เครียดมากกับชีวิตความรักตอนนี้ ที่ครอบครัวเรากับไม่ถูกกัน

เรากับแฟนอายุ 28 เท่ากัน เราคบกับแฟน มาปีนี้ย่างเข้าปีที่ 7 ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีปี 3 เรากับแฟนรักกันมากๆ แฟนเป็นคนดีมากๆ เสมอต้นเสมอปลาย ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่เคยนอกใจหรือทำให้เราไม่มั่นใจหรือระแวงใดๆ ไม่มีความเจ้าชู้ใดๆ แฟนเราชอบธรรมมะ เรียนเก่ง ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนวางแผนชีวิต เก็บเงินได้ดีมากๆ พ่อแม่ต่างฝ่ายต่างรับรู้ว่าเราคบกัน โดยต่างฝ่ายต่างพาไปบ้านไปรู้จักครอบครัว แต่ครอบครัวของเราทั้ง 2 ฝ่ายนั้นไม่เคยได้มาเจอพูดคุยกัน  เราทั้ง 2 คนตั้งใจเรียนมากและได้เกียรตินิยม อันดับ 2 ทั้ง 2 คน แต่คนละมหาวิทยาลัย

    หลังจากเราเรียนจบ แฟนเราเป็นวิศวะ ส่วนเราเป็นพยาบาล เราคบกันได้ดี รักกันดีมาตลอด ชีวิตมีความสุขมากๆ เราต่างมาเติมเต็มชีวิตกันและกัน เมื่อเราทำงานจบมาได้ 2 ปีกว่า (ปี 2559) ครอบครัวทางเราอยากให้เราแต่งงาน หรือหมั้น เราก็คุยกับแฟนเรา แฟนเราก็ไปคุยกับพ่อแม่เขา และนัดวันกันกินข้าวเพื่อตกลงพูดคุยเรื่องหมั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ครอบครัวเรา 2 ฝ่ายพูดไม่เข้าใจกัน เกิดการทะเลาะกันใหญ่หลวง หลังจากที่ได้นัดไปกินข้าวกัน มีการโทรด่ากัน เรื่องนี้มันทำให้เรา 2 คนเครียดมากสุดในชีวิต ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น เรา 2 คนต่างร้องไห้ เจ็บมาก ไม่อยากเลิกกันทั้งที่ยังรักกันมาก พ่อแม่ของเราเองตอนแรกก็โกรธมากจะให้เราเลิกกับแฟน พ่อแม่แฟนเราสงสารเรา 2 คน เค้ามาหาเราที่คอนโด ก็ไม่ได้บังคับให้เราเลิกกัน ให้เรา 2 คนตัดสินใจ ต่อมาพ่อแม่เราเองเค้าก็ยินยอมให้เราคบกันต่อ เพราะเห็นเรา 2 คนรักกันและเห็นว่าแฟนเราเป็นคนดี คอยดูแลเราได้  เรื่องราวก็ได้ดำเนินผ่านไป งานหมั้นถูกยกเลิก  
     ในหลังจากนั้น พ่อแม่เราทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยังมีการพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น  คือยังมี อารมณ์โกรธอยู่เรื่อย ๆ แต่เรา 2 คนก็คิดว่าเวลาผ่านไปอาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้น  ความโกรธกันมันคงลดลง ในระหว่างนั้นเรา 2 คนก็ยังคงคิดมากอยู่ตลอดกลัวปัญหาที่จะเกิดในอนาคตอีก ถ้าเราต้องแต่งงาน  กลัวว่าการแต่งงานจะไม่ได้เกิดขึ้น ผญทั้ง 2 ฝ่ายไม่ยินยอม  
       เวลาผ่านมา ประมาณ 4 ปี  ก็ได้มีพูดคุยเรื่องงานแต่งกันไว้บ้าง ทางพ่อแม่เราก็ได้พูดคุยกับแฟนเราเรื่องค่าสินสอด แฟนเราเก็บเงินเตรียมค่าสินสอด เตรียมค่าแต่งงาน เรื่องราวก็เหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับครอบครัวเราเอง คุยกันแล้วว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ในวันแต่งงานก็จะพูดคุยกับพ่อแม่ฝ่ายชายตามปกติ เพราะเห็นแก่ลูก แต่เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องทำการแต่งงาน เรา 2 คนคุยกันว่าจะแต่งงานประมาณปลายปี 2564 และเพื่อไม่อยากให้กิดปัญหาเช่นเดิมอีก ผญทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต้องคุยตกลงกันเรื่องงานแต่ง ปล่อยเป็นหน้าที่เรากับแฟน 2 คนเป็นคนประสานบริหารจัดการ เพื่ออยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย happy ไม่เกิดปัญหา  และกะว่าจะเรา 2 คนจะเข้าไปพูดคุยเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจังกัน +ไปสวัสดีปีใหม่ ในช่วงปีใหม่กับพ่อแม่แฟน 
