อ้างถึง
https://pantip.com/topic/39678220
กถํ โสตาวธาเน ปญฺญา สุตมเย ญาณํ - ปัญญาในการเงี่ยโสตสดับธรรม ที่ได้ฟังมาแล้ว ชื่อว่า สุตมยปัญญา
-----------------------------------
-ขออนุญาตก๊อปชื่อกระทู้ของท่านสมาชิกในพันทิพย์นะครับ
-----------------------------------
-และจาก ลุงมอย กัลยาณมิตร ที่กระทู้นี้
-สติ กับ สัมปชัญญะ ต่างกันอย่างไร - Pantip ความเห็นที่ 2-2
---------
ถ้าเราอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าเราเข้าใจ ก็ต้องอธิบายได้สิครับ
เหมือนมีคนมาถามว่า น้ำกับน้ำแข็งต่างกันอย่างไร
เราจะเปิดหนังสือตอบหรือเปล่า
เราไม่ได้เรียนเพื่อไปสอบ เราเรียนเพื่อรู้ตัวเรา
เปลี่ยนสะไตล์เถอะครับ
ขอบคุณที่มาร่วม
ตอบกลับ
ลุงมอย
13 ธันวาคม เวลา 21:52 น.
--------------------------------
-ความคิดเห็นของกระผมบ้างนะครับ
-------------------------------
- หัวข้อ สุตตมเยญานัง ตามอ้างถึงนะครับ แค่หัวข้อตามอ้างถึงที่เป็นพระบาลี และคำแปล ผมก็ใช้เวลาท่องจำได้ไม่นานนะครับ พอละเลยไม่นึกถึงก็ลืม ถ้าจะจำอีกก็ต้องไปท่องอีก และถ้าไม่ให้ลืมเลยก็ต้องท่องสวดทุกวัน (อันนี้ยอมรับความผิดของตนเอง ที่ไม่เชื่อพระอาจารย์บอกให้ท่องไว้เลย)
- คัมภีร์นี้ พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก ท่านเคยบอกไว้ว่า พระอรหันต์ หรือ พระอริยบุคคล ก็ต้องการเรียนคัมภีร์นี้เมื่อเป็นอริยบุคคลแล้ว สำหรับผมเรียนทำไม คำตอบครับ คือเรียนเพื่อเมื่อศึกษาสำเร็จแล้วก็จะได้สามารถมาคุยหรือตอบคำถามต่างๆได้ อ้าวแล้วทำไมให้ความคิดเห็นต่อเพื่อนสมาชิก หรือกัลยาณมิตรในนี้ คำตอบครับ คือ เห็นว่า เรียนผ่านมาแล้ว เช่น เรื่องจิตของลุงมอย เห็น ลุงมอย มีความเชื่อเรื่องจิตอย่างนั้น ครั้นจะอธิบายเอง ผมเองก็ไม่รู้จริง แต่ก๊อปลิ้งยูตู๊บ บทที่ 1 เรื่องจิตไว้ให้ ซึ่งเป็นพระสอนเอง ซึ่งคิดเองเอาว่า น่าจะน่าเชื่อถือที่สุดที่จะทำให้ คนทั่วๆไป ไม่เฉพาะลุงมอยเข้าไปรับฟังสักบทหนึ่ง แล้วถ้าเกิดสนใจขึ้นมา แล้วเกิดศึกษาต่อ กระผมก็จะได้รับอานิสงส์มากมาย ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ
-แต่ถ้าท่านเหล่านั้น ไม่สนใจเลย กระผมก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ว่า ท่านก็แค่บอกทาง ส่วนการจะไปหรือไม่ไปตามทางที่ท่านบอก ก็แล้วแต่บุคคล เพราะบุคคลเป็นอันมากแม้จะได้พบพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่สำเร็จมรรคผลเลยก็เยอะ คำนี้ พระอาจารย์ สมบัติ ท่านก็พูดเองใน บทที่ 21
-กลับมาคิดในมุมกลับ ถ้าเขาเห็นเราแบบเดียวกัน แบบที่ผมเห็นเขา คืออันนี้ก็ (หัวเราะ)ก็จริงนะ
-ก็นึกถึงเรื่อง โทสะ โทสะสมุทัย โทสะนิโรธ โทสะนิโรธคามินีปฏิปทา
-ก็ไปเจอ เพื่อนสมาชิกแปะรูป นกแก้ว มีไมค์จ่อปากพูดอีก คือ อันนี้ก็(หัวเราะ)ก็จริงนะ
-โทสะเกิด ก็รู้ว่า โทสะเกิด แล้วก็พิจารณาว่า จริงตามที่เขาแปะภาพไว้นั่นแหละ เพราะ ยังไม่ได้ไปไหนเลย
------------------------------
-สองประเด็นที่จะสนทนานะครับ
1.เรื่องอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้ คือ หัวข้อตามอ้างถึง 16 หัวข้อย่อยนะครับ ผมก็อ่านผ่านไปแล้ว ฟังผ่านไปแล้ว แต่ก็ย้อนกลับมาลองทำแบบมายแม็ปดู เอาเฉพาะหัวข้อย่อยแรก
1.1 ปัญญาในการทรงจำ ธรรม ที่ได้ฟังมาแล้ว เป็น สุตมยญาน อย่างไร คือ เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ ..ควรรู้ยิ่ง...
-ควรรู้ยิ่ง นี่ใน มหาวรรค ญานกถา มีอีก 54 หัวข้อย่อย เริ่มตั้งแต่หัวข้อย่อยที่ 2 จนจบที่ หัวข้อย่อย 30 จบปฐมภาณวาร ฯ และหัวข้อย่อยที่ 55 จบทุติยภาณวาร ฯ
-หัวข้อย่อยที่สอง ปัญญาอันเป็นเครื่องทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว คือ เป็นเครื่องรู้ชัดซึ่งธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ควรรู้ยิ่ง เป็นสุตมยญาน อย่างไร ธรรมอย่างหนึ่งควรรู้ยิ่งคือ สัตว์ทั้งปวงดำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร จนถึง ธรรม 10 ควรรู้ยิ่งคือ นิชชรวัตถุ(เหตุกำจัดมิจฉาทิฏฐิเป็นต้น)10ฯ
-เรื่อง ธรรม 1 อย่างที่ควรรู้ยิ่งคือ สัตว์ทั้งปวงดำรงอยุ่ได้ด้วยอาหาร ก็นึกได้คร่าวๆว่า ตอนปฏิสนธิ อุปาทะขณะ มี มโนสัญเจตนาหาร เกิดพร้อม คืออันนี้ก็พอได้อยู่ แต่ทว่า ธรรม ๒ ไป จนถึง ธรรม 10 ในนี้บอกเลยว่า ไม่รู้เลย(หัวเราะ)จริงอย่าง ลุงมอยว่า
2.ประเด็นที่สอง สุตมยญาน อย่างไร ตามที่ได้ขอลอกหัวข้อขึ้นมากล่าวบ้าง คำตอบของผมก็คือ ไม่ได้สั้นๆอย่างงั้นครับ น่าจะจบคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคเลยด้วยมั๊ง สำหรับผม อ่านนะครับแค่อ่านนะครับ ยังได้แค่ 1/4 ของพระสุตตันปิฎกเล่มที่ 23 ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรคเอง และแค่หัวข้อย่อยๆตามที่ชี้แจงในข้อ 1.1 นั้น จำได้แค่ ธรรม 1 ประการ จำได้นี่หมายถึง พอรู้นิดๆ หากจะเจาะรายละเอียดก็ต้องไปเปิดสมุดที่บันทึกไว้ ซึ่งก็ยังงงอยู่ว่า มันอยู่เรื่องอะไร และจดไว้ในเล่มไหน
-----------------------------------
สรุป ทีนี้ผมก็มาพิจารณาว่าแล้วผมเรียนไปทำไมเกิดประโยชน์อะไร
- เขาบอกว่าก่อนจะสอนธรรมะให้แก่ใคร ควรศึกษาปฏิสัมภิทามรรค ให้จบก่อน คือ เผื่อบวชเป็นพระนะครับจะได้เอาไว้สอนญาติโยม
- ถ้าปฏิสัมภิทามรรค เป็น เช็คลิสต์ ว่า ตอนนี้เราเดินทางไปสู่จุดหมายอริยมรรค แค่ชั้น โสดาบัน ถึงแค่ไหนแล้ว (หัวเราะอีก) แค่ชั้นตามข้อ 1.1 เพราะทรงจำไว้ได้แค่นั้น
- บางท่านอ่านมาถึงแค่นี้แล้วก็อาจหัวเราะเยาะว่า ผมเข้าใจผิด ผมหลงทาง หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ ที่ผ่านมา 60 ปีก็หลงทางมาตลอดแหละครับ แต่เมื่อเข้าใจว่า หากไม่มีโทสะ อโทสะก็จะไม่สามารถเกิด , หลงทางก็หลงทาง แต่ถ้าเราคิดว่า มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่คนไม่หลงทางไม่อาจพานพบก็เป็นได้ , สามแก่แล้วครับ หลงอีกนิดก็ไม่มีปัญหาใดๆ
- สุตมยญาน ได้แค่นิดๆเดียวเท่านั้นเอง ตามที่กล่าวข้างต้น ตอนนี้ผมนึกว่า ตายแล้วเกิด เกิดแล้วศึกษาพระอภิธรรม ปฏิสัมภิทามรรค ได้ชาติไหน ชาตินั้นก็ถือว่ารอดตัวไป หากเกิดมาแล้วแห้วไม่มีโอกาสได้ศึกษาพระไตรปิฎกเลยน่าจะนานกว่าจะได้เจออีก ก็ว่าไป นะครับ ตามกัมมัสสกตาญาน (เท่าที่รู้)
------------------------------
-อยู่ๆจะรู้แบบพระสารีบุตร ประโยคเดียวบรรลุพระโสดาบัน จากคำสอนพระพุทธเจ้าด้วยปากของพระอัสชิ นี่ ไม่มีวันเป็นไปได้ ถ้าสมองแบบผมอย่างนี้
