Wonder Woman 1984
เป็นหนังภาคต่อจาก Wonder Woman ที่ฉายไปเมื่อปี 2017 โดยในภาคนี้เล่าถึงเรื่องราวในปี 1984 ไดอาน่าในตอนนี้ไม่เหมือนกับเธอที่อ่อนต่อโลกในภาคแรกอีกต่อไป ในตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามนุษย์มีทั้งความดีและความเลวอยู่ในตัว มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะช่วยค้ำจุนโลกนี้ได้ เธอจึงใช้ชีวิตและต่อสู้ในฐานะ Wonder Woman เพื่อปกป้องโลกดั่งที่สตีฟฝากฝังไว้ แต่เธอถึงแม้เธอจะแข็งแกร่งเพียงใด ในใจเธอก็ยังมีความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวที่เธอต้องการ นั่นก็คือสตีฟ แต่วันหนึ่งเมื่อสตีฟที่ควรจะตายไปแล้วได้กลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมกับโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และวายร้ายใหม่ทั้งสอง สุดท้ายแล้ว ‘อุดมคติ’ หรือ ‘ความจริง’ คือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่?
ต้องบอกว่านี่เป็นภาคต่อที่ฉีกไปคนละแนวกับภาคแรกแบบคนละเรื่องเลย ซึ่งส่วนตัวชอบภาคแรกมากกว่า ภาคนี้ถึงแม้จะเพิ่มลูกเล่นและ Fan Service ที่จัดเต็ม แต่กลับไม่สามารถให้ความรู้สึกกลมกล่อมและจรรโลงใจแบบภาคแรกได้ แต่ถึงอย่างนั้น Wonder Woman 1984 ก็มีแนวทางและแก่นเรื่องที่ชัดเจนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและจับต้องได้
ภาคนี้จะไม่ได้เน้นแอคชั่นมากเท่ากับหนังในจักรวาล DCEU เรื่องอื่น แต่จะเน้นไปที่พาร์ทของมนุษย์เป็นสำคัญ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวทางของผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ ที่แปลกใหม่และน่าสนใจ คือพอมาคิดดูดีๆ การที่เลือกมาเวย์นี้ก็ช่วยเสริมความเป็นสัญลักษณ์ ‘ความรัก’ และ ‘ความจริง’ ผ่านตัวละครไดอาน่าได้ดี ไม่ต้องไปแข่งระเบิดภูเขาเผากระท่อมกับ Man of Steel ไม่ต้องเน้นตลกเหมือน Shazam ไม่ต้องแฟนตาซีจ๋าแบบ Aquaman เน้นความเป็นมนุษย์เนี่ยแหละ ง่ายและจับต้องได้ดี โดยเล่าผ่านตัวละครหลักทั้งสาม
โดยในด้านของตัวละครและแก่นเรื่องจะ สปอย เนื้อหาของเรื่องทั้งหมด ใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ไปดูก่อน ส่วนใครที่ดูแล้วลองผ่านแล้วมาคุยกันได้ว่าคิดเหมือนกันไหม
แม็กซ์เวล ลอร์ด และ บาร์บาร่า ตัวแทนของคนที่ยึดติดกับ ‘อุดมคติ’ และ ‘ความฝัน’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แม็กซ์เวลนั้นเป็นคนที่มีความฝันและอุดมการณ์ เราจะเห็น Flashback ของเขาจากบ่วงบาศแห่งความสัตย์จริงว่าวัยเด็กของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ริเริ่มธุรกิจด้วยแรงบวกและมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ เขายังคงเชื่อมั่นเสมอว่าจะเจอทอง แต่เมื่อพบกับความจริงที่มันไม่ได้ง่ายดั่งภาพที่เคยฝันไว้ เขาอับจนหนทางและหันไปพึ่งพาวัตถุโบราณและกลายเป็นคนขายฝัน หลอกคนอื่นไปวันๆ จนสุดท้ายเมื่อสิ่งที่เคยวาดฝันไว้มันได้มาง่ายๆ เขากลับลืมสิ่งสำคัญที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดยิ่งกว่าทองด้วยซ้ำ นั้นก็คือลูกของเขา แม้ในอดีตเขาจะไม่ได้รับความรักจากผู้เป็นพ่อ แต่ในวันที่เขากลายมาเป็นพ่อคนที่ถึงแม้ชีวิตหลังแต่งงานของเขาจะไม่สวยหรู เมียหนีไปมีสามีใหม่ แต่เขาก็ยังรักลูกของเขายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และสุดท้ายก็เป็น ‘ความรัก’ ที่มีต่อลูกเนี่ยแหละ ที่ทำให้แม็กซ์เวลตาสว่างมองเห็น ‘ความจริง’ และจบเรื่องราวทั้งหมดได้