         และแล้วปัญหานี้มันได้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง พ่อแม่แฟน เริ่มตกงานเพราะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แฟนเรามีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ต้องส่งให้ครอบครัว สำหรับเรื่องนี้เราไม่เคยที่จะขัดขวางใดๆทั้งสิ้น มีแต่สนับสนุนให้แฟนตอบแทนพระคุณพ่อแม่ตั้งแต่ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เรากลับเป็นคนพยายามพูดให้แฟนคอยพาพ่อแม่ไปเที่ยว ไปทานข้าวบ้าง กราบไว้ท่านบ้าง บอกรักท่านบ้าง แต่ด้วยที่แฟนเราเป็นลูกชาย ก็กลับเขินอายที่จะแสดงความรัก เราก็พยายามพูดให้เขาทำอยู่เสมอตลอดมา แฟนก็เริ่มคิดมาก เครียดเรื่องหาเงิน เพราะตั้งใจจะเก็บเงินแต่งงาน เตรียมเงินไว้สำหรับอนาคต วางแผนชีวิตอนาคต เผื่อมีลูก มีเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เราก็คอยให้กำลังใจ แต่มีบางทียอมรับว่าก็อาจมีเอาแต่ใจในบางเรื่องไป  😰 
        อยู่มาเรื่อยๆ แฟนก็เข้าทางธรรมะมากขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยชอบอยู่แล้ว ชอบฟังเทศน์ ชอบดูหนังที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า นั่งสมาธิ ในส่วนนี้เราไม่เคยห้ามใดๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาประพฤติดี แฟนเราเค้าทำแล้วเกิดความสุข จนมาวันนึงเมื่อไม่นาน แฟนได้ลองถามเราว่า ถ้าชีวิตในภายภาคหน้าอยากบวชตลอดชีวิต เราจะทำใจรับได้ไหม เราก็ว่าแฟนเราไปว่าเธอริดจะทิ้งลูกทิ้งครอบครัวไปได้อย่างไร แต่แฟนเราก็พูดมาว่า ก็อาจเป็นยามเริ่มแก่เฒ่า เริ่มชรา เรื่องนี้ยอมรับว่าเราใจแคบเกินไป เรากลับโวยวายทะเลาะกับเขา ว่าเราจะแต่งงานกันอยู่แล้วทำไมมาพูดแบบนี้ ทำไมเห็นแก่ตัว  แฟนเรารู้สึกผิดมาก เค้ายอมรับว่าก็เค้าเห็นแก่ตัวจริงๆ ที่จิตใจเค้าลังเล อยากไปบวชตลอดชีวิต และเราก็เลยบอกไปว่า ยังดีที่มาบอกก่อนแต่งงาน ถ้ามีลูกไปแล้วเค้าคงรับไม่ได้ แฟนเราก็บอกว่ามันคงไม่ใช่ตอนนี้ คงเป็นช่วงชีวิตบั้นปลาย เราก็เสียใจมาก เราก็ยังยืนยันว่ารับไม่ได้
         เลยพูดบอกเค้าเหมือนขอเลิก เค้าก็บอกว่ามันเร็วไปไหมที่จะต้องเลิกกันเลย ที่เค้าพูดขึ้นแค่อยากถามความคิดเห็นจากเรา และแล้วแฟนเราเค้าก็ร้องไห้เสียใจ ที่ทำให้เราเองเสียใจ เราก็กลับไล่เขาให้กลับไปบ้าน แฟนเราเป็นห่วงเรามากได้แต่ถามว่าจากนี้เราจะอยู่ได้ใช่ไหม เราก็ตอบว่าเราต้องอยู่ให้ได้ ก่อนไปเค้าขอกอดและบอกว่าเค้ายังรักเราเสมอ เค้าก็นั่งกอดเรา จับมือเราอยู่นาน ด้วยความโกรธ เราก็พูดย้ำไล่ให้เค้ากลับบ้านไป และแล้วแฟนเราก็เก็บของกลับบ้านไป เราเสียใจมากร้องไห้โฮเลย
