
จีนเฮ! เก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นประเทศที่ 3 ของโลก
วันที่ 17 ธ.ค. 2563 เวลา 10:51 น.
ยานสำรวจดวงจันทร์ 'ฉางเอ๋อ-5' ของจีนกลับถึงโลกพร้อมตัวอย่างจากดวงจันทร์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 01.59 น. ตามเวลาท้องถิ่น ยานสำรวจดวงจันทร์ไร้คนขับ "ฉางเอ๋อ-5" ของประเทศจีนได้เดินทางกลับสู่โลกพร้อมเก็บตัวอย่างหินบนดวงจันทร์มาได้สำเร็จ ส่งผลให้จีนเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่สามารถนำตัวอย่างหินบนดวงจันทร์กลับมายังโลกได้
องค์การอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) เผยว่าแคปซูลบรรจุตัวอย่างหินบนดวงจันทร์ที่ยานฉางเอ๋อ-5 เก็บมาได้ลงจอดบนทะเลทรายในเขตปกครองตนเอง
มองโกเลีย ทางตอนเหนือของประเทศจีน พร้อมตัวอย่างหินและดินประมาณ 2 กิโลกรัม ที่เก็บมาจากบริเวณที่เรียกว่า "แอ่งมหาสมุทรพายุ" ในพื้นที่ทางตะวันตกของดวงจันทร์
หลังจากนี้ตัวอย่างดังกล่าวจะถูกส่งไปยังปักกิ่งเพื่อศึกษาวิเคราะห์ต่อไป พร้อมกันนี้นักวิทยาศาสตร์จีนกำลังร่างแผนสำหรับการสำรวจดวงจันทร์ในอนาคต โดยหวังว่าจะมีการร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างสถานีวิจัยดวงจันทร์ระหว่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ยานสำรวจฉางเอ๋อ-5 ได้ลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มภารกิจเก็บตัวอย่างหินบนดวงจันทร์และนำกลับมายังโลกเพื่อทำการศึกษาค้นคว้าต่อไป
https://twitter.com/i/status/1339296678495469568

ประเทศไทยพร้อมไหมกับการไปดวงจันทร์?

หลายประเทศตบเท้าลงสนามเทคโนโลยีอวกาศ ไทยพร้อมแล้วหรือยัง?
หลายประเทศกำลังลงแข่งขันกันในสนามเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงประเทศไทยซึ่งเพิ่งแง้มมาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่ารัฐบาลกำลังเตรียมประกาศการผลิตยานอวกาศ โดยคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า ยานอวกาศไทยจะได้ไปโคจรรอบดวงจันทร์
ท่ามกลางความสงสัยถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว หลายคนจะมองว่านี่เป็นการพัฒนาที่น่ายินดี แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอีกหลายคนที่มองว่ายังมีปัญหาใกล้ตัวภายในประเทศอีกมากที่ต้องการการเยียวยาแก้ไขมากกว่าการไปดวงจันทร์
ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวสำเร็จไทยจะสามารถไปโลดแล่นรอบดวงจันทร์เป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ถัดจากจีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และอินเดีย
โดยอินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยมีองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation-ISRO) ซึ่งทำงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอินเดีย
โดยได้มียานอวกาศ "จันทรายาน-1" และ "จันทรายาน-2" เป็นยานอวกาศที่มีเป้าหมายขึ้นไปสำรวจบนดวงจันทร์ นอกจากนี้ภายในปี 2021 ยังได้มีเป้ามหายที่จะส่ง "จันทรายาน-3" ตามขึ้นไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อินเดียเป็นประเทศที่ไม่ได้มีงบประมาณมากเมื่อเทียบกับสหรัฐ, รัสเซีย หรือจีน และยังคงมีปัญหาภายในประเทศอีกหลายด้านที่รอการปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค, การคมนาคม, ความยากจน, สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ แต่รัฐบาลอินเดียก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านเทคโนโลยีอวกาศ
แม้ว่าจะดูเหมือนเกินตัว แต่การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจด้านอวกาศและยังคงได้รับผลตอบที่ดีจากประชาชนเมื่อได้เห็นความสำเร็จของอินเดียที่ได้ไปโลดแล่นบนอวกาศ
สำหรับญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองในด้านเทคโนโลยีอวกาศ โดยมีองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (Japan Aerospace Exploration Agency-JAXA) ซึ่งทำการวิจัยพัฒนา และส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยมีภารกิจที่เสร็จสิ้นแล้วกว่า 10 ภารกิจ รวมถึงการมีส่วนร่วมในภารกิจอื่นๆ อาทิ การสำรวจดาวเคราะห์น้อย และภารกิจการส่งมนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์ เป็นต้น
โดยญี่ปุ่นได้มีภารกิจส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์เมื่อปี 2007 โดยยานอวกาศที่ชื่อว่า "เซลีนี" รวมระยะเวลาปฏิบัติภารกิจทั้งสิ้น 1 ปี 8 เดือน การส่งยานอวกาศครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการส่งยานอวกาศของโครงการสำรวจดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดรองจากโครงการอะพอลโล
อีกหนึ่งสิ่งที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญคือการให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมกับนานาชาติ เช่นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ส่งนักบินอวกาศเข้าร่วมในภารกิจของ SpaceX เพื่อมุ่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติเป็นครั้งแรก และยังมีแผนที่จะเข้าร่วมภารกิจกับนาซาและส่งนักบินอวกาศญี่ปุ่นขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์อีกด้วย
อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีที่ทั่วโลกยอมรับ มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีกมาก ขณะเดียวกันการพัฒนาในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม, สิ่งแวดล้อม รวมถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชนก็สามารถทำได้ดี หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการพัฒนาทั้งในโลกและนอกโลกไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น การที่โครงการของไทยจะถูกตั้งคำถามถึงความพร้อมและความเป็นไปได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะยังมีเรื่องในประเทศที่ต้องจัดการอีกมาก แต่หากสามารถทำแล้วปังได้เหมือนกับอินเดียก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งต่อประเทศไทย
https://www.posttoday.com/world/640411?utm_source=posttoday.com&utm_medium=article_relate_inread&utm_campaign=new article
ก่อนอื่นขอปรบมือให้จีนค่ะ.....