-การศึกษาพระธรรม ก็เพื่อตนเอง ได้สะสมสิ่งต่างๆที่ดีๆเอาไว้ เรื่อยๆ นะครับ สักวันในกาลข้างหน้า เผื่อได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แล้วพร้อมที่จะฟังธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรมกะเขาบ้าง ก็คงเมื่อนั้นแหละครับ
-ปัจจุบัน พยายามรักษาศีล ไม่ให้เป็น รู ทะลุ ด่าง ขาด ฯ ก็ยังมีรู มีทะลุ มีด่าง อยู่เรื่อยๆ แต่ก็เบากว่าก่อนๆที่ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม แม้จะฟังพระเกจิดังๆมาหมด แต่ก็มาได้พระอภิธรรมนี่แหละที่ทำให้เข้าใจชัดมากกว่าเดิมชัดเจนมากกว่าเดิมและเชื่อมั่นในพระปัญญาของพระพุทธเจ้าและพุทธสาวกหรือสังฆสาวกของท่านในพุทธกาล จาก พระไตรปิฎก
-นั่ง สมถวิปัสสนา บ้าง นั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานบ้าง เดินวิปัสสนากัมมัฏฐานบ้าง ส่วนมากจะในป่าเขา ทั้งที่มีคนเยอะ และบางทีหลายๆครั้งก็คนเดียว(เหมาลาน)ตามที่กางเต็นท์นอนที่ต่างๆ เมื่อนั่งเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั่วหมื่นจักรวาฬและหมื่นโลกธาตุ
-เวลาว่างๆไม่ได้หลงไปใน อกุศลจิต ก็นั่งพิจารณาเรื่องธรรมะที่เรียนมา เปรียบเทียบเรื่องราวของตนเองบ้าง ของคนอื่นบ้างตามข่าวสารทั่วไปที่ปรากกบ้าง (อันนี้น่าจะเรียกว่า ทำปริญญา ได้ )
-การเรียนแม้จะเข้าใจเป็นจุดๆ เป็นประเด็นๆ แต่เมื่อเรียนจบรอบแรกแล้ว ในรอบสองคงจะทำความเข้าใจในภาพกว้างๆต่อไป ในการเรียนปฏิสัมภิทามรรค
-ก็มีความเจริญก้าวหน้าตามสมควรแก่ธรรมแล้วในปัจจุบัน
-อนุโมทนากับทุกท่านที่ทนอ่านมาจนถึงตรงนี้ กระผมก็จะไม่อยากคุยเรื่องอื่น นอกจากเรื่องที่ทำให้บรรลุโสดาปัตติมรรค เท่านั้น พยายามสำรวมกาย สำรวมวาจาสำรวมใจ ทุกขณะที่มีสติให้ตั้งมั่นอยู่ให้ได้ในกุศลจิต แต่ทำอย่างนี้ได้น้อย เผลอไม่รู้ตัวเยอะ แต่ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อนมากมายที่เผลอตลอดวัน
-กราบนมัสการ กราบขอบพระคุณ กัลยาณมิตรทุกท่าน ในนี้ ครับ แต่ละความคิดเห็น จะอย่างใด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ยิ่งต่อตัวผมอย่างมากมายจริงๆ
สุตมยญาณ อย่างไร
กถํ โสตาวธาเน ปญฺญา สุตมเย ญาณํ - ปัญญาในการเงี่ยโสตสดับธรรม ที่ได้ฟังมาแล้ว ชื่อว่า สุตมยปัญญา
-----------------------------------
-ขออนุญาตก๊อปชื่อกระทู้ของท่านสมาชิกในพันทิพย์นะครับ
-----------------------------------
-และจาก ลุงมอย กัลยาณมิตร ที่กระทู้นี้
-สติ กับ สัมปชัญญะ ต่างกันอย่างไร - Pantip ความเห็นที่ 2-2
---------
ถ้าเราอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าเราเข้าใจ ก็ต้องอธิบายได้สิครับ
เหมือนมีคนมาถามว่า น้ำกับน้ำแข็งต่างกันอย่างไร
เราจะเปิดหนังสือตอบหรือเปล่า
เราไม่ได้เรียนเพื่อไปสอบ เราเรียนเพื่อรู้ตัวเรา
เปลี่ยนสะไตล์เถอะครับ
ขอบคุณที่มาร่วม
ตอบกลับ
ลุงมอย
13 ธันวาคม เวลา 21:52 น.
