปืนเล็กยาวแบบ 81 มาพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ปืนเล็กยาวแบบ 81 ใช้กระสุน5.8x42 มม. ได้ และ ได้พัฒนาเสร็จจนออกมาเป็น ปืนเล็กยาวแบบ 87 ต่อมาได้มีการทดสอบกระสุน 5.8x42 มม. โดยการยิงจากปืนเล็กยาวแบบ 87 ผลการทดสอบนั้นถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจจากการยิงที่ระยะ 400 เมตรซึ่งกลุ่มกระสุนเป็นที่น่าพอใจมากกว่า ปืนเล็กยาวแบบ 81 ที่ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม.



ศาสตราจารย์ เฉิง เออคอง กับทีมพัฒนากระสุน 5.8x42 มม. และ ปลย.เอชเค33



ปืนเล็กยาวแบบ 81 ที่ใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม.



ปืนเล็กยาวแบบ 87

อย่างไรก็ตามปืนเล็กยาวแบบ 87 กับ 81 นั้นเป็นอาวุธปืนเล็กยาวที่พัฒนามาจากปืนเล็กยาวแบบ 63 ซึ่งเป็นปืนเล็กยาวที่จีนนั้นพัฒนาขึ้นมากเองโดยการนำระบบแก๊สลูกสูบช่วงชักสั้นของปืนเล็กสั้นแบบ 56 (เอสเคเอส) มารวมกับระบบลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอนของปืนเล็กยาวจู่โจมแบบ 56 (เอเค-47 ของจีน) และมีกรวยจัดปรับแก๊สเพื่อสามารถยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กซึ่งจากที่กล่าวมานั้นปืนเล็กยาวแบบ 87 นับว่าเป็นอาวุธปืนเล็กที่ค่อนล้าสมัย ทำให้ในปี ค.ศ.1989 คณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางจึงได้ริเริ่มจัดตั้งโครงการพัฒนาอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่นใหม่ที่จะใช้งานกับกระสุนขนาด 5.8x42 มม.ซึ่งระหว่างการพัฒนานั้นคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางได้มีการทดสอบอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมจากต่างประเทศจำนวนมากเพื่อทดสอบและประเมินผล ในบรรดาอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมที่คณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางได้ทำการนำมาทดสอบและประเมินผลนั้นมีปืนเล็กยาวจู่โจมจากสองประเทศในยุโรปที่จีนให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ปืนเล็กยาวจู่โจมฟามาสจากฝรั่งเศส และ ปืนเล็กยาวจู่โจมสไตเออร์ เอยูจี จากประเทศออสเตรีย ซึ่งทั้งสองเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมแบบบลูพัพคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ให้ความสนใจปืนเล็กยาวจู่โจมแบบบลูพัพเป็นพิเศษเพราะเนื่องด้วยการที่ปืนเล็กยาวแบบบลูพัพเป็นอาวุธปืนเล็กยาวจู่โจมที่มีลักษณะเด่นอยู่ที่ ด้ามปืนอยู่ด้านหน้าซองกระสุนและใช้พานท้ายร่วมกับชุดลั่นไกท้ายโครงปืนจุดประสงค์ในการออกแบบปืนบลูพัพนั้นไม่ว่าจะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมดหรือดัดแปลงปรับปรุงปืนเล็กยาวทรงธรรมดาล้วนมีจุดประสงค์เพื่อให้ตัวปืนมีขนาดสั้นลงแต่ยังคงความยาวของลำกล้องไว้อยู่กล่าวคือเราจะได้ปืนเล็กยาวที่มีขนาดเท่าปืนเล็กสั้นโดยที่ระยะหวังผลยังคงเป็นปืนเล็กยาวเหมือนเดิม ทำให้คณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางได้มอบหมายให้ โรงงานเจ้อเจียงสถาบันวิศวกรรมภาคตะวันออกและโรงงานเหอหนาน,โรงงานจี่กง,โรงงานฉงชิ่ง ให้พัฒนาปืนเล็กยาวจู่โจมแบบใหม่ที่เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมแบบบลูพัพเพื่อนำมาใช้กับกระสุนขนาด 5.8x42 มม.



