ตอนเป็นเด็ก ที่บ้านพาไปกินภัตตาคารจีนแทบทุกอาทิตย์ ใกล้บ้านสุด
คือ ภัตตาคารเล่งหงส์ สมัยที่ยังอยู่สีลม ในร้านมีบ่อปลาหลีฮื้อ ที่กินประจำ
คือ นกเป็ดน้ำตุ๋นรังนกน้ำมะพร้าว ปัจจุบันนกเป็ดน้ำกลายเป็นสัตว์สงวนอดกิน
ส่วนอีกสองร้านอยู่ที่ถนนเยาวพานิชย์ เยาวราช ร้านแรก คือ กวงเม้ง
สมัยอยู่ที่เดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเยาวราช ร้านนี้กินบ่อยสุด
ก่อนย้ายไปหัวมุมถนนพาดสาย แล้วแตกสาขาออกไปอีกสองแห่ง อีกร้านอยู่เยื้องกัน
แต่ต้องเดินบันไดขึ้นไปชั้นสองนาน ๆ กินครั้ง คือ ยิ้มยิ้มภัตตาคาร หรือเชี้ยเชี่ยจิ๋วเล้า
ความทรงจำเกี่ยวกับร้านนี้เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วมีน้อยมาก สงสัยแต่เพียงว่า ทำไมชื่อ "ยิ้มยิ้ม"
วันพฤหัสฯ ที่ 10-12-20 เจ้านายชวนไปซื้อยาจีนที่เยาวราช ก่อนซื้อกินอาหารเที่ยงก่อนที่ยิ้มยิ้ม
ร้านอยู่ตรงหัวมุมซ้ายมือสามแยกเลี้ยวเข้าถนนพาดสายที่จอดรถหายากนิดหนึ่ง
ต้องลุ้นระหว่างที่จอดรถของอาคารฮั่วเซ่งเฮงติดกับซาละเปาไต้แป๊ะ
หรือที่จอดรถตรงข้ามร้านใต้วัดญวนชัยภูมิการาม หรือวัดตี๊หง่านตื่อ ซึ่งตัววัดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ
หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพาดสาย ชิดขวาเลี้ยวเข้าทางเข้าแคบ ๆ ของสมาคมฮากกา ซึ่งมีศาลเจ้ากวนอูอยู่บนดาดฟ้า
ลงรถหน้าร้านแล้วให้คนขับรถไปวนหาที่จอดรถ สุดท้ายได้รอจอดที่สมาคมฮากกา
ต้องขึ้นบันไดสูงไปชั้นสอง ปัจจุบันมีรางเก้าอี้ไฟฟ้าให้ผู้สูงวัยนั่งขึ้นไปชั้นสอง
ถือว่าเอาใจใส่ผู้พิการผู้สูงอายุ ให้สามารถกินอาหารแต้จิ๋วอร่อย
ถึงบางอ้อว่าทำไมชื่อยิ้ม ๆ เดินเข้าร้านที่มีเพียง 7 โต๊ะ
ทั้งรุ่นสามและรุ่นสี่ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม "เชียจ๋อ ๆ" เชิญนั่งๆ
เจ้านายบอกว่าปกติเงียบมาก แต่วันนี้โต๊ะเต็ม คนน่าจะเบื่อร้านตั้งใจอยู่ที่อยู่ชั้นล่างซึ่งเดี๋ยวนี้คนแน่น
ห้องก้นครัวเคยนัดที่นี่พกเหมาไถไปด้วย แต่ตัวเองไม่ดื่ม เพราะอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษา
มีคนแซวหาว่าสร้างภาพ กินครั้งแรกก็ไม่ประทับใจ เพราะมีคนสั่งปูม้าทอดกระเทียม
ที่เนื้อติดก้ามจนกินไม่ได้ดันบอกเป็นจานที่ต้องสั่ง
มาภัตตาคารยิ้มยิ้มอายุร่วมร้อยปีสั่งเยอะ
ตามสไตล์ของเจ้านาย ที่กินที่ไหนสั่งเยอะจนต้องห่อกลับ
วันนี้มากันสามคนผู้หญิงตัวเล็กกินแมวดมหนึ่ง
เริ่มกันด้วยหอยนางรมกระทะร้อน อร่อยแต่ออกเค็ม
จานที่สองผัดปวยเล้งเหมาะกินหน้าหนาว
เพราะต้นอวบใหญ่กรอบไม่ขม จานนี้เค็มยิ้มหุบจนต้องบ่นบนโต๊ะ
จานที่สามสั่งเพราะคิดถึง คือ ฮื่อแซ หรือปลาดิบจีนจากเนื้อปลาซ่งฮื้อ หรือเฉาฮื้อ หรือปลาจีน
คนจีนแต้จิ๋วบ้านเราเรียกฮื่อแซ แต่ไปสั่งที่สิงคโปร์ไม่มีใครรู้จัก
เพราะที่นั่นเรียกกลับกันเป็น "แซฮื้อ" และกินเฉพาะช่วงตรุษจีน
เนื่องจากสำเนียงจีนกลางออกเสียงว่า"เซินอวี๋" "เซิน"แปลว่าดิบหรือก่อกำเนิด
"อวี๋"ซึ่งแปลว่าปลา มีเสียงพ้องกับคำว่า"อวี๋"ทีแปลว่ามีกินมีใช้ รวมแปลว่า"ทำให้มีกินมีใช้"
เมื่อทานกับผักเคียงที่ล้วนแต่มีชื่อเป็นมงคล เช่นไช้เท้า(เป็นเจ้าคนนายคน) คึ่นช่าย(มีเงินทองเหลือเก็บ)
ผักกาดหอมหรือพังช่าย(มีชื่อเสียงดีงาม)และสับปะรดหรืออั่งไล้(แดงมาหรือมงคลมา)