--------------------------------
-ความคิดเห็นของกระผมบ้างนะครับ
-------------------------------
- หัวข้อ สุตตมเยญานัง ตามอ้างถึงนะครับ แค่หัวข้อตามอ้างถึงที่เป็นพระบาลี และคำแปล ผมก็ใช้เวลาท่องจำได้ไม่นานนะครับ พอละเลยไม่นึกถึงก็ลืม ถ้าจะจำอีกก็ต้องไปท่องอีก และถ้าไม่ให้ลืมเลยก็ต้องท่องสวดทุกวัน (อันนี้ยอมรับความผิดของตนเอง ที่ไม่เชื่อพระอาจารย์บอกให้ท่องไว้เลย)
- คัมภีร์นี้ พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก ท่านเคยบอกไว้ว่า พระอรหันต์ หรือ พระอริยบุคคล ก็ต้องการเรียนคัมภีร์นี้เมื่อเป็นอริยบุคคลแล้ว สำหรับผมเรียนทำไม คำตอบครับ คือเรียนเพื่อเมื่อศึกษาสำเร็จแล้วก็จะได้สามารถมาคุยหรือตอบคำถามต่างๆได้ อ้าวแล้วทำไมให้ความคิดเห็นต่อเพื่อนสมาชิก หรือกัลยาณมิตรในนี้ คำตอบครับ คือ เห็นว่า เรียนผ่านมาแล้ว เช่น เรื่องจิตของลุงมอย เห็น ลุงมอย มีความเชื่อเรื่องจิตอย่างนั้น ครั้นจะอธิบายเอง ผมเองก็ไม่รู้จริง แต่ก๊อปลิ้งยูตู๊บ บทที่ 1 เรื่องจิตไว้ให้ ซึ่งเป็นพระสอนเอง ซึ่งคิดเองเอาว่า น่าจะน่าเชื่อถือที่สุดที่จะทำให้ คนทั่วๆไป ไม่เฉพาะลุงมอยเข้าไปรับฟังสักบทหนึ่ง แล้วถ้าเกิดสนใจขึ้นมา แล้วเกิดศึกษาต่อ กระผมก็จะได้รับอานิสงส์มากมาย ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ
-แต่ถ้าท่านเหล่านั้น ไม่สนใจเลย กระผมก็นึกถึงพระพุทธเจ้า ว่า ท่านก็แค่บอกทาง ส่วนการจะไปหรือไม่ไปตามทางที่ท่านบอก ก็แล้วแต่บุคคล เพราะบุคคลเป็นอันมากแม้จะได้พบพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่สำเร็จมรรคผลเลยก็เยอะ คำนี้ พระอาจารย์ สมบัติ ท่านก็พูดเองใน บทที่ 21
-กลับมาคิดในมุมกลับ ถ้าเขาเห็นเราแบบเดียวกัน แบบที่ผมเห็นเขา คืออันนี้ก็ (หัวเราะ)ก็จริงนะ
-ก็นึกถึงเรื่อง โทสะ โทสะสมุทัย โทสะนิโรธ โทสะนิโรธคามินีปฏิปทา
-ก็ไปเจอ เพื่อนสมาชิกแปะรูป นกแก้ว มีไมค์จ่อปากพูดอีก คือ อันนี้ก็(หัวเราะ)ก็จริงนะ
-โทสะเกิด ก็รู้ว่า โทสะเกิด แล้วก็พิจารณาว่า จริงตามที่เขาแปะภาพไว้นั่นแหละ เพราะ ยังไม่ได้ไปไหนเลย
------------------------------
-สองประเด็นที่จะสนทนานะครับ
1.เรื่องอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้ คือ หัวข้อตามอ้างถึง 16 หัวข้อย่อยนะครับ ผมก็อ่านผ่านไปแล้ว ฟังผ่านไปแล้ว แต่ก็ย้อนกลับมาลองทำแบบมายแม็ปดู เอาเฉพาะหัวข้อย่อยแรก
1.1 ปัญญาในการทรงจำ ธรรม ที่ได้ฟังมาแล้ว เป็น สุตมยญาน อย่างไร คือ เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ ..ควรรู้ยิ่ง...