ปืนเล็กยาวจู่โจมฟามาสจากฝรั่งเศส และ ปืนเล็กยาวจู่โจมสไตเออร์ เอยูจี จากประเทศออสเตรีย ในพิพิธภัณฑ์ของนอริงโก้
 

หลังจากที่แต่หละโรงงานได้พัฒนาปืนเล็กยาวจู่โจมทรงบลูพัพของตัวเองในช่วงปลายปี ค.ศ.1989 ปีปืนต้นแบบนั้นก็ได้เผยโฉมออกมาโดยปืนต้นแบบ 4 กระบอกคือ ต้นแบบ A จาก โรงงานเจ้อเจียง ต้นแบบ B จาก สถาบันวิศวกรรมภาคตะวันออกและโรงงานเหอหนาน ต้นแบบ C จากโรงงานจี่กงและ ต้นแบบ D จากโรงงานฉงชิ่ง



ต้นแบบ A จาก โรงงานเจ้อเจียง



ต้นแบบ B จาก สถาบันวิศวกรรมภาคตะวันออกและโรงงานเหอหนาน



ต้นแบบ C จากโรงงานจี่กง



ต้นแบบ D จากโรงงานฉงชิ่ง

และได้มีการทดสอบภาคสนามสำหรับต้นแบบทั้ง 4 กระบอกโดยมีการทดสอบการยิงทางยุทธวิธีจำนวน และ สถานีการทดสอบด้วยการยิงด้วยโหมดกึ่งอัตโนมัติระยะ 100 เมตร,สถานีการทดสอบด้วยการยิงด้วยโหมดอัตโนมัติระยะ100 เมตร,สถานีการทดสอบด้วยการยิงด้วยโหมดกึ่งอัตโนมัติระยะ 400 เมตร และ สถานีทดสอบการยิงบนยานพาหนะ และ ต่อมาได้มีการทดสอบเพิ่มเติมในเขตชานเมืองปักกิ่งโดยมีการทดสอบยิงปืนต้นแบบในสภาวะที่อณุภูมิติดลบสูง,ทดสอบยิงหลังจากเอาปืนแช่ลงในแม่น้ำ,ทดสอบยิงหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายใน และ ทดสอบการยิงต่อเนื่อง 50,000 นัดด้วยกระสุนขนาด 5.8x42 มม. และภายหลังได้มีการประเมินผลและสรุปคะแนนโดยขณะกรรมการโดยมีผลสรุปดังนี้
ต้นแบบ A จาก โรงงานเจ้อเจียง ได้คะแนน 66.9 คะแนน
ต้นแบบ B จาก สถาบันวิศวกรรมภาคตะวันออกและโรงงานเหอหนาน ได้คะแนน 51.7 คะแนน
ต้นแบบ C จากโรงงานจี่กงได้คะแนน 68.1 คะแนน
ต้นแบบ D จากโรงงานฉงชิ่งได้คะแนน 71.3 คะแนน



การทดสอบภาคสนาม
 



การทดสอบภาคสนาม

โดยผลสรุปคือต้นแบบ D เป็นผู้ชนะและในช่วงปี ค.ศ.1990 คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ปรับเปลี่ยนนโยบายจากเดิมที่จากเดิมที่แต่หละโรงงานจะมีอิสระในการออกแบบปืนของตัวเองมาเป็นการที่ให้คนของแต่หละโรงงานนั้นมาทำงานร่วมกันเพื่อข้อได้เปรียบทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันโดยในการพัฒนาจากเดิมที่มีคนจากโรงงานฉงชิ่งทำงานเพียงอย่างเดียวกลายเป็นว่าบุคลากรจากโรงงานอื่นมาร่วมด้วยและหนึ่งในบุคลากรที่มาร่วมทีมคือ ตัว หยิงเซียน หนึ่งในคนออกแบบ ต้นแบบ C จากโรงงานจี่กงเดิมทีนั้น ตัว หยิงเซียน เป็นศาสตราจารย์ด้านอาวุธเบาที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วลูกศิษย์ของเขาต่างประสบความสำเร็จแล้วเข้าไปทำงานในโรงงานต่าง ๆ ของนอริงโก้มากมาย ต่อมาหลังจากจัดการด้านทีมพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว ทีมพัฒนาปืนเล็กยาวจู่โจมบลูพัพที่ใช้กระสุนขนาด 5.8x42 มม. ก็ได้ถูกขนานนามว่า “ทีมออกแบบแห่งชาติ”



ตัว หยิงเซียน

ในช่วงเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ.1991 ทีมออกแบบแห่งชาติได้เดินทางไปโรงเรียนทหารราบฉือเจียจวงเพื่อสอบถามเรื่องความต้องการเกี่ยวกับตัวอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายกับตัวทหารที่เป็นผู้ใช้งานเองเพื่อนำมาปรับใช้และพัฒนาเพิ่มเติม
 