จึงทำให้แซฮื้อจัดเป็นอาหาราคาแพงในช่วงตรุษจีนของสิงคโปร์
สั่งจานเล็ก 300 บาท มาในจานใหญ่พร้อมเครื่องเคียงหนึ่งจาน และน้ำจิ้มตามจำนวนคน
เห็นแล่ปลาบางขนาดนี้อย่าคิดว่าใช้มีดยาวแบบญี่ปุ่น
เพราะปลาดิบจีนปลาน้ำจืดแล่ด้วยปังตอโชว์วิทยายุทธชั้นยอดบางเฉียบ
เนื้อใสแจ๋วเห็นเลือดปลาสีชมพู
แต่บ้านเรามีกินทุกวัน วิธีกินก็ไม่เหมือนกันอีก บ้านเราคีบทีละน้อยใส่ช้อน ราดน้ำจิ้มถั่วตำออกหวาน
ตามด้วยผักแนม อันมีแตงกวา สับปะรด ต้นหอม หัวผักกาดซอย ขึ้นช่าย และที่ขาดไม่ได้ คือ ใช้โป๊วจืด
แต่คนสิงคโปร์จะเททุกอย่างลงไปคลุกในจาน
แล้วจึงใช้ตะเกียบแย่งกันคีบแย่งกันโกยมากินเป็นที่สนุกสนาน
ปลาดิบจีนที่สิงคโปร์ยังมีแบบขายทุกวัน ที่ร้านโจ๊กเจินเจิน ใน Maxwell Food Center
คห.62-76 "เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 9 : วันสุดท้ายในสิงคโปร์ 1 Maxwell Food Center"
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/10/D9831830/D9831830.html
จานที่สี่ แห่กึ้นสด ทำใหม่ ๆ ห่อแผ่นฟองเต้าหู้เมื่อสั่ง
ทอดร้อน ๆ เนื้อกุ้งสับล้วนยังนุ่มแน่นอร่อย
จานที่ห้าข้าวผัดกรรเชียงปูเป็นก้อน
ข้าวร่วนเป็นเม็ดไม่แฉะไม่อมเยิ้มน้ำมัน
หอมกลิ่นกระทะไฟแรง ตอกไข่ไม่ตีลงไปผัดไข่เป็นชิ้นชอบ
นึกว่าหมดแล้ว พระเจ้าช่วยยิ้มยิ้ม มีเป็ดล่อนอีกตัว เป็ดล่อนเป็นอาหารที่หากินยาก
เป็ดล่อนยิ้มยิ้มเนื้อหนาหนังกรอบ ไม่อัดจนแบนแบบเป็ดกีตาร์ แนมด้วยข้าวเกรียบปลา
กินไม่หมดเริ่มยิ้มไม่ออกสั่งห่อยังไม่จบ
เพราะปิดท้ายด้วยเผือกหิมะแต่ร้อนข้างใน
แต่เรียกเผือกหิมะเพราะเกล็ดน้ำตาลสีขาว ที่ฉาบอยู่บนผิวเผือกแท่งสี่เหลี่ยมทอด
ที่นี่นอกจากเกร็ดน้ำตาลแล้ว น้ำตาลยังฉาบเป็นแผ่นเหมือนกิน "ถังหูลู่"
ซึ่งเป็นการเอาผลไม้เสียบไม้จุ่มในน้ำเชื่อม จากนั้นจุ่มในน้ำเย็น
ได้เป็นน้ำตาลใสเหมือนแก้วเคลือบกรอบทั่วชิ้นผลไม้
"เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 6 : มะละกา 1 : Jonker Walk"
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/02/D8894298/D8894298.html
คห.1 "เที่ยวไปกินไป by laser @ ครัวปักกิ่ง สามย่าน"
https://pantip.com/topic/37791101
มีรายการที่อยากกินแต่เกรงใจมันแพง
และไม่คิดว่าจะมีในร้านแต้จิ๋วโบราณ คือ "อั่งบุงโอวมั้ว" หรือปลาไหลจีนน้ำแดง
ตอนเป็นเด็กไปหาดใหญ่กินทุกคืน ปลาไหลจีนตัวจะอวบหนาขนาดลำอ้อยเนื้อไร้สาบดิน
หั่นเป็นท่อน เอาไปทอดหนังฟูก่อนทำน้ำแดง
เครื่องดื่มเป็นชาจีนร้อน อาหารกินแล้วปากไม่แห้งถือเป็นเรื่องดี
อิ่มแล้วข้ามถนนเยาวพานิชย์ไปร้านแต้เล่าจินเส็ง
เพื่อซื้อห่วยเปี้ย หรือเปี๊ยะงา ชิ้นละ 40 บาท 5 ชิ้น
วันนี้ชิ้นใหญ่ขึ้น น่าจะอบนานไปหน่อยเพราะแข็งขึ้น แต่ยังหอมเปลือกส้มแห้ง
ออกถนนเยาวราชเลี้ยวซ้ายไปทางตลาดเก่า
เพื่อไปร้านขายยาจีนขนาดสองห้อง ติดดงร้านหมูแผ่นสารพัดเฮียง
เป็นครั้งแรกที่เห็น "เซียงจา" ที่เอาไปทำขนมเซียงจาแผ่นกลมแดง ๆ อร่อย
เอาไปแช่น้ำร้อนดื่มแทนชา มีสรรพคุณคล้ายแอสไพรินป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
ลองซื้อมาชงดื่มหนึ่งห่อ 110 บาท
อยากซื้อ "ไหน่จี้" หรือเม็ดบัวแห้ง
แต่ขอศึกษาวิธีอบกรอบแบบเวