นินทาเมีย

กระทู้สนทนา
นินทาเมีย...?

ราสส์ กิโลหก

ณ สำนักงานราชการแห่งหนึ่ง 

นาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝาผนังบอกเวลา 16.30 น.เป็นเวลาเลิกการทำงาน  เจ้าหน้าที่ต่างจัดเก็บของใช้ประจำตัวเพื่อเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนทุกวัน  
 
.แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่มีความคิดที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ  เพราะพวกเขามีภารกิจ ที่สำคัญกว่าการกลับบ้านไปหาลูกเมีย.
 
นั่นคือการตั้งวงสังสรรค์ เฮฮาตามเคย..
 
แหล่งมั่วสุมคือ ข้างสำนักงาน 

สมาน ซึ่งกำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน หมดภารกิจในหน้าที่ราชการแล้ว สูดลมหายใจเข้าปอดแสดงอาการสบายใจ เขายื่นหน้าไปทางพรรคพวกหน้าเดิมที่เตร่อยู่ภายในห้องทำงาน

“ เลิกงานแล้ว วันนี้เอาไง ? เหมือนเดิมนะจ๊ะ” 
 
พูดจบพร้อมเอามือลูบเคราแพะของตัวเองด้วยความเคยชิน ก่อนหันหน้าไปมอง พี่เบิ้มช่างรุ่นพี่ซึ่งกำลัง เก็บของอยู่บนโต๊ะทำงาน

“ได้ เลย..ยย ๆ”ช่าง เบิ้มพูด

“ที่เก่าเวลาเดิม ของแบบนี้ไม่ต้องดัดจริตถาม” ช่างเบิ้มยังพูดซ้ำ

อ้ายสอนภารโรงหน้าทะเล้นประจำสำนักงาน กำลังเดินขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดตามหน้าที่ ในมือของมันถือถุงดำและไม้กวาดอาวุธประจำกาย มันรู้งานรู้เวลา เพราะเรื่องแบบนี้มีเป็นประจำทุกวันไม่มีขาดเป็นภารกิจสำคัญสุด  และอานิสงจะตกมาถึงท้องว่างๆของมันทุกครั้ง ..ก่อนแสดงถึงจิตอาสาเหมือนเคย

“จดรายการ มาด่วน เดี๋ยวม้าเร็วจัดการซื้อมาให้ครับเจ้านาย ” 

น้าแน๊ก ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะทำงานหน้าห้องน้ำ กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ประกาศก้อง เราขอลงขันด้วยพร้อมควักเงินที่รีดจนแบน ออกมาจากกระเป๋าสตางค์ 
 
“ อ้ายสอน มารับเงิน บัดเดี๋ยวนี้” อ้ายสอนโกย 100 เมตรเข้าหาทันที

สมานลุ้นในใจนึกว่าเป็นแบงก์ 500 พอเห็นเป็นแบงก์ 100 ถอนหายใจดังเฮือก ! นึกในใจว่า เป็นอย่างนี้ประจำเลยนะคุณ แน๊ก !  
 
“ค้ากำไรเกินควรหรือเปล่า ? น้า ”  บ่นเบาๆ   

น้าแน๊กดันหูดีได้ยินแว่วๆ

“ เมียให้มาใช้วันละร้อย”  พร้อมทำหน้าเศร้าเหมือนถูกเมียรังแก 
 
“อ้ายคม เอาด้วยเปล่า วะ !” 
 
เสี่ยหมานหันหน้าไปทางประตูหน้าห้อง ตะโกนบอก อ้ายคมหรือ นายสังคม บางคนเรียกสังคังก็มี

ขณะที่เสียงจากทีวีเครื่องใหญ่ขนาด 24 นิ้วซึ่งตั้งอยู่ข้างผนังของอาคาร มีรายการสัมภาษณ์นักวิชาการท่าทางตุ๊ดๆทีมีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองไทย กำลังจีบปากจีบคอ พล่ามถึงการปฏิบัติตัวของวัยรุ่น ที่พ่อแม่ต่างปวดหัวกับพฤติกรรมของบุตรหลาน

หล่อนชี้มือยกขึ้นส่ายไปมา 
 
“เพราะอะไรหรือ ฮ๊า ! ก็เพราะสังคมมันเลว สังคมมันชั่ว สังคมมันบัดซบ” เสียงที่หล่อนพูดแสดงถึงความหนักแน่นชัดเจน

นายสังคมของเราหันไปมองที่หน้าจอทีวี ตาเขียวปัด 
 
“นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่อที่ตายไปแล้ว กรูจะไปเปลี่ยนชื่อที่อำเภอพรุ่งนี้เลย !” 
ก่อนหันไปทางสมานเพื่อรัก
 
