อย่างแรกเลยขอแจ้งก่อนนะคะว่าเราอธิบายได้ไม่เก่งนัก อาจจะเขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างนะคะ แต่จะพยายามนะคะ
เริ่มจากพักร้อนเราเหลือไม่รู้จะไปไหนดี เลยส่องไปเรื่อย ๆ ก็มาจบที่จะไปลั้นล้าอยู่น่านนี่แหละ
ภาพอาจไม่สวยนัก เพราะเราถ่ายรูปไม่เก่ง แถมถ่ายจากมือถืออีก
งั้นมาเริ่มกันเลยนะคะ
เราวางแผนเที่ยวรวมเดินทางคือตั้งแต่วันที่ 8-11 ธันวาคม โดยออกเดินทางในคืนวันที่ 8 ไปถึงเช้าวันที่ 9 แล้วเดินทางกลับคืนวันที่ 11 ถึงเช้าวันที่ 12 สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราใช้บริการของสมบัติทัวร์ทั้งไปและกลับขึ้นรถที่หมอชิต

สำหรับวันแรกเราจะที่ผาชู้ / ดอยเสมอดาว สำหรับการจะไปที่นี่นั้นควรจะลงที่เวียงสานะคะ แล้วต่อรถเมล์เล็กสีเขียว (จะเขียนหน้ารถว่าเวียงสา นาหมื่น) แต่เราจะไปลงที่ดอยเสมอดาว ให้แจ้งกับคนขับได้เลยค่ะ เรามาถึงเวียงสาประมาณตี 5 ครึ่ง ก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกมารอรถเมล์เขียวมา ซึ่งจะมาประมาณ 6.30 น.

ระหว่างรถเมล์ก็ทักทายเจ้าวินรถเมล์หน่อย :3
พอถึงเวลารถเมล์มาก็ขึ้นได้เลยค่ะ

ที่นี่หมอกหนามาก!!
พอถึงดอยเสมอดาวก็จะมีคนของรถสองแถวที่จะขึ้นดอยเข้ามารายละเอียดว่าจะเช่ามอไซ หรือเอาสองแถว เราซึ่งขับมอไซไม่เป็นก็เลือกสองแถวเอา แล้วบอกเขาว่าจะไปผาชู้

อันนี้เป็นรายละเอียดของสองแถวที่เราใช้บริการนะคะ
สำหรับการมาพักที่ดอยเสมอดาว / ผาชู้ ถ้าต้องการจะใช้บริการเต็นท์ของทางอุทยาน ควรจะโทรเข้ามาจองก่อนนะคะ
ผาชู้ ติดต่อเบอร์ 098-685-3293 ดอยเสมอดาว คิดต่อ 093-242-2914 เวลาโทรก็ใจเย็นกันหน่อยนะคะ เพราะโทรติดยากมากแบบ ก. ล้านตัว
ระหว่างที่นั่งรถขึ้นผาชู้น้าคนขับก็พาแวะเที่ยวนิดหน่อย ก็จะเสาดินนาน้อย ซึ่งตรงนี้แดดร้อนมากจนแสบตัวไปหมด ก่อนจะมาเสาดินนาน้อยต้องไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานก่อนนะคะ จะอยู่ที่ 20 บาท ซึ่งสามารถใช้เข้าดอยเสมอดาว-ผาชู้ได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

หลังจากนั้นก็พาเราไปชมวิวที่ดอยเสมอดอยต่อก่อนแล้วค่อยเลยไปผาชู้

วิวสวยนะ แต่แดดร้อนมาก (อีกแล้ว)
หลังจากเสร็จจากตรงนี้ก็ไปผาชู้กันต่อเลยค่ะ สำหรับใครที่จะมาแล้วต้องการที่จะดูดาวได้แบบรอบทิศแนะนำให้นอนที่เสมอดาวนะคะ แต่เราไม่ชอบคนเยอะเลยไปนอนที่ผาชู้ที่มุมดูดาวจะน้อยกว่า แต่สงบกว่า คนน้อยกว่า