ตอนเป็นเด็กรู้สึกมีความตื่นเต้นมากที่ไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองครั้งแรก นั่งมองดาวบนท้องฟ้าเป็นเหมือนฝันไป
อยากบินไปในอวกาศเพื่อชมดาวที่กระพริบๆให้ใกล้ๆมากที่สุด
ตอนนี้เด็กๆไทยคงมีความหวังจะได้เห็นความก้าวหน้าทางด้านอวกาศของไทยในอนาคต อาจได้บินไปรอบโลก
เรื่องธรรมชาติเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด แต่เรามองข้ามไป ไม่เห็นความสำคัญ เอาแต่ปากท้องอิ่มไว้ก่อนเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่ตัวเองจะได้
ที่โลกเปลี่ยนไปจากมนุษย์ถ้ำ มาเป็นมนุษย์คอนโดมีเนียม ก็เกิดจากการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เจริญจนไม่น่าเชื่อที่เห็นความเปลี่ยนแปลงราวกับอยู่คนละโลก
ถ้านายกฯคนไหนทำได้คือ มีนโยบายสร้างจรวดสร้างยานอวกาศไปรอบโลกไปลงบนดวงจันทร์ จะรอวันนั้นจะเทคะแนน จะช่วยหาเสียงให้ค่ะ
พูดจริงนะคะ....
🔶️จีนเฮ ! เก็บตัวอย่างจากดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นประเทศที่ 3 ของโลก..ประเทศไทยพร้อมไหมกับการไปดวงจันทร์?
วันที่ 17 ธ.ค. 2563 เวลา 10:51 น.
ยานสำรวจดวงจันทร์ 'ฉางเอ๋อ-5' ของจีนกลับถึงโลกพร้อมตัวอย่างจากดวงจันทร์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 01.59 น. ตามเวลาท้องถิ่น ยานสำรวจดวงจันทร์ไร้คนขับ "ฉางเอ๋อ-5" ของประเทศจีนได้เดินทางกลับสู่โลกพร้อมเก็บตัวอย่างหินบนดวงจันทร์มาได้สำเร็จ ส่งผลให้จีนเป็นประเทศที่ 3 ของโลกที่สามารถนำตัวอย่างหินบนดวงจันทร์กลับมายังโลกได้
องค์การอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) เผยว่าแคปซูลบรรจุตัวอย่างหินบนดวงจันทร์ที่ยานฉางเอ๋อ-5 เก็บมาได้ลงจอดบนทะเลทรายในเขตปกครองตนเอง
มองโกเลีย ทางตอนเหนือของประเทศจีน พร้อมตัวอย่างหินและดินประมาณ 2 กิโลกรัม ที่เก็บมาจากบริเวณที่เรียกว่า "แอ่งมหาสมุทรพายุ" ในพื้นที่ทางตะวันตกของดวงจันทร์
หลังจากนี้ตัวอย่างดังกล่าวจะถูกส่งไปยังปักกิ่งเพื่อศึกษาวิเคราะห์ต่อไป พร้อมกันนี้นักวิทยาศาสตร์จีนกำลังร่างแผนสำหรับการสำรวจดวงจันทร์ในอนาคต โดยหวังว่าจะมีการร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างสถานีวิจัยดวงจันทร์ระหว่างประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ยานสำรวจฉางเอ๋อ-5 ได้ลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มภารกิจเก็บตัวอย่างหินบนดวงจันทร์และนำกลับมายังโลกเพื่อทำการศึกษาค้นคว้าต่อไป
https://twitter.com/i/status/1339296678495469568
หลายประเทศกำลังลงแข่งขันกันในสนามเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงประเทศไทยซึ่งเพิ่งแง้มมาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่ารัฐบาลกำลังเตรียมประกาศการผลิตยานอวกาศ โดยคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า ยานอวกาศไทยจะได้ไปโคจรรอบดวงจันทร์
ท่ามกลางความสงสัยถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าว หลายคนจะมองว่านี่เป็นการพัฒนาที่น่ายินดี แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอีกหลายคนที่มองว่ายังมีปัญหาใกล้ตัวภายในประเทศอีกมากที่ต้องการการเยียวยาแก้ไขมากกว่าการไปดวงจันทร์
ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวสำเร็จไทยจะสามารถไปโลดแล่นรอบดวงจันทร์เป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ถัดจากจีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และอินเดีย
โดยอินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยมีองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation-ISRO) ซึ่งทำงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอินเดีย
โดยได้มียานอวกาศ "จันทรายาน-1" และ "จันทรายาน-2" เป็นยานอวกาศที่มีเป้าหมายขึ้นไปสำรวจบนดวงจันทร์ นอกจากนี้ภายในปี 2021 ยังได้มีเป้ามหายที่จะส่ง "จันทรายาน-3" ตามขึ้นไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อินเดียเป็นประเทศที่ไม่ได้มีงบประมาณมากเมื่อเทียบกับสหรัฐ, รัสเซีย หรือจีน และยังคงมีปัญหาภายในประเทศอีกหลายด้านที่รอการปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค, การคมนาคม, ความยากจน, สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ แต่รัฐบาลอินเดียก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านเทคโนโลยีอวกาศ
แม้ว่าจะดูเหมือนเกินตัว แต่การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจด้านอวกาศและยังคงได้รับผลตอบที่ดีจากประชาชนเมื่อได้เห็นความสำเร็จของอินเดียที่ได้ไปโลดแล่นบนอวกาศ
สำหรับญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองในด้านเทคโนโลยีอวกาศ โดยมีองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (Japan Aerospace Exploration Agency-JAXA) ซึ่งทำการวิจัยพัฒนา และส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร โดยมีภารกิจที่เสร็จสิ้นแล้วกว่า 10 ภารกิจ รวมถึงการมีส่วนร่วมในภารกิจอื่นๆ อาทิ การสำรวจดาวเคราะห์น้อย และภารกิจการส่งมนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์ เป็นต้น
โดยญี่ปุ่นได้มีภารกิจส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์เมื่อปี 2007 โดยยานอวกาศที่ชื่อว่า "เซลีนี" รวมระยะเวลาปฏิบัติภารกิจทั้งสิ้น 1 ปี 8 เดือน การส่งยานอวกาศครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการส่งยานอวกาศของโครงการสำรวจดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดรองจากโครงการอะพอลโล
อีกหนึ่งสิ่งที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญคือการให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมกับนานาชาติ เช่นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ส่งนักบินอวกาศเข้าร่วมในภารกิจของ SpaceX เพื่อมุ่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติเป็นครั้งแรก และยังมีแผนที่จะเข้าร่วมภารกิจกับนาซาและส่งนักบินอวกาศญี่ปุ่นขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์อีกด้วย
อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีที่ทั่วโลกยอมรับ มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอีกมาก ขณะเดียวกันการพัฒนาในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม, สิ่งแวดล้อม รวมถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชนก็สามารถทำได้ดี หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการพัฒนาทั้งในโลกและนอกโลกไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น การที่โครงการของไทยจะถูกตั้งคำถามถึงความพร้อมและความเป็นไปได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะยังมีเรื่องในประเทศที่ต้องจัดการอีกมาก แต่หากสามารถทำแล้วปังได้เหมือนกับอินเดียก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งต่อประเทศไทย
https://www.posttoday.com/world/640411?utm_source=posttoday.com&utm_medium=article_relate_inread&utm_campaign=new article
ก่อนอื่นขอปรบมือให้จีนค่ะ.....
ตอนเป็นเด็กรู้สึกมีความตื่นเต้นมากที่ไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองครั้งแรก นั่งมองดาวบนท้องฟ้าเป็นเหมือนฝันไป
อยากบินไปในอวกาศเพื่อชมดาวที่กระพริบๆให้ใกล้ๆมากที่สุด
ตอนนี้เด็กๆไทยคงมีความหวังจะได้เห็นความก้าวหน้าทางด้านอวกาศของไทยในอนาคต อาจได้บินไปรอบโลก
เรื่องธรรมชาติเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่สุด แต่เรามองข้ามไป ไม่เห็นความสำคัญ เอาแต่ปากท้องอิ่มไว้ก่อนเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่ตัวเองจะได้
ที่โลกเปลี่ยนไปจากมนุษย์ถ้ำ มาเป็นมนุษย์คอนโดมีเนียม ก็เกิดจากการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เจริญจนไม่น่าเชื่อที่เห็นความเปลี่ยนแปลงราวกับอยู่คนละโลก
ถ้านายกฯคนไหนทำได้คือ มีนโยบายสร้างจรวดสร้างยานอวกาศไปรอบโลกไปลงบนดวงจันทร์ จะรอวันนั้นจะเทคะแนน จะช่วยหาเสียงให้ค่ะ
พูดจริงนะคะ....