สวัสดีค่ะกระทู้นี้อาจจะยาวสักนิดนะคะ
เริ่มจากทำไมถึงเป็นทอมทั้งที่ไม่ได้อยากเป็น เราเป็นผู้หญิงมาตลอดจนถึง ม.3 ช่วงนั้นก็มีแฟนที่เป็นผู้ชายมาก่อนค่ะ คบกันหลายปีแล้วก็เลิกกัน เสียใจมากจนเป็นโรคกลัวผู้ชายก็ว่าได้ ไม่เข้าใกล้หลีกเลี่ยงเรียกว่าเกลียดผู้ชายไปเลยในช่วงนั้น
หลังจากนั้นต้องมาเรียนไกลบ้าน ด้วยปัญหาที่ไม่อยากจะให้ผู้ชายเข้ามาในชีวิต เลยตัดสินใจเป็นทอมจะเรียกว่าทอมก็ไม่ได้เต็มปาก ไม่เคยพูดครับไม่เคยทำตัวกร่างหรือทำแบบที่คนที่เป็นทอมในสายเลือดเขาทำกันเลย ไม่เคยแต่งตัวเลียนแบบผู้ชาย แต่จะเป็นคนที่แต่งตัว กางเกงยีนเสื้อยืดชิวๆ แบบฮิปๆมากกว่า และเรียกว่าเป็นผู้หญิงผมสั้นที่ค่อนข้างอ่อนน้อมด้วยซ้ำ พูดเพราะทำตัวเรียบง่าย
แต่ตอนนั้นสังคมก็ให้ชื่อเรียกเราว่า ทอม มาตลอด เพราะด้วยเพศสภาพตอนนั้น การตัดสินใจให้ชื่อเรียกว่า “ทอม” ของสังคม ทำให้เกิดคำถามจากคนใกล้ตัวที่เป็นทอม ว่ามีแฟนมั้ย? เคย....กับแฟนหรือยัง ด้วยที่มีคำถามประมาณนี้เข้ามาทุกวันเป็นปีๆ จนรู้สึกเบื่อที่จะตอบเลยเริ่มเปิดใจจริงจังกับผู้หญิง เพื่อเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม ใช่ค่ะหลังจากนั้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงคนแรก คบกันมานาน 5-6ปี แต่ระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาคุยแต่เราไม่เคยให้สถานะอะไรกับใครได้นอกจากคนนี้
เราเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทั้งชีวิตมีแฟนมาแค่ 2 คนนี่คือเรื่องจริง ไม่รวมคนที่คุยแล้วให้สถานะไม่ได้นะคะ ระหว่างที่คบกับผู้หญิงคนนี้ เราจริงจังและจริงใจมาตลอด ทำทุกอย่างในการลองเป็นผู้นำ จนเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมากๆ แต่เราก็พยายามประคองมันให้ดีมาตลอด เราคบกับคนนี้ตอนประมาณ ม.5 จนเข้ามหาลัยปีที่4 อยู่ด้วยกันทุกวันจนหลังๆก็เริ่มห่างกันทีละนิด ในตลอดเวลาที่คบกันจนเราเข้ามหาลัยก็มีผู้ชายคนที่เราพูดถึงอยู่ด้วยกันเหมือนเส้นขนานมาตลอด
เราใช้ชีวิตกับแฟนผู้หญิง และใช้ชีวิตพร้อมๆไปกับรุ่นพี่ที่แอบชอบคนนี้ เราเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เบื่อ และเรามองว่าเรื่องของ “Sex” สำหรับเรากับผู้หญิงมันเป็นเรื่องที่แปลก แต่ไม่ใช่ว่าช่วงเวลานั้นมันไม่มีความสุขนะคะ มีความสุขตามอารมณ์นั้น แต่แค่เราคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่สำหรับเรา แต่ก็ทำและอยู่กับมันมาได้หลายปี
จนเรื่องนี้มันกลายเป็นสาเหตุให้แฟนของเราไปมีคนอื่นค่ะ ตอนนั้นรู้สึกเคว้งจริงๆค่ะ เสียใจมากร่วมกับการที่เราเป็นโรคซึมเศร้า เราพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งตั้งแต่เริ่มคบกับแฟนคนนี้ เริ่มทำร้ายตัวเองในจุดที่จะไม่มีใครมองเห็น เอาบุหรี่จี้แขนตัวเอง กรีดต้นขาหน้าอก เริ่มกินอะไรที่มันกินไม่ได้ เก็บตัว เป็นคนที่คิดวิธีฆ่าตัวตายตลอดเวลา