-ควรรู้ยิ่ง นี่ใน มหาวรรค ญานกถา มีอีก 54 หัวข้อย่อย เริ่มตั้งแต่หัวข้อย่อยที่ 2 จนจบที่ หัวข้อย่อย 30 จบปฐมภาณวาร ฯ และหัวข้อย่อยที่ 55 จบทุติยภาณวาร ฯ
-หัวข้อย่อยที่สอง ปัญญาอันเป็นเครื่องทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว คือ เป็นเครื่องรู้ชัดซึ่งธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ควรรู้ยิ่ง เป็นสุตมยญาน อย่างไร ธรรมอย่างหนึ่งควรรู้ยิ่งคือ สัตว์ทั้งปวงดำรงอยู่ได้ด้วยอาหาร จนถึง ธรรม 10 ควรรู้ยิ่งคือ นิชชรวัตถุ(เหตุกำจัดมิจฉาทิฏฐิเป็นต้น)10ฯ
-เรื่อง ธรรม 1 อย่างที่ควรรู้ยิ่งคือ สัตว์ทั้งปวงดำรงอยุ่ได้ด้วยอาหาร ก็นึกได้คร่าวๆว่า ตอนปฏิสนธิ อุปาทะขณะ มี มโนสัญเจตนาหาร เกิดพร้อม คืออันนี้ก็พอได้อยู่ แต่ทว่า ธรรม ๒ ไป จนถึง ธรรม 10 ในนี้บอกเลยว่า ไม่รู้เลย(หัวเราะ)จริงอย่าง ลุงมอยว่า
2.ประเด็นที่สอง สุตมยญาน อย่างไร ตามที่ได้ขอลอกหัวข้อขึ้นมากล่าวบ้าง คำตอบของผมก็คือ ไม่ได้สั้นๆอย่างงั้นครับ น่าจะจบคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคเลยด้วยมั๊ง สำหรับผม อ่านนะครับแค่อ่านนะครับ ยังได้แค่ 1/4 ของพระสุตตันปิฎกเล่มที่ 23 ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรคเอง และแค่หัวข้อย่อยๆตามที่ชี้แจงในข้อ 1.1 นั้น จำได้แค่ ธรรม 1 ประการ จำได้นี่หมายถึง พอรู้นิดๆ หากจะเจาะรายละเอียดก็ต้องไปเปิดสมุดที่บันทึกไว้ ซึ่งก็ยังงงอยู่ว่า มันอยู่เรื่องอะไร และจดไว้ในเล่มไหน
-----------------------------------
สรุป ทีนี้ผมก็มาพิจารณาว่าแล้วผมเรียนไปทำไมเกิดประโยชน์อะไร
- เขาบอกว่าก่อนจะสอนธรรมะให้แก่ใคร ควรศึกษาปฏิสัมภิทามรรค ให้จบก่อน คือ เผื่อบวชเป็นพระนะครับจะได้เอาไว้สอนญาติโยม
- ถ้าปฏิสัมภิทามรรค เป็น เช็คลิสต์ ว่า ตอนนี้เราเดินทางไปสู่จุดหมายอริยมรรค แค่ชั้น โสดาบัน ถึงแค่ไหนแล้ว (หัวเราะอีก) แค่ชั้นตามข้อ 1.1 เพราะทรงจำไว้ได้แค่นั้น
- บางท่านอ่านมาถึงแค่นี้แล้วก็อาจหัวเราะเยาะว่า ผมเข้าใจผิด ผมหลงทาง หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ ที่ผ่านมา 60 ปีก็หลงทางมาตลอดแหละครับ แต่เมื่อเข้าใจว่า หากไม่มีโทสะ อโทสะก็จะไม่สามารถเกิด , หลงทางก็หลงทาง แต่ถ้าเราคิดว่า มันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่คนไม่หลงทางไม่อาจพานพบก็เป็นได้ , สามแก่แล้วครับ หลงอีกนิดก็ไม่มีปัญหาใดๆ