ถึงผาชู้แล้ววววววว
ขอแนะนำว่าให้นัดกับคนขับสองแถวไว้เลยนะคะ ว่าจะให้มารับเวลาไหน เพราะบนนี้ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรและเน็ต (โดยเฉพาะ DTAC และ True) และบนนี้มีร้านอาหารตามสั่ง (ที่มีเมนูน้อยไม่กี่อย่าง), ร้านค้าสวัสดิการ, กาแฟสด, ไข่กระทะ, หมูกระทะ ประมาณนี้ค่ะ แต่ถ้าจะทำอาหารเองก็ได้เช่นกัน โดยทางอุทยานจะมีสถานที่สำหรับทำให้ (ห้ามทำหน้าเต็นท์) สำหรับหมูกระทะก็เช่นกันนะคะ จะที่ให้กิน
เมื่อขึ้นมาถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ เราติดต่อจองเต็นท์ไว้ก่อนแล้ว ก็แจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้เลย หลังจากได้เต็นท์ก็เอาของเข้าเต้นท์ หาอะไรกิน แล้วก็ไปเดินเล่น โชคดีที่มีร่มไม้เกือบตลอดทางเลยเดินได้ ไม่งั้นน่าเป็นลมตายอยู่ซักจุดนึง เราเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงทางเข้าผาชู้ แล้วเข้าไปเดินในเส้นทางธรรมชาติที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ แต่ก็เดินไม่จบ เพราะพอเราเดินถึงจุดที่ 7 แล้วหาทางไปต่อไม่เจอ เลยเดินย้อนกลับมาทางเดิน ออกมาก็เจ้าหน้าที่ของอุทยานเลยถามเรื่องเส้รทางเดินดู แล้วเขาบอกต้องเลาะลำน้ำไป แต่เราไม่รู้เลยอดเดินต่อจนครบ ไว้คราวหน้าค่อยเอาใหม่ ตอนนี้ขี้เกียจเข้าไปใหม่แล้ว (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เดินกลับยังจุดกางเต็นท์ แต่อากาศยังร้อนอยู่เข้าเต็นท์ไม่ได้ เลยไปสั่งกาแฟแล้วเอามากินไปอ่านนิยายที่เอาไปที่ศาลา อ่านจบเล่มก็เย็นพอดี (ที่ศาลาจะมีปลั๊กส่วนกลางสำหรับชาร์จไฟให้นะคะ แต่ต้องเฝ้าเอง) หาอะไรกิน แล้วซักทุ่มก็ไปอาบน้ำ แล้วเตรียมมานอนดูดาวหน้าเต็นท์
ที่ดาวสวยมากกกกกกก แบบ ก.ล้านตัวไปเลย คุ้มกับที่ยอมซื้อขาตตั้งมือถือมากค่ะ เราถ่ายดาวครั้งแรกรูปไม่สวยนัก ต้องขอโทษด้วยนะคะ ก็นอนดูนอนถ่ายไปเรื่อย ๆ อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ซัก 3 ทุ่มเราก็มุดกลับเข้าเต็นท์ไป
ตื่นตี 5 มาอาบน้ำ เก็บของเตรียมลง เพราะเราจะไปบ่อเกลือต่อ ซึ่งทางคนขับรถสองแถวแนะนำว่าต้องลงเช้ามาก เพื่อมาให้ทันรถเมล์กลับไปเวียงสาเที่ยว 7.20 เลยนัดให้มารับตอน 6 โมงเช้า (อดดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย เพราะนางขึ้นตอน 6.40 ) แต่ก็ได้ดูทะเลหมอกตอนเช้าอยู่ถือว่าคุ้ม