ส่วนบาร์บาร่านั้นเป็นตัวแทนของคนที่ฝันอยากจะเป็นคนอื่น มองไดอาน่าเป็นไอดอลและอยากจะเป็นแบบเธอให้ได้ เมื่อโอกาสมาถึง เธอก็คว้าโอกาสนั้นไว้และไม่ยอมปล่อยมือจากมันทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลาใกล้จะตื่นจากความฝัน เธอปฏิเสธ ‘ความจริง’ ทุกอย่าง ไม่อยากเป็นเหมือนไดอาน่าแล้ว แต่ก็ไม่อยากเป็นตัวเธอคนก่อนด้วย Cheetah จึงเป็นรูปลักษณ์ของการปฏิเสธความจริงทุกอย่าง ที่ถึงแม้ในตอนท้ายเธอจะแพ้ไดอาน่าอยู่แล้ว เธอก็ยังไม่ยอมรับความจริงซะทีจึงจบแบบที่เห็น
ไดอาน่า ตัวแทนของคนที่ยอมรับใน ‘ความจริง’ และสู้ต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถึงแม้เธอจะมีสายเลือดเทพ แต่เธอก็เป็นมนุษย์คนนึง มีรักโลภโกรธหลง เมื่อสตีฟที่เธอเฝ้าฝันถึงได้กลับมาอีกครั้ง เธอไม่มีทางยอมเสียเขาไปอีกแน่นอนแม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่ร่างของสตีฟ แต่เธอก็จะหาทางอื่นเพื่อรั้งสตีฟไว้ แต่โชคยังดีที่ตัวตนของสตีฟในความทรงจำของเธอเป็นคนดีเกินกว่าที่จะรั้งไดอาน่าไว้ เป็นสตีฟเนี่ยแหละที่ทำให้ไดอาน่ายอมรับความจริงและยอมปล่อยมือสตีฟไปในที่สุด โดยซีนที่ไดอาน่ายอมเดินจากสตีฟไป พลังเริ่มกลับมา แผลค่อยๆหายและวิ่งไปโดยที่กล้องไม่จับภาพสตีฟอีกเลย เป็นซีนที่ชอบที่สุดในเรื่องเลย
สรุปแล้ว Wonder Woman 1984 แม้จะไม่กลมกล่อมเท่าภาคแรก แต่ Message ที่เรื่องต้องการจะสื่อนั้นดีมาก เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี เป็นหนังที่ชอบเป็นอันดับ 4 ในจักรวาล DCEU เลย
Wonder Woman สื่อให้เราเห็นว่ามนุษย์เรามีทั้งดีทั้งเลว แต่ ‘ความรัก’ เป็นสิ่งนึงที่ช่วยโอบโลกนี้ไว้ ให้มนุษย์สามารถก้าวเดินต่อไปได้ และถึงแม้โลกนี้จะโหดร้ายเพียงใด ‘ความจริง’ ก็เป็นสิ่งไม่ตาย แม้ฟ้าจะมืดเพียงใดแต่ถ้าเรายังมีความเชื่อมั่นและยอมรับในความจริง พรุ่งนี้ที่สดใสจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
ถ้าสนใจบทความอื่น สามารถไปอ่านได้ที่
https://facebook.com/AUdItReview.th
อ๋อ เรื่องนี้มี Mid Credit ด้วยนะ บอกเลยว่าพีคกว่าหนังทั้งเรื่องอีก เป็นซีนเดียวจริงๆที่ทำให้ผมร้องว้าวได้ 555
[CR] [รีวิว] Wonder Woman 1984 การปะทะกันของ 'อุดมคติ' และ 'ความจริง'
Wonder Woman 1984
เป็นหนังภาคต่อจาก Wonder Woman ที่ฉายไปเมื่อปี 2017 โดยในภาคนี้เล่าถึงเรื่องราวในปี 1984 ไดอาน่าในตอนนี้ไม่เหมือนกับเธอที่อ่อนต่อโลกในภาคแรกอีกต่อไป ในตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่ามนุษย์มีทั้งความดีและความเลวอยู่ในตัว มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะช่วยค้ำจุนโลกนี้ได้ เธอจึงใช้ชีวิตและต่อสู้ในฐานะ Wonder Woman เพื่อปกป้องโลกดั่งที่สตีฟฝากฝังไว้ แต่เธอถึงแม้เธอจะแข็งแกร่งเพียงใด ในใจเธอก็ยังมีความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวที่เธอต้องการ นั่นก็คือสตีฟ แต่วันหนึ่งเมื่อสตีฟที่ควรจะตายไปแล้วได้กลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมกับโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และวายร้ายใหม่ทั้งสอง สุดท้ายแล้ว ‘อุดมคติ’ หรือ ‘ความจริง’ คือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่?