“เอาด้วยเพื่อน ! ขอลงขันด้วยความโมโห 300 บาท” ควักเงินจากกระเป๋าแล้วเดินไปหาเสี่ยหมานที่โต๊ะ แต่ไม่วายหันหน้าไปมองค้อนที่ หน้าจอทีวีเครื่องใหญ่ซึ่งนักวิชาการตุ๊ดยังพูดไม่หยุด

“พี่รีบกลับบ้านหรือเปล่า ?” เสี่ยหมานหันไปหา พี่รัช หรือนายวิรัชช่างรุ่นพี่ซึ่งกำลังเดินมาพอดี

รุ่นพี่ของ น้าหมาน ไม่พูดจาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าปึกเบ้อเริ่ม อ้ายสอนจอมเอือก เตร่เข้ามาเพื่อลุ้นว่า จะดึงแบงก์อะไรออกมา 
น้าแก เอามือกรีดเงินเล่นแล้วเลือกใบที่เก่าที่สุดชักออกมาดังพรืด พอเห็นเป็นแบงก์ 500 อ้ายสอนตะโกนลั่นห้องด้วยความลืมตัว
 
“ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ ๆๆ คิดเงินให้ได้ เงิน คิดทองให้ได้ทองๆๆ” พร้อมยกไม้กวาดยกขึ้นเหนือหัวชูไปมา.

“อ้ายสอน ! อ้ายเวน ! นั่นไม้กวาดกวาดพื้นนะโว้ย ! ” พี่เบิ้มของเราที่นั่งอยู่ใกล้ๆตะคอกใส่

อ้ายสอนลดไม้กวาดลงทำตัวย่อๆ ยิ้มแหยๆ หันไปทางเสี่ยเบิ้ม

“ โอ้ ! ลูกพี่ ! รู้จักชื่อเล่นผมด้วย”

พร้อมกระโดดหนีออกไป

พวกที่อยู่ในห้องหัวเราะกันด้วยความสนุกกับลีลาของอ้ายสอนจอมกวน

“อ้ายสอน เอ็งอย่าทะลึ่งมากมานี่ ! รีบไปรีบมา ใจของข้ามันไปขวดเหล้าแล้ว"

 ครึ่งชั่วโมงต่อมา

“มาแล้ว คร๊าบบๆๆๆ มาแล้วๆๆๆ” เสียงอ้ายสอนตะโกนดังมาก่อน ทั้งที่ยังไม่เห็นตัว

ทั้งมือซ้ายและมือขวา หอบหิ้วถุงพลาสติกซึ่งแต่ละถุงบรรจุทั้งขวดเหล้าขวดโซดา น้ำแข็ง ลาบหมู ลูกชิ้นทอด ถั่วทอด และตั๊กแตนทอดอันหลังแปลกปลอมเข้ามาไม่มีใครสั่ง.

เจ้าสอน ภารโรงตัวแสบ เอาของทั้งหมดวางที่โต๊ะใหญ่ตัวหนึ่ง จัดเรียงให้เป็นวงกลม เอากระติกมาใส่น้ำแข็งหลอดจนเต็ม

“แก็ง ๆๆ...ได้เวลากันแล้ว อาวุธและกระสุนพร้อมแล้วครับ..ท่านๆๆ” เจ้าสอนเอามือป้องปาก 

สมาชิกต่างทยอยเดินมานั่งกันพร้อมหน้า โดยเจ้าภารโรงหน้าทะเล้นเป็นผู้บริการชงเหล้าอยู่ข้างวง

“เฮ้ย ! ข้าขอน้ำแข็งหน่อย เอาก้อนที่เย็นๆนะโว๊ย !” ช่างเบิ้มพูด พร้อมยื่นแก้วเหล้าให้อ้ายสอน

“ครับ ผม ! เย็นแน่นอนครับท่าน ผมอมดูแล้ว” มันทะลึ่ง

สังคม ซึ่งอารมณ์ดีขึ้นหลังจากโดนพิธีกรในทีวีด่าเมื่อตอนเย็น  หันไปมองเห็นตั๊กแตนทอด ทำท่างงๆ แล้วหันหน้ามาทาง อ้ายสอน

“สอน ตั๊กแตนทอดใคร สั่งซื้อ วะ! ไม่เคยมีใครกินนี่หว่า” 

“ ได้มาฟรีๆลูกพี่” มันพูดด้วยความภาคภูมิใจในการที่ได้ของฟรีมา

“ทำไมเขาให้มาฟรีๆ แพงนะเนี่ย ” สังคมพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบตั๊กแตนทอดตัวเขื่อง ขึ้นมาหยิบใส่ปาก