ทะเลหมอกตอนเช้า สวยคุ้มค่าสุด ๆ
สำหรับการจะไปบ่อเกลือ เราเดินทางดังนี้ค่ะ
นั่งรถเมล์ นาน้อย (ดอยเสมอดาว) --> เวียงสา
นั่งรถเมล์ เวียงสา --> น่าน (รถไปน่าน จะอยู่ที่เดียวกับรถเมล์เขียวที่นั่งมานาน้อยเลย เป็นรถสีน้ำเงิน)
นั่งสองแถว น่าน --> ปัว
นั่งสองแถว ปัว --> บ่อเกลือ
ซึ่งรถไปบ่อเกลือนี่จะมีวันละไม่กี่รอบ เราไปถึงปัวประมาณ 10.30 ซึงรถออกไปก่อนแล้ว แล้วทางคนขับเขาอยากให้เหมาไปประมาณ 1000 แต่เราไม่อยากเหมาเท่าไหร่ (เรื่องของเรื่องงบไม่ค่อยมี) แต่โชคดีว่าตอนที่เราไปถึงปัวมีน้องสองคนที่จะไปเที่ยวสะปันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เลยรอด้วยกันจนถึงเที่ยงนิด ๆ คนขับเลยเสนอให้ว่าไป 3 คน คิด 1500 แล้วจะพาเที่ยววัดภูเก็ต, กาแฟไทลื้อ, จุดชมวิว 1715 ให้ด้วย ก็เลยโอเคกัน

กาแฟไทลื้อวิวสวย แต่กาแฟธรรมดา


จุดชมวิว 1715 ค่ะ (แต่เราชอบจำเป็น 1917 ตลอดเลย / หัวเราะ)
หลังจากนี้ก็นั่งกันยาว ๆ เพื่อไปบ่อเกลือค่ะ (ใครเมารถแนะนำกินยาแก้เมาไว้นะคะ)
มาดูเขาต้มเกลือกันนนนน
หลังจากชมบ่อเกลือเสร็จ ทางรถก็ไปส่งลงที่พัก ซึ่งเราจองเต็นท์ของม่อนสายลมไว้ และเหมือนเดิมค่ะ ติดต่อคนขับให้มารับตอนลงไว้เลย ซึ่งคราวนี้เราโชคดีหน่อย เพราะคนขับเข้าจะขึ้นไปนอน เพื่อรอรอรับลูกค้าที่จองลงตอนเช้าอยู่แล้ว โดยคุยกันไว้ว่าจะมารับเวลาประมาณเวลา 9.00
มาถึงก็ต้องติดต่อเจ้าของที่พักเนอะ (ใช่เรอะ)!!!

วิวจากที่พักค่ะ
มาถึงก็เดินเล่นไปเรื่อยอีกเช่นเคย พอเย็น ๆ ลงไปหาอะไรกิน ที่นี่ร้านอาหารอยู่ใกล้ แต่ถ้าใครไม่อยากลงไปกินที่ร้านสามารถสั่งขึ้นมากินที่ที่พักได้นะคะ
กินเสร็จ ก็มามุดเต็นท์ ซักพักก็ไปอาบนน้ำเตรียมนอน

ที่นี่สามารถดูดาวได้เหมือนกัน แต่ไม่สวยเท่าที่ผาชู้
ดูไปได้ซักพักก็มุดเต็นท์นอน เพราะน้ำค้างลงหนักมากกกกกกกก
วันรุ่งขึ้นก็ตื่นตี 5 มาอาบน้ำ (อีกแล้ว) เพราะกะดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ปรากฎว่าไม่เห็นค่ะ หมอกบังหมด (แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง)

หมอกหนาจนไม่เห็นอะไรเลยยยยยยย
ซัก 6 โมงทางที่พักจะจัดกาแฟ-โอวันตินให้ลงดื่มเอง แล้วประมาร 7 โมง ก็จะมีข้าวต้มให้ (บริการตนเอง) เราก็ไปตักข้าวต้มมากินไปตามปกติ มานั่งกินตรงที่นั่งส่วนกลาง คราวนี้เราได้เพื่อนใหม่ด้วยละ ดีใจมาก ๆ เลย ไม่คิดมาก่อนว่าเราจะได้เพื่อนจากการมาเที่ยวในครั้งนี้ เราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่นัดรถไว้ ทางที่พักก็พาเราไปส่งจุดรอรถสองแถว ขากลับปัวคราวนี้มีคนลงมาจากสปันด้วย ทำให้มีคนร่วมทางเพิ่มมาอีก