ต้องบอกว่านี่เป็นภาคต่อที่ฉีกไปคนละแนวกับภาคแรกแบบคนละเรื่องเลย ซึ่งส่วนตัวชอบภาคแรกมากกว่า ภาคนี้ถึงแม้จะเพิ่มลูกเล่นและ Fan Service ที่จัดเต็ม แต่กลับไม่สามารถให้ความรู้สึกกลมกล่อมและจรรโลงใจแบบภาคแรกได้ แต่ถึงอย่างนั้น Wonder Woman 1984 ก็มีแนวทางและแก่นเรื่องที่ชัดเจนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและจับต้องได้
ภาคนี้จะไม่ได้เน้นแอคชั่นมากเท่ากับหนังในจักรวาล DCEU เรื่องอื่น แต่จะเน้นไปที่พาร์ทของมนุษย์เป็นสำคัญ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวทางของผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ ที่แปลกใหม่และน่าสนใจ คือพอมาคิดดูดีๆ การที่เลือกมาเวย์นี้ก็ช่วยเสริมความเป็นสัญลักษณ์ ‘ความรัก’ และ ‘ความจริง’ ผ่านตัวละครไดอาน่าได้ดี ไม่ต้องไปแข่งระเบิดภูเขาเผากระท่อมกับ Man of Steel ไม่ต้องเน้นตลกเหมือน Shazam ไม่ต้องแฟนตาซีจ๋าแบบ Aquaman เน้นความเป็นมนุษย์เนี่ยแหละ ง่ายและจับต้องได้ดี โดยเล่าผ่านตัวละครหลักทั้งสาม
โดยในด้านของตัวละครและแก่นเรื่องจะ สปอย เนื้อหาของเรื่องทั้งหมด ใครที่ยังไม่ได้ดู แนะนำให้ไปดูก่อน ส่วนใครที่ดูแล้วลองผ่านแล้วมาคุยกันได้ว่าคิดเหมือนกันไหม
แม็กซ์เวล ลอร์ด และ บาร์บาร่า ตัวแทนของคนที่ยึดติดกับ ‘อุดมคติ’ และ ‘ความฝัน’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไดอาน่า ตัวแทนของคนที่ยอมรับใน ‘ความจริง’ และสู้ต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปแล้ว Wonder Woman 1984 แม้จะไม่กลมกล่อมเท่าภาคแรก แต่ Message ที่เรื่องต้องการจะสื่อนั้นดีมาก เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี เป็นหนังที่ชอบเป็นอันดับ 4 ในจักรวาล DCEU เลย
Wonder Woman สื่อให้เราเห็นว่ามนุษย์เรามีทั้งดีทั้งเลว แต่ ‘ความรัก’ เป็นสิ่งนึงที่ช่วยโอบโลกนี้ไว้ ให้มนุษย์สามารถก้าวเดินต่อไปได้ และถึงแม้โลกนี้จะโหดร้ายเพียงใด ‘ความจริง’ ก็เป็นสิ่งไม่ตาย แม้ฟ้าจะมืดเพียงใดแต่ถ้าเรายังมีความเชื่อมั่นและยอมรับในความจริง พรุ่งนี้ที่สดใสจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
ถ้าสนใจบทความอื่น สามารถไปอ่านได้ที่
https://facebook.com/AUdItReview.th
อ๋อ เรื่องนี้มี Mid Credit ด้วยนะ บอกเลยว่าพีคกว่าหนังทั้งเรื่องอีก เป็นซีนเดียวจริงๆที่ทำให้ผมร้องว้าวได้ 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้