และในช่วงปี ค.ศ.1992 ได้มีการทดสอบปืนเล็กยาวต้นแบบก่อนการผลิตจริงที่โรงเรียนนายร้อยต้าเหลียนโดยมีการทดสอบได้แก่ สถานีการทดสอบการยิงในเวลากลางคืน,สถานีการทดสอบเป้าหมายที่ซ่อนพรางอยู่,สถานีการทดสอบการยิงเป้าหมายเคลื่อนที่บนพื้นดิน,สถานีการทดสอบการยิงในลักษณะตั้งรับ และ สถานีการทดสอบประเมินผลโดยรวม ซึ่งผลทดสอบโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ



ปืนเล็กยาวต้นแบบก่อนการผลิตจริง

ในช่วงเดือน มีนาคม ปี ค.ศ.1994 นายทหารระดับสูงของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้มีการเรียกร้องให้ทีมออกแบบแห่งชาติพัฒนาปืนเล็กยาวรุ่นใหม่ให้เสร็จเร็วๆก่อนที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะคืนเกาะฮ่องกงให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
 
หลังจากที่ทำการวิจัยและพัฒนามานานและในที่สุดในปี ค.ศ.1995 ปืนเล็กยาวจู่โจมแบบบลูพัพก็ได้เผยโฉมออกมาโดยกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ให้ชื่อปืนเล็กยาวจู่โจมแบบบลูพัพชนิดนี้ว่า QBZ-95 โดยตัว QBZ นั้นมาจากคำจีนสามคำคือ Qīng Wŭqì ที่แปลว่าอาวุธเบา Bùqiāng ที่แปลว่าปืนเล็กยาว Zìdòng ที่แปลว่าอัตโนมัติ ส่วนเลข 95 นั้นหมายถึงปีที่ปืนรุ่นนี้เข้าประจำการคือ ปี ค.ศ.1995 กล่าวคือ QBZ เป็นคำศัพท์ที่หมายถึงรุ่นๆต่างของปืนตระกูลนี้เช่น รุ่น ปืนเล็กยาว,ปืนเล็กกล,ปืนเล็กสั้น ดั่งความหมายของคำว่าอาวุธเบาหรือ 轻武器 (Qīng Wŭqì) ในภาษาจีนในส่วนความหมายของคำว่าปืนเล็กยาว 步槍 (Bùqiāng) นั้นหมายถึงว่ารุ่นต่าง ๆ ของปืนตระกูลนี้เช่น รุ่นปืนเล็ก,รุ่นปืนเล็กสั้น ต่างใช้พื้นฐานมาจากรุ่นปืนเล็กยาว ส่วนคำว่า 自動 (Zìdòng) หรือคำว่าอัตโนมัตินั้นหมายถึงทุก ๆ รุ่นของปืนตระกูลนี้มีขีดความสามารถในการยิงโหมดอัตโนมัติ
 
ปืนเล็กยาวจู่โจม QBZ-95 นั้นปรากฏต่อสายตาชาวโลกในปี ค.ศ.1997 หลังจากที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรนั้นคืนฮ่องกงให้กับจีนตอนที่มันปรากฏตัวครั้งแรกทั่วโลกเห็นว่ามันเป็นอาวุธที่ดูทันสมัยเป็นปืนเล็กยาวแบบบลูพัพขนาดกระทัดรัดแต่ความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นแค่การนำระบบของปืนเล็กยาวประจำการในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนก่อนหน้านี้มายัดใส่ในโครงปืนพลาสติกทรงบลูพัพที่ได้พัฒนาโดยคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางโดยได้แนวคิดมาจากคือ ปืนเล็กยาวจู่โจมฟามาสจากฝรั่งเศส และ ปืนเล็กยาวจู่โจมสไตเออร์ เอยูจี ในบรรดาตระกูลของปืนเล็กยาวจู่โจม QBZ-95 นั้นประกอบด้วยปืนหลายๆรุ่นเช่น รุ่นอาวุธสนับสนุนประจำหมู่,รุ่นปืนเล็กสั้น,และรุ่นปืนเล็กยาว ฟังดูแล้วถึงแม้ว่าปืนทุกรุ่นที่กล่าวมาจะเป็นปืนในตระกูลเดียวกัน แต่ปืนทั้งหมดทุกรุ่นนั้นไม่สามารถสลับชิ้นส่วนของอีกรุ่นไปใส่อีกรุ่นได้กล่าวคือมันไม่ใช่ปืนแบบโมลดูล่า ( Moudular) นั่นเอง จีนในช่วงเวลานั้นมีแผนจะกระจายปืน QBZ-95 ไปทั่วโลกโดยก่อนหน้านั้นจีนจะเริ่มประจำการปืนชนิดนี้ในหน่วยรบแนวหน้าก่อน และหลังจากนั้นปืนเล็กยาวชนิดนี้ก็มีการใช้งานในทั้งสามเหล่าทัพของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนและหน่วยงานตำรวจของจีน



ทหารจีนช่วงที่อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่