วิวระหว่างนงลงจากบ่อเกลือ
พอรถกลับมาถึงปัว เราก็ต้องนั่งสองแถวเพื่อกลับไปที่น่าน พอเราไปถึงน่านก็ไปขอฝากของไว้ที่ช่องขาตั๋วขอสมบัติทัวร์ แล้วไปเดินเที่ยวต่อ แต่ก่อนไปเที่ยวเราอยากกินกาแฟ เลยส่องในอากู๋ดูเลยได้มาร้านนึง คือ Curve Project ปรากฏว่าร้านนี้กาแฟดีมาก ประทับใจสุด ๆ ราคาไม่แรงด้วย เราสั่งมาทั้ง 2 เมนู คือ กาแฟเหล้าเปลือกส้ม กับลาเต้โรสแมรี่ แล้วชีสเค้กอีก 1 ชิ้น (กาแฟเหล้าเปลือกส้มคือดีงามมาก อร่อยจนอยากไปกินอีก)

อร่อยจนอยากให้มีสาขาในกรุง (หัวเรอะ)
พอเสร็จจากร้านนี้เราก็เดินไปเที่ยว (่ใช่ค่ะ เดินนี่แหละ) วัดภูมินทร์, ซุ้มลีลาวดี, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, ถนนคนเดิน
หลังจากเดินเที่ยวเสร็จเราก็ไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน แล้วค่อยเดินกลับที่ไปที่ บขส. เพื่อเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งก็กลับถึงกรุงเทพประมาร 6 โมง ตามที่กำหนดพอดี
สรุปค่าใช้จ่าย
1. รถทัวร์ 508 x 2 = 1016
2. รถเมล์ไปนาน้อย 50
3. สองแถวขึ้น-ลงผาชู้ 600
4. รถเมล์กลับไปเวียงสา 50
5. รถเมล์ไปน่าน 30
6. สองแถวไปบัว 50
6. สองแถวไปบ่อเกลือ 400
7. สองกลับมาปัว 80
8. สองแถวปัวไปน่าน 50
9. เต็นท์ที่ผาชู้ 345
10.เต็นท์ม่อนสายลม 500
ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
(CR) เที่ยวน่านแบบเรื่อยๆ คนเดียวสบายๆ
เริ่มจากพักร้อนเราเหลือไม่รู้จะไปไหนดี เลยส่องไปเรื่อย ๆ ก็มาจบที่จะไปลั้นล้าอยู่น่านนี่แหละ
ภาพอาจไม่สวยนัก เพราะเราถ่ายรูปไม่เก่ง แถมถ่ายจากมือถืออีก
งั้นมาเริ่มกันเลยนะคะ
เราวางแผนเที่ยวรวมเดินทางคือตั้งแต่วันที่ 8-11 ธันวาคม โดยออกเดินทางในคืนวันที่ 8 ไปถึงเช้าวันที่ 9 แล้วเดินทางกลับคืนวันที่ 11 ถึงเช้าวันที่ 12 สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราใช้บริการของสมบัติทัวร์ทั้งไปและกลับขึ้นรถที่หมอชิต
สำหรับวันแรกเราจะที่ผาชู้ / ดอยเสมอดาว สำหรับการจะไปที่นี่นั้นควรจะลงที่เวียงสานะคะ แล้วต่อรถเมล์เล็กสีเขียว (จะเขียนหน้ารถว่าเวียงสา นาหมื่น) แต่เราจะไปลงที่ดอยเสมอดาว ให้แจ้งกับคนขับได้เลยค่ะ เรามาถึงเวียงสาประมาณตี 5 ครึ่ง ก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกมารอรถเมล์เขียวมา ซึ่งจะมาประมาณ 6.30 น.
ระหว่างรถเมล์ก็ทักทายเจ้าวินรถเมล์หน่อย :3
พอถึงเวลารถเมล์มาก็ขึ้นได้เลยค่ะ
ที่นี่หมอกหนามาก!!