        หลังจากที่แฟนกลับไปเราเคว้งคว้างมาก แค่คิดว่าจะอยู่คนเดียวหลังจากนี้ ก็คิดว่าอยู่ไม่ไหว เราร้องไห้ตลอดเวลา เพราะผูกพันธ์กันมาก ผ่าสอะไรด้วยกันมาเยอะ ทั้งทุกข์และสุข เมื่อแฟนถึงบ้านของเขา เข้าก็ได้บอกครอบครัวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  และเคารพการตัดสินใจของเรา 2 คน ผ่านไปไม่นาน เราคิดถึงเค้ามาก ไม่อยากเสียเค้าไป เลยโทรถามว่าเค้าถึงบ้านหรือยัง พ่อและแม่ว่าอย่างไรบ้าง สรุปแฟนเราก็เล่าว่าก็ได้คุยกับครอบครัวไป เรื่องเหตุผลที่เลิกกัน พร้อมทั้งพูดคุยถึงความเครียดในเรื่องต่างๆ  เราก็บอกแฟนเราตามตรงว่าเราอยู่ไม่ได้จากนี้ถ้าไม่มีเขาอยู่ เราทำใจยอมรับได้กรณีชีวิตบั้นปลายแฟนเราอยากบวช  อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนแรกแฟนเรายืนยันว่าไม่อยากทำให้เราเสียใจอีกแล้ว ถ้าจู่ๆอยากไปบวช เราก็พยายามพูดให้เค้าตัดสินใจกลับมาเป็นเหมือนเดิม คุยไปคุยมาแฟนเค้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเค้าก็ยังบอกตลอดว่ายังรักเรา แฟนก็ขอเวลาตัดสินใจขอคุยกับพ่อแม่ก่อน
         เมื่อเค้าโทรกลับมาอีกรอบเค้าก็ยังยืนยันเหมือนเดิม บอกว่าอยากให้เราเจอคนที่ดี ดูแลเราได้ดี เพรียบพร้อมกว่านี้ และไม่อยากให้เรามาเสียใจกับเขาอีกครั้งถ้าเข้าจะไปบวช เราก็พยายามถามเค้าว่าเธอไปคุยกับครอบครัวมาแล้วเธอเปลี่ยนใจ มันมีเหตุอันใดเข้ามาเกี่ยวข้องไหม ถามย้ำไปมาจนแฟนเรายอมตอบว่า ที่เค้าเคยได้มีการพูดคุยกับครอบครัวเขาไปบ้างเรื่องแต่งงาน แม่ของเขาพูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า วันแต่งขอไม่ไปร่วมงาน ส่วนพ่อของเขาบอกว่าจะไปร่วมงานเพราะเห็นกับลูก แต่แม่แฟนเราเค้าฝังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา  แฟนเราเก็บเป็นความลับไว้ตลอด เพราะไม่อยากให้เสียใจ จนวันนี้แฟนเราเพิ่งมาบอก เรารู้สึกเสียใจมากๆ ร้องไห้โฮ สุดท้ายเราพยายามปรับความเข้าใจกัน  จนพอสรุปได้ว่าแฟนเราเป็นทุกข์มากจากเรื่องที่เล่ากล่าวมา พอได้เข้าทางธรรมะ รู้สึกเป็นสุข เราก็ได้พูดคุยกันว่า เราจะช่วยกันแก้ปัญหา หาทางออกเรื่อง ต่อจากนี้มีอะไรขอให้บอกเราจะข่วยกันแก้ปัญหา สรุปคือแฟนเราตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อความรักของเรา ส่วนในเรื่องบวชนั้น เรายินดีที่จะให้เค้าไปบวชในชีวิตบั้นปลายตามที่เค้าต้องการ
         แต่ในใจเราลึกๆ เราเสียใจมากที่ตอนแรกแฟนเรายืนยันที่จะเลิก หลังไปคุยกับครอบครัว จึงได้ถามไปตรงๆว่า ที่ยืนยันก่อนหน้าเพาาะอะไร เค้าตอบมาว่า เค้าไม่เห็นหนทางของเรา เค้าตันไปหมด 
         แฟนเราก็ไปบอกพ่อแม่อีกรอบแล้วไม่ได้เลิกกันแล้ว คุยกันเข้าใจแล้ว เรายอมรับในสิ่งที่เค้าต้องการได้ จะต่อสู้แก้ปัญหาไปด้วยกัน พ่อและแม่แฟนเราบอกว่า ถ้ามั่นใจว่าเรานี้เป็นคู่ชีวิตแล้ว ก็ไม่ว่าอะไร ให้แฟนเราตัดสินใจให้ดี 
        ตอนนี้เรา 2 คนยังเครียดอยู่ค่ะ เราจะต้องเข้าไปหาพ่อแม่แฟนอยากพูดคุย กล่าวขอโทษ ในเรื่องที่ผ่านมา ส่วนพ่อแฟนนั้นเค้าบอกแฟนเราว่าจะช่วยคุยกับแม่แฟนให้ค่ะ ตอนนี้ จขกท เครียดมากค่ะ ยังคิดหนัก กับปัญหาครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายไม่ถูกกัน ควรจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี เพราะตอนนี้ทางครอบครัวเราเองไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นว่า แม่แฟนเรายังโกรธและจะไม่ยอมมางานแต่ง กลัวว่าถ้าทราบเรื่องนี้ พ่อแม่เราก็จะโกรธมากและบังคับเราให้เลิกกันอีกค่ะ 😔
        เราควรจะทำอย่างไรดี บางทีเราก็คิดอยากเลิกเพื่อจบปัญหา แต่เราทำไม่ได้ มันทุกข์มาก ต้องทำเช่นไรเพื่อผ่านพ้นปัญหาที่หนักหน่วงนี้ไปได้ด้วยดี 😰
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่