- สุตมยญาน ได้แค่นิดๆเดียวเท่านั้นเอง ตามที่กล่าวข้างต้น ตอนนี้ผมนึกว่า ตายแล้วเกิด เกิดแล้วศึกษาพระอภิธรรม ปฏิสัมภิทามรรค ได้ชาติไหน ชาตินั้นก็ถือว่ารอดตัวไป หากเกิดมาแล้วแห้วไม่มีโอกาสได้ศึกษาพระไตรปิฎกเลยน่าจะนานกว่าจะได้เจออีก ก็ว่าไป นะครับ ตามกัมมัสสกตาญาน (เท่าที่รู้)
------------------------------
-อยู่ๆจะรู้แบบพระสารีบุตร ประโยคเดียวบรรลุพระโสดาบัน จากคำสอนพระพุทธเจ้าด้วยปากของพระอัสชิ นี่ ไม่มีวันเป็นไปได้ ถ้าสมองแบบผมอย่างนี้
-การศึกษาพระธรรม ก็เพื่อตนเอง ได้สะสมสิ่งต่างๆที่ดีๆเอาไว้ เรื่อยๆ นะครับ สักวันในกาลข้างหน้า เผื่อได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แล้วพร้อมที่จะฟังธรรมแล้วได้ดวงตาเห็นธรรมกะเขาบ้าง ก็คงเมื่อนั้นแหละครับ
-ปัจจุบัน พยายามรักษาศีล ไม่ให้เป็น รู ทะลุ ด่าง ขาด ฯ ก็ยังมีรู มีทะลุ มีด่าง อยู่เรื่อยๆ แต่ก็เบากว่าก่อนๆที่ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม แม้จะฟังพระเกจิดังๆมาหมด แต่ก็มาได้พระอภิธรรมนี่แหละที่ทำให้เข้าใจชัดมากกว่าเดิมชัดเจนมากกว่าเดิมและเชื่อมั่นในพระปัญญาของพระพุทธเจ้าและพุทธสาวกหรือสังฆสาวกของท่านในพุทธกาล จาก พระไตรปิฎก
-นั่ง สมถวิปัสสนา บ้าง นั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานบ้าง เดินวิปัสสนากัมมัฏฐานบ้าง ส่วนมากจะในป่าเขา ทั้งที่มีคนเยอะ และบางทีหลายๆครั้งก็คนเดียว(เหมาลาน)ตามที่กางเต็นท์นอนที่ต่างๆ เมื่อนั่งเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั่วหมื่นจักรวาฬและหมื่นโลกธาตุ
-เวลาว่างๆไม่ได้หลงไปใน อกุศลจิต ก็นั่งพิจารณาเรื่องธรรมะที่เรียนมา เปรียบเทียบเรื่องราวของตนเองบ้าง ของคนอื่นบ้างตามข่าวสารทั่วไปที่ปรากกบ้าง (อันนี้น่าจะเรียกว่า ทำปริญญา ได้ )
-การเรียนแม้จะเข้าใจเป็นจุดๆ เป็นประเด็นๆ แต่เมื่อเรียนจบรอบแรกแล้ว ในรอบสองคงจะทำความเข้าใจในภาพกว้างๆต่อไป ในการเรียนปฏิสัมภิทามรรค
-ก็มีความเจริญก้าวหน้าตามสมควรแก่ธรรมแล้วในปัจจุบัน
-อนุโมทนากับทุกท่านที่ทนอ่านมาจนถึงตรงนี้ กระผมก็จะไม่อยากคุยเรื่องอื่น นอกจากเรื่องที่ทำให้บรรลุโสดาปัตติมรรค เท่านั้น พยายามสำรวมกาย สำรวมวาจาสำรวมใจ ทุกขณะที่มีสติให้ตั้งมั่นอยู่ให้ได้ในกุศลจิต แต่ทำอย่างนี้ได้น้อย เผลอไม่รู้ตัวเยอะ แต่ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อนมากมายที่เผลอตลอดวัน
-กราบนมัสการ กราบขอบพระคุณ กัลยาณมิตรทุกท่าน ในนี้ ครับ แต่ละความคิดเห็น จะอย่างใด ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ยิ่งต่อตัวผมอย่างมากมายจริงๆ