พอถึงดอยเสมอดาวก็จะมีคนของรถสองแถวที่จะขึ้นดอยเข้ามารายละเอียดว่าจะเช่ามอไซ หรือเอาสองแถว เราซึ่งขับมอไซไม่เป็นก็เลือกสองแถวเอา แล้วบอกเขาว่าจะไปผาชู้
อันนี้เป็นรายละเอียดของสองแถวที่เราใช้บริการนะคะ
สำหรับการมาพักที่ดอยเสมอดาว / ผาชู้ ถ้าต้องการจะใช้บริการเต็นท์ของทางอุทยาน ควรจะโทรเข้ามาจองก่อนนะคะ
ผาชู้ ติดต่อเบอร์ 098-685-3293 ดอยเสมอดาว คิดต่อ 093-242-2914 เวลาโทรก็ใจเย็นกันหน่อยนะคะ เพราะโทรติดยากมากแบบ ก. ล้านตัว
ระหว่างที่นั่งรถขึ้นผาชู้น้าคนขับก็พาแวะเที่ยวนิดหน่อย ก็จะเสาดินนาน้อย ซึ่งตรงนี้แดดร้อนมากจนแสบตัวไปหมด ก่อนจะมาเสาดินนาน้อยต้องไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานก่อนนะคะ จะอยู่ที่ 20 บาท ซึ่งสามารถใช้เข้าดอยเสมอดาว-ผาชู้ได้เลย ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
หลังจากนั้นก็พาเราไปชมวิวที่ดอยเสมอดอยต่อก่อนแล้วค่อยเลยไปผาชู้
วิวสวยนะ แต่แดดร้อนมาก (อีกแล้ว)
หลังจากเสร็จจากตรงนี้ก็ไปผาชู้กันต่อเลยค่ะ สำหรับใครที่จะมาแล้วต้องการที่จะดูดาวได้แบบรอบทิศแนะนำให้นอนที่เสมอดาวนะคะ แต่เราไม่ชอบคนเยอะเลยไปนอนที่ผาชู้ที่มุมดูดาวจะน้อยกว่า แต่สงบกว่า คนน้อยกว่า
ถึงผาชู้แล้ววววววว
ขอแนะนำว่าให้นัดกับคนขับสองแถวไว้เลยนะคะ ว่าจะให้มารับเวลาไหน เพราะบนนี้ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรและเน็ต (โดยเฉพาะ DTAC และ True) และบนนี้มีร้านอาหารตามสั่ง (ที่มีเมนูน้อยไม่กี่อย่าง), ร้านค้าสวัสดิการ, กาแฟสด, ไข่กระทะ, หมูกระทะ ประมาณนี้ค่ะ แต่ถ้าจะทำอาหารเองก็ได้เช่นกัน โดยทางอุทยานจะมีสถานที่สำหรับทำให้ (ห้ามทำหน้าเต็นท์) สำหรับหมูกระทะก็เช่นกันนะคะ จะที่ให้กิน
เมื่อขึ้นมาถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ เราติดต่อจองเต็นท์ไว้ก่อนแล้ว ก็แจ้งรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้เลย หลังจากได้เต็นท์ก็เอาของเข้าเต้นท์ หาอะไรกิน แล้วก็ไปเดินเล่น โชคดีที่มีร่มไม้เกือบตลอดทางเลยเดินได้ ไม่งั้นน่าเป็นลมตายอยู่ซักจุดนึง เราเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงทางเข้าผาชู้ แล้วเข้าไปเดินในเส้นทางธรรมชาติที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ แต่ก็เดินไม่จบ เพราะพอเราเดินถึงจุดที่ 7 แล้วหาทางไปต่อไม่เจอ เลยเดินย้อนกลับมาทางเดิน ออกมาก็เจ้าหน้าที่ของอุทยานเลยถามเรื่องเส้รทางเดินดู แล้วเขาบอกต้องเลาะลำน้ำไป แต่เราไม่รู้เลยอดเดินต่อจนครบ ไว้คราวหน้าค่อยเอาใหม่ ตอนนี้ขี้เกียจเข้าไปใหม่แล้ว (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เดินกลับยังจุดกางเต็นท์ แต่อากาศยังร้อนอยู่เข้าเต็นท์ไม่ได้ เลยไปสั่งกาแฟแล้วเอามากินไปอ่านนิยายที่เอาไปที่ศาลา อ่านจบเล่มก็เย็นพอดี (ที่ศาลาจะมีปลั๊กส่วนกลางสำหรับชาร์จไฟให้นะคะ แต่ต้องเฝ้าเอง) หาอะไรกิน แล้วซักทุ่มก็ไปอาบน้ำ แล้วเตรียมมานอนดูดาวหน้าเต็นท์
ที่ดาวสวยมากกกกกกก แบบ ก.ล้านตัวไปเลย คุ้มกับที่ยอมซื้อขาตตั้งมือถือมากค่ะ เราถ่ายดาวครั้งแรกรูปไม่สวยนัก ต้องขอโทษด้วยนะคะ ก็นอนดูนอนถ่ายไปเรื่อย ๆ อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ซัก 3 ทุ่มเราก็มุดกลับเข้าเต็นท์ไป
ตื่นตี 5 มาอาบน้ำ เก็บของเตรียมลง เพราะเราจะไปบ่อเกลือต่อ ซึ่งทางคนขับรถสองแถวแนะนำว่าต้องลงเช้ามาก เพื่อมาให้ทันรถเมล์กลับไปเวียงสาเที่ยว 7.20 เลยนัดให้มารับตอน 6 โมงเช้า (อดดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย เพราะนางขึ้นตอน 6.40 ) แต่ก็ได้ดูทะเลหมอกตอนเช้าอยู่ถือว่าคุ้ม
ทะเลหมอกตอนเช้า สวยคุ้มค่าสุด ๆ
สำหรับการจะไปบ่อเกลือ เราเดินทางดังนี้ค่ะ
นั่งรถเมล์ นาน้อย (ดอยเสมอดาว) --> เวียงสา
นั่งรถเมล์ เวียงสา --> น่าน (รถไปน่าน จะอยู่ที่เดียวกับรถเมล์เขียวที่นั่งมานาน้อยเลย เป็นรถสีน้ำเงิน)
นั่งสองแถว น่าน --> ปัว
นั่งสองแถว ปัว --> บ่อเกลือ
ซึ่งรถไปบ่อเกลือนี่จะมีวันละไม่กี่รอบ เราไปถึงปัวประมาณ 10.30 ซึงรถออกไปก่อนแล้ว แล้วทางคนขับเขาอยากให้เหมาไปประมาณ 1000 แต่เราไม่อยากเหมาเท่าไหร่ (เรื่องของเรื่องงบไม่ค่อยมี) แต่โชคดีว่าตอนที่เราไปถึงปัวมีน้องสองคนที่จะไปเที่ยวสะปันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เลยรอด้วยกันจนถึงเที่ยงนิด ๆ คนขับเลยเสนอให้ว่าไป 3 คน คิด 1500 แล้วจะพาเที่ยววัดภูเก็ต, กาแฟไทลื้อ, จุดชมวิว 1715 ให้ด้วย ก็เลยโอเคกัน
กาแฟไทลื้อวิวสวย แต่กาแฟธรรมดา
จุดชมวิว 1715 ค่ะ (แต่เราชอบจำเป็น 1917 ตลอดเลย / หัวเราะ)
หลังจากนี้ก็นั่งกันยาว ๆ เพื่อไปบ่อเกลือค่ะ (ใครเมารถแนะนำกินยาแก้เมาไว้นะคะ)
มาดูเขาต้มเกลือกันนนนน
หลังจากชมบ่อเกลือเสร็จ ทางรถก็ไปส่งลงที่พัก ซึ่งเราจองเต็นท์ของม่อนสายลมไว้ และเหมือนเดิมค่ะ ติดต่อคนขับให้มารับตอนลงไว้เลย ซึ่งคราวนี้เราโชคดีหน่อย เพราะคนขับเข้าจะขึ้นไปนอน เพื่อรอรอรับลูกค้าที่จองลงตอนเช้าอยู่แล้ว โดยคุยกันไว้ว่าจะมารับเวลาประมาณเวลา 9.00
มาถึงก็ต้องติดต่อเจ้าของที่พักเนอะ (ใช่เรอะ)!!!
วิวจากที่พักค่ะ