***แต่ระหว่างที่เรามีอาการแบบนี้ คนที่อยู่ข้างเรากลับเป็นผู้ชายคนนึงค่ะ เขาเข้ามาตั้งแต่เราเข้ามหาลัยปี1 เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย เจอกันครั้งแรกเรารู้สึกว่าเรารู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกที่เหมือนรู้จักกันมานาน เคยถามเขาเขาก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน เราสนิทกันมากค่ะ จนยอมรับเลยว่าเราชอบเขาตั้งแต่วันแรก เรามีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน การใช้ชีวิตทุกอย่าง แต่เขาน่าจะไม่ได้คิดว่าชอบหรืออะไรกับเราคงเพราะด้วยเพศสภาพของเรา เขาให้สถานะของเราคือ “น้องสาว” ค่ะ เราอยู่ด้วยกันแทบทุกวันที่มหาลัย หรือเวลาเราต้องการใครก็จะเป็นเขาเสมอค่ะ ที่เต็มใจจะมาอยู่เป็นเพื่อน ทุกครั้งที่รู้สึกดาวน์จากโรคหรือเสียใจมากๆ เขาไม่เคยรังเกียจที่จะเข้ามากอดเลยค่ะ ต่อให้เรานอนร้องให้เป็นชั้วโมงเขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ
เราใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในชีวิตของกันและกันจนเขาเรียนจบค่ะ ตอนนั้นเสียใจมากคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีก อาการของซึมเศร้าก็รุนแรงเหมือนเดิม แต่ผิดคาดค่ะ เขาเรียนจบมีงานทำแต่เขาก็ยังคงวนกลับมาหา แต่ไม่ใช่แค่เรานะคะ เขาก็กลับมาหาน้องๆคนอื่นๆของเขาด้วย แต่มันทำให้เราประทับใจเขาขึ้นไปอีก จนเราคิดเลยเถิดไปคนเดียว ว่าเรารักเขา ยิ่งเลิกกับแฟนผู้หญิงแล้วมีเขาอยู่ในช่วงเวลาหลังจากนั้นมาตลอด เราเลยหวั่นไหวมากค่ะ จากชอบก็กลายเป็นรัก อยากจะทำทุกอย่างให้เขาได้รับแต่สิ่งดีๆไม่ต้องเสียใจกับอะไร แต่ก็ย้ำกับตัวเองเสมอเลยว่าเราจะต้องเป็นน้องสาวที่เขาภูมิใจที่สุด ถึงแม้มันจะเจ็บมากก็ตาม
ด้วยความรักของน้องคนนี้เลยทำให้เราทำทุกอย่างให้เขาค่ะ เวลาเขาเสียใจร้องให้เราก็อยู่ตรงนั้นเสมอ เป็นคนที่ไม่ต้องกลัวว่าจะหายไปไหนเพราะหันไปก็เจอค่ะ ทำทุกอย่างจนเหมือนเป็นพี่น้องในสายเลือด ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน แทบทั้งหมดเราเป็นคนทำก็ว่าได้ค่ะ ทุกอย่างทำเพราะรักจริงๆ เราคุยกันทุกเรื่องในชีวิตจริงๆค่ะ ทุกวันในวันสำคัญของกันและกัน เราอวยพรและจบด้วยคำว่ารักเสมอค่ะ
เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย และเป็นคนดีมากค่ะ นั้นยิ่งทำให้เรารักเขามากขึ้นไปอีก แต่เขาก็มีแฟนนะคะ ตั้งแต่เราอยู่ใช้ชีวิตของเรามาเขามีแฟนมาหลายคนแต่ก็คบได้แค่แปปๆ เราเสียใจมากเวลาเห็นเขาต้องร้องให้หรือเสียใจกับเรื่องทุกอย่าง เวลาเขาคุยกับใครหรือชอบใครเขาก็จะให้เรารับรู้ค่ะ แต่ทุกครั้งเราก็แอบร้องให้ค่ะ แต่จะอารมณ์ดีเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าเขาค่ะ จะต้องเข้มแข็ง ไม่แสดงด้านอ่อนแอ เพราะเราไม่อยากให้เขารู้สึกหรือรู้ว่าเรารักเขาค่ะ เพราะเรากลัวว่าเขาจะหายไป เราทำใจไม่ได้ ขออยู่เป็นน้องสาวจำเป็นแบบนี้ต่อไปคงดีที่สุด
เขาพาเราเข้าหาครอบครัวของเขาทั้งที่แฟนหลายคนของเขาไม่ได้โอกาศ เราก็พาเขามาทำความรู้จักครอบครัวของเราเหมือนกันค่ะ เขาเคยมานอนค้างบ้านเรา เราเคยนอนร่วมห้องกับพ่อแม่ของเขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่เราอยากรักษาไว้ที่สุดเลยค่ะ ถึงจะได้เป็นแค่น้องสาว เพราะเรารักเขามากขนาดนี้แล้วมันทำให้เรานึกย้อนไปก่อนที่จะเปลี่ยนเพศสภาพเป็นแบบนี้ ว่าถ้าเรายังคนเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้สะสวยอะไร เราอาจจะได้รักกันมั้งคะ
****เรื่องนี้เลยกำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเราตอนนี้ค่ะ เราอยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ กลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่ต้องมีสังคมมาคอยกำหมดเพศอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าอยากจะเปลี่ยนเพื่อเขาเป็นหลักนะคะ แต่อยากจะเปลี่ยนเพราะเพื่อตัวเองค่ะ ตอนนี้เรียนจบแล้ว เลยคิดว่าอยากจะให้มันเป็นจุดเปลี่ยนไปเลย เรายังมีความต้องการที่จะเป็นแม่ใครสักคนอยู่ค่ะ เพราะเราพิสูจน์แล้วว่าเราไม่สามารถเป็นเสาหลักให้ผู้หญิงคนไหนได้ แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการก้าวข้ามครั้งนี้ มันไม่ใช่ตัวเราเองจริงๆค่ะ แต่มันเป็นทัศนคติของคนในสังคมที่มันตัดสินเรา จนทำให้เรารู้สึกเหนื่อยอยู่แบบนี้
ทุกคนคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ กระทู้นี้ยาวหน่อยแต่ขอบคุณสำหรับพื้นที่นี้และคนที่อ่านจนจบนะคะ
อยากเริ่มใหม่ด้วยการกลับไปเป็นผู้หญิง เพราะแอบชอบผู้ชายคนนึง ในระหว่างที่เราเลิกกับแฟนละเป็นโรคซึมเศร้า :(
เริ่มจากทำไมถึงเป็นทอมทั้งที่ไม่ได้อยากเป็น เราเป็นผู้หญิงมาตลอดจนถึง ม.3 ช่วงนั้นก็มีแฟนที่เป็นผู้ชายมาก่อนค่ะ คบกันหลายปีแล้วก็เลิกกัน เสียใจมากจนเป็นโรคกลัวผู้ชายก็ว่าได้ ไม่เข้าใกล้หลีกเลี่ยงเรียกว่าเกลียดผู้ชายไปเลยในช่วงนั้น
หลังจากนั้นต้องมาเรียนไกลบ้าน ด้วยปัญหาที่ไม่อยากจะให้ผู้ชายเข้ามาในชีวิต เลยตัดสินใจเป็นทอมจะเรียกว่าทอมก็ไม่ได้เต็มปาก ไม่เคยพูดครับไม่เคยทำตัวกร่างหรือทำแบบที่คนที่เป็นทอมในสายเลือดเขาทำกันเลย ไม่เคยแต่งตัวเลียนแบบผู้ชาย แต่จะเป็นคนที่แต่งตัว กางเกงยีนเสื้อยืดชิวๆ แบบฮิปๆมากกว่า และเรียกว่าเป็นผู้หญิงผมสั้นที่ค่อนข้างอ่อนน้อมด้วยซ้ำ พูดเพราะทำตัวเรียบง่าย
แต่ตอนนั้นสังคมก็ให้ชื่อเรียกเราว่า ทอม มาตลอด เพราะด้วยเพศสภาพตอนนั้น การตัดสินใจให้ชื่อเรียกว่า “ทอม” ของสังคม ทำให้เกิดคำถามจากคนใกล้ตัวที่เป็นทอม ว่ามีแฟนมั้ย? เคย....กับแฟนหรือยัง ด้วยที่มีคำถามประมาณนี้เข้ามาทุกวันเป็นปีๆ จนรู้สึกเบื่อที่จะตอบเลยเริ่มเปิดใจจริงจังกับผู้หญิง เพื่อเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม ใช่ค่ะหลังจากนั้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงคนแรก คบกันมานาน 5-6ปี แต่ระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาคุยแต่เราไม่เคยให้สถานะอะไรกับใครได้นอกจากคนนี้
เราเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทั้งชีวิตมีแฟนมาแค่ 2 คนนี่คือเรื่องจริง ไม่รวมคนที่คุยแล้วให้สถานะไม่ได้นะคะ ระหว่างที่คบกับผู้หญิงคนนี้ เราจริงจังและจริงใจมาตลอด ทำทุกอย่างในการลองเป็นผู้นำ จนเรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมากๆ แต่เราก็พยายามประคองมันให้ดีมาตลอด เราคบกับคนนี้ตอนประมาณ ม.5 จนเข้ามหาลัยปีที่4 อยู่ด้วยกันทุกวันจนหลังๆก็เริ่มห่างกันทีละนิด ในตลอดเวลาที่คบกันจนเราเข้ามหาลัยก็มีผู้ชายคนที่เราพูดถึงอยู่ด้วยกันเหมือนเส้นขนานมาตลอด
เราใช้ชีวิตกับแฟนผู้หญิง และใช้ชีวิตพร้อมๆไปกับรุ่นพี่ที่แอบชอบคนนี้ เราเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เบื่อ และเรามองว่าเรื่องของ “Sex” สำหรับเรากับผู้หญิงมันเป็นเรื่องที่แปลก แต่ไม่ใช่ว่าช่วงเวลานั้นมันไม่มีความสุขนะคะ มีความสุขตามอารมณ์นั้น แต่แค่เราคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่สำหรับเรา แต่ก็ทำและอยู่กับมันมาได้หลายปี
จนเรื่องนี้มันกลายเป็นสาเหตุให้แฟนของเราไปมีคนอื่นค่ะ ตอนนั้นรู้สึกเคว้งจริงๆค่ะ เสียใจมากร่วมกับการที่เราเป็นโรคซึมเศร้า เราพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งตั้งแต่เริ่มคบกับแฟนคนนี้ เริ่มทำร้ายตัวเองในจุดที่จะไม่มีใครมองเห็น เอาบุหรี่จี้แขนตัวเอง กรีดต้นขาหน้าอก เริ่มกินอะไรที่มันกินไม่ได้ เก็บตัว เป็นคนที่คิดวิธีฆ่าตัวตายตลอดเวลา
***แต่ระหว่างที่เรามีอาการแบบนี้ คนที่อยู่ข้างเรากลับเป็นผู้ชายคนนึงค่ะ เขาเข้ามาตั้งแต่เราเข้ามหาลัยปี1 เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย เจอกันครั้งแรกเรารู้สึกว่าเรารู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกที่เหมือนรู้จักกันมานาน เคยถามเขาเขาก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน เราสนิทกันมากค่ะ จนยอมรับเลยว่าเราชอบเขาตั้งแต่วันแรก เรามีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน การใช้ชีวิตทุกอย่าง แต่เขาน่าจะไม่ได้คิดว่าชอบหรืออะไรกับเราคงเพราะด้วยเพศสภาพของเรา เขาให้สถานะของเราคือ “น้องสาว” ค่ะ เราอยู่ด้วยกันแทบทุกวันที่มหาลัย หรือเวลาเราต้องการใครก็จะเป็นเขาเสมอค่ะ ที่เต็มใจจะมาอยู่เป็นเพื่อน ทุกครั้งที่รู้สึกดาวน์จากโรคหรือเสียใจมากๆ เขาไม่เคยรังเกียจที่จะเข้ามากอดเลยค่ะ ต่อให้เรานอนร้องให้เป็นชั้วโมงเขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ
เราใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในชีวิตของกันและกันจนเขาเรียนจบค่ะ ตอนนั้นเสียใจมากคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีก อาการของซึมเศร้าก็รุนแรงเหมือนเดิม แต่ผิดคาดค่ะ เขาเรียนจบมีงานทำแต่เขาก็ยังคงวนกลับมาหา แต่ไม่ใช่แค่เรานะคะ เขาก็กลับมาหาน้องๆคนอื่นๆของเขาด้วย แต่มันทำให้เราประทับใจเขาขึ้นไปอีก จนเราคิดเลยเถิดไปคนเดียว ว่าเรารักเขา ยิ่งเลิกกับแฟนผู้หญิงแล้วมีเขาอยู่ในช่วงเวลาหลังจากนั้นมาตลอด เราเลยหวั่นไหวมากค่ะ จากชอบก็กลายเป็นรัก อยากจะทำทุกอย่างให้เขาได้รับแต่สิ่งดีๆไม่ต้องเสียใจกับอะไร แต่ก็ย้ำกับตัวเองเสมอเลยว่าเราจะต้องเป็นน้องสาวที่เขาภูมิใจที่สุด ถึงแม้มันจะเจ็บมากก็ตาม
ด้วยความรักของน้องคนนี้เลยทำให้เราทำทุกอย่างให้เขาค่ะ เวลาเขาเสียใจร้องให้เราก็อยู่ตรงนั้นเสมอ เป็นคนที่ไม่ต้องกลัวว่าจะหายไปไหนเพราะหันไปก็เจอค่ะ ทำทุกอย่างจนเหมือนเป็นพี่น้องในสายเลือด ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน แทบทั้งหมดเราเป็นคนทำก็ว่าได้ค่ะ ทุกอย่างทำเพราะรักจริงๆ เราคุยกันทุกเรื่องในชีวิตจริงๆค่ะ ทุกวันในวันสำคัญของกันและกัน เราอวยพรและจบด้วยคำว่ารักเสมอค่ะ
เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย และเป็นคนดีมากค่ะ นั้นยิ่งทำให้เรารักเขามากขึ้นไปอีก แต่เขาก็มีแฟนนะคะ ตั้งแต่เราอยู่ใช้ชีวิตของเรามาเขามีแฟนมาหลายคนแต่ก็คบได้แค่แปปๆ เราเสียใจมากเวลาเห็นเขาต้องร้องให้หรือเสียใจกับเรื่องทุกอย่าง เวลาเขาคุยกับใครหรือชอบใครเขาก็จะให้เรารับรู้ค่ะ แต่ทุกครั้งเราก็แอบร้องให้ค่ะ แต่จะอารมณ์ดีเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าเขาค่ะ จะต้องเข้มแข็ง ไม่แสดงด้านอ่อนแอ เพราะเราไม่อยากให้เขารู้สึกหรือรู้ว่าเรารักเขาค่ะ เพราะเรากลัวว่าเขาจะหายไป เราทำใจไม่ได้ ขออยู่เป็นน้องสาวจำเป็นแบบนี้ต่อไปคงดีที่สุด
เขาพาเราเข้าหาครอบครัวของเขาทั้งที่แฟนหลายคนของเขาไม่ได้โอกาศ เราก็พาเขามาทำความรู้จักครอบครัวของเราเหมือนกันค่ะ เขาเคยมานอนค้างบ้านเรา เราเคยนอนร่วมห้องกับพ่อแม่ของเขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่เราอยากรักษาไว้ที่สุดเลยค่ะ ถึงจะได้เป็นแค่น้องสาว เพราะเรารักเขามากขนาดนี้แล้วมันทำให้เรานึกย้อนไปก่อนที่จะเปลี่ยนเพศสภาพเป็นแบบนี้ ว่าถ้าเรายังคนเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้สะสวยอะไร เราอาจจะได้รักกันมั้งคะ
****เรื่องนี้เลยกำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเราตอนนี้ค่ะ เราอยากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ กลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่ต้องมีสังคมมาคอยกำหมดเพศอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าอยากจะเปลี่ยนเพื่อเขาเป็นหลักนะคะ แต่อยากจะเปลี่ยนเพราะเพื่อตัวเองค่ะ ตอนนี้เรียนจบแล้ว เลยคิดว่าอยากจะให้มันเป็นจุดเปลี่ยนไปเลย เรายังมีความต้องการที่จะเป็นแม่ใครสักคนอยู่ค่ะ เพราะเราพิสูจน์แล้วว่าเราไม่สามารถเป็นเสาหลักให้ผู้หญิงคนไหนได้ แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการก้าวข้ามครั้งนี้ มันไม่ใช่ตัวเราเองจริงๆค่ะ แต่มันเป็นทัศนคติของคนในสังคมที่มันตัดสินเรา จนทำให้เรารู้สึกเหนื่อยอยู่แบบนี้
ทุกคนคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ กระทู้นี้ยาวหน่อยแต่ขอบคุณสำหรับพื้นที่นี้และคนที่อ่านจนจบนะคะ