“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ! ผมเดินผ่านหน้าร้าน เจ้าของเค้าบอกว่าอยากกินก็เอาไปกิน ซะ ! เพราะกำลังจะเอาไปทิ้ง”
 
“โธ่  ไอ้ เวน สอน”

เสี่ยสังคมรีบคายซากตั๊กแตนทอดออกจากปากแทบไม่ทัน 

“แล้ว  เอ็ง เอามาทำไม” 

คนอื่นๆรับลูกหันไปรุมด่า เจ้าภารโรงจอมงกกันระงม โทษฐานชักศึกเรียกมะเร็งเข้าวงเหล้า. มันไม่เถียงซักคำ รีบไปยกจานตั๊กแตนทอดออกมาจากวงเหล้า แต่ยังไม่วายบ่นเบาๆคนเดียว

“ทำดี ได้ชั่ว”

ช่างแน๊ก นั่งอยู่ข้างได้ยินไม่ค่อยชัดหันหน้าไปถามว่า

“ว่าอะไร นะ !”

อ้ายสอนสะดุ้งออกลายกะล่อนทันที 
 
“ เปล่าครับ  ลืมซื้อถั่วลูกพี่”

มันถือจานตั๊กแตนทอดเดินออกไปทิ้ง ออกปากตะโกนเรียกเพื่อนๆของมันสองตัวที่เตร่ๆอยู่แถวนั้น เหมือนรู้ภาษาว่าจะมีของกิน พากันวิ่งมาหา แสดงอาการกระดิกหางกันจนก้นบิดไปมา

พอเทตั๊กแตนทอด อาหารที่ไม่พึงปรารถนาลงพื้น เจ้าสองตัววิ่งเข้าหาทันที อ้ายสอนคิดในใจว่าคนไม่เห็นความดี อย่างน้อยหมาเห็นความดีบ้างก็ยังดี

ปรากฏว่าแม้แต่สุนัขก็ยังไม่แล พวกมันมาดมๆแล้วก็เดินจากไปแบบไม่หันกลับมามอง

อ้ายสอนตะโกนเรียกอีกมันก็ไม่แลมา เจ้าภารโรงยิ้มไม่ออก เอาจานเคาะหัว พร้อมบ่นกับตัวเอง

“ กรู นี่ โง่กว่าหมาอีก เน้อ ! เวรกรรม” 

พลพรรคขี้เหล้ากินกันไปคุยกันไป เวลาล่วงเลยไปถึง 2 ทุ่ม จนเหล้าหมดไป 1 กลมใหญ่ ดีกรีกำลังแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย ความกล้าหาญวิ่งเข้าสู่จิตใจ มหกรรมนินทาเมียกำลังจะเริ่ม คนที่โดนเมียกดขี่ข่มเหง ตอนที่ไม่เมาก็ทนได้ ไม่ปริปากพูด แต่ขณะนี้เริ่มเห็นช้างเป็นหมู..
 
“เมียผม นังนี่  ! มันจุ้นจ้านจริงๆ นะ เพ่ ! ” 

นายสังคัง เอ๊ย สังคม หันไปพูดกับ พี่รัช ช่างรุ่นพี่ พร้อม เอามือดึงชายเสื้อออกมาจากขอบกางเกง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว หน้าตาตอนนี้แดงก่ำ

“ทำไม วะ! เพื่อน” เสี่ยหมาน อดถามไม่ได้

“มันชอบถามว่า ไปไหนมา ? จะทำมายย..วะ ! จะไปไหนมาไหนมันหนักหัวใครหรือไง ?” 
 
น้าสังฯของเรา ทำเป็นพูดจาใหญ่โต

พร้อมกับแฉประวัติของเมีย

“มันเป็นใคร ? มาจากไหน? ญาติก็ไม่ใช่ พี่น้องก็ไม่ใช่ ” 
 
ซัดเหล้าเข้าปากเกือบครึ่งแก้วด้วยอารมณ์แค้น

“เออ ! จริงด้วย ตอนยังไม่เป็นเมีย พูดค่อยๆ เสียงเพราะเหมือนระฆังเงิน ไม่ไหลเป็นน้ำตกเหมือนเดี๋ยวนี้” 
 
น้าแน๊กเริ่มผสมโรงรายนี้ได้เมียเด็กอายุอ่อนกว่าถึง 18 ปีแต่เรื่องฝีปากน่าเกินอายุ

“เมียผมก็แย่ ! พี่วิรัช !” 
 
เสี่ยหมานมือซ้ายถือแก้วเหล้า มือขวายกยกขึ้นมาโบกไปมาเกือบโดนหน้าเสี่ยเบิ้ม

“แย่ยังไง? มันกัดเอาหรือไง ?” พี่รัชแหย่เล่น.

“ไม่แย่ได้..งาย...พี่ !”

“เดี๋ยวประชุม ! เดี๋ยวประชุม ! ไม่รู้ประชุมอะไรกันนักหนา มันเห็นเจ้านายดีกว่าผัว” 
 
เสี่ยหมานเอามือตบโต๊ะด้วยความน้อยใจ เมียเสี่ยหมานเป็นข้าราชการกรมกรมพัฒนาชุมชน และมาปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่จังหวัดเดียวกับที่สามี
เสี่ยหมานยังอารมณ์ค้าง

“ตอนออกจากบ้านจะไปทำงาน หน้างี้บานแฉ่ง ไอ้โครงการอะไรของเค้า อ้อ ! โครงการเยี่ยมบ้านยามเย็น ไปมันทุกเย็น ไปสนใจเยี่ยมแต่ชาวบ้าน แต่บ้านตัวเองไม่สนใจ ฮ่าๆๆๆๆ พี่ว่ามันตลกมั๊ย ! จะบ้าตาย.”

อ้ายสอนฟังแล้วคันปาก
 
เสนอหน้าพูดมั่ง 
 
“ เมียข้า ! เอ๊ย ขอโทษครับ”มันยกมือไหว้รอบวงคงลืมตัวไปหน่อย

“ผมไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อน กินเพลินจนดึก เมียผมรออยู่บ้านไม่ไหวอุ้มลูกอายุแค่ 3 เดือนไปตามผมถึงบ้านเพื่อน” 
 
หยุดจิบเหล้าเป็นพิธี

“มันเดินไปตามแต่ไม่ยอมเข้าไปในวงเหล้า ดันไปแอบอยู่ที่ดงกล้วยตานีข้างๆวงเหล้า ไปยืนอุ้มลูกอยู่ในความมืด เพื่อนผมปวดเยี่ยวเดินเข้าไปเยี่ยว จ๊ะเอ๋ ! เข้าเต็มรัก นึกว่าผีนางตานี วิ่งออกมาป่าราบน้ำเยี่ยวเปรอะไปหมด หายเมาเป็นปลิดทิ้ง จริงๆนะลูกพี่ ! ไม่ใช่โม้นะครับ” 
 
มันทำเสียงเหมือนสมรักษ์ คำสิงห์

“อ้ายสอน ! เอ็งหันไปมองที่หลังคา ซิ ! ไปดูว่ามันอยู่บนหลังคา ป่าว..ว กลัวเมียเอ็งเป็นแม่นาค ว่ะ” 
 
น้าสัง แซว

ส่วนอาจารย์ ไฝ ซึ่งเป็นช่างที่อาวุโสที่สุดในกลุ่ม รูปร่างผอมหน้าแหลมๆ มีหนวดงามที่ริมฝีปาก เหนือหนวดมีไฝเม็ดเขื่อง มองเห็นได้ชัด เสียงแหลมๆเหมือนคนทางระยอง

แกเอ่ยเสียงแหลมๆออกมา.

“อ้าย เวนเอ๊ย ! เมียข้า ซิ มัน ! แสบ”

“แสบไง ? พี่” พวกในวงเหล้าถาม

“คืนหนึ่ง เมาเละจนไม่รู้เรื่องกลับมาบ้านเกือบ ตี 2 ถึงบ้านหิวข้าว เมียก็จัดสำรับข้าวให้กิน มันใจดีเอาเหล้ามาตั้งบน 
โต๊ะให้อีก เสร็จแล้วมันรีบกลับไปนอนเฉยเลยปล่อยให้ข้านั่งอยู่คนเดียว” 

อาจารย์ไฝทำท่าผะอืดผะอม

“เมียใจดีขนาดนี้ ยังไม่ดีอีกหรือ พี่ !” อ้ายสอนสงสัย

“ใจดี เตี่ยเอ็ง ดิ ! กรูอ๊วกเกือบตาย ยังแสบคอไม่หาย”
 
“ ใครบีบคอ ลูกพี่” ใครคนหนึ่งถาม

อาจารย์ไฝขึ้นเสียงแหลมปรี๊ด. 
 
“บีบกะผีอะไร ก็เหล้าที่มันเอามาให้กิน”
 
อาจารย์ไฝ  หยุดพูดไปเฉยๆ
 
พวกเผือกทั้งหลาย พากันอยากรู้
 
“ก็เวนเอ๊ย ! มันไม่ใช่เหล้า เป็นน้ำปลาตราพระอ้วนเกือบครึ่งขวด”
 
“อีเวน” 
 
เสียงดังลั่น ไม่รู้แกด่าใคร เพราะนั่งก้มหน้า..
 
                                      ***************************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่