มาถึงก็เดินเล่นไปเรื่อยอีกเช่นเคย พอเย็น ๆ ลงไปหาอะไรกิน ที่นี่ร้านอาหารอยู่ใกล้ แต่ถ้าใครไม่อยากลงไปกินที่ร้านสามารถสั่งขึ้นมากินที่ที่พักได้นะคะ
กินเสร็จ ก็มามุดเต็นท์ ซักพักก็ไปอาบนน้ำเตรียมนอน
ที่นี่สามารถดูดาวได้เหมือนกัน แต่ไม่สวยเท่าที่ผาชู้
ดูไปได้ซักพักก็มุดเต็นท์นอน เพราะน้ำค้างลงหนักมากกกกกกกก
วันรุ่งขึ้นก็ตื่นตี 5 มาอาบน้ำ (อีกแล้ว) เพราะกะดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ปรากฎว่าไม่เห็นค่ะ หมอกบังหมด (แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง)
หมอกหนาจนไม่เห็นอะไรเลยยยยยยย
ซัก 6 โมงทางที่พักจะจัดกาแฟ-โอวันตินให้ลงดื่มเอง แล้วประมาร 7 โมง ก็จะมีข้าวต้มให้ (บริการตนเอง) เราก็ไปตักข้าวต้มมากินไปตามปกติ มานั่งกินตรงที่นั่งส่วนกลาง คราวนี้เราได้เพื่อนใหม่ด้วยละ ดีใจมาก ๆ เลย ไม่คิดมาก่อนว่าเราจะได้เพื่อนจากการมาเที่ยวในครั้งนี้ เราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่นัดรถไว้ ทางที่พักก็พาเราไปส่งจุดรอรถสองแถว ขากลับปัวคราวนี้มีคนลงมาจากสปันด้วย ทำให้มีคนร่วมทางเพิ่มมาอีก
วิวระหว่างนงลงจากบ่อเกลือ
พอรถกลับมาถึงปัว เราก็ต้องนั่งสองแถวเพื่อกลับไปที่น่าน พอเราไปถึงน่านก็ไปขอฝากของไว้ที่ช่องขาตั๋วขอสมบัติทัวร์ แล้วไปเดินเที่ยวต่อ แต่ก่อนไปเที่ยวเราอยากกินกาแฟ เลยส่องในอากู๋ดูเลยได้มาร้านนึง คือ Curve Project ปรากฏว่าร้านนี้กาแฟดีมาก ประทับใจสุด ๆ ราคาไม่แรงด้วย เราสั่งมาทั้ง 2 เมนู คือ กาแฟเหล้าเปลือกส้ม กับลาเต้โรสแมรี่ แล้วชีสเค้กอีก 1 ชิ้น (กาแฟเหล้าเปลือกส้มคือดีงามมาก อร่อยจนอยากไปกินอีก)
อร่อยจนอยากให้มีสาขาในกรุง (หัวเรอะ)
พอเสร็จจากร้านนี้เราก็เดินไปเที่ยว (่ใช่ค่ะ เดินนี่แหละ) วัดภูมินทร์, ซุ้มลีลาวดี, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, ถนนคนเดิน
หลังจากเดินเที่ยวเสร็จเราก็ไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน แล้วค่อยเดินกลับที่ไปที่ บขส. เพื่อเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งก็กลับถึงกรุงเทพประมาร 6 โมง ตามที่กำหนดพอดี
สรุปค่าใช้จ่าย
1. รถทัวร์ 508 x 2 = 1016
2. รถเมล์ไปนาน้อย 50
3. สองแถวขึ้น-ลงผาชู้ 600
4. รถเมล์กลับไปเวียงสา 50
5. รถเมล์ไปน่าน 30
6. สองแถวไปบัว 50
6. สองแถวไปบ่อเกลือ 400
7. สองกลับมาปัว 80
8. สองแถวปัวไปน่าน 50
9. เต็นท์ที่ผาชู้ 345
10.เต็นท์ม่อนสายลม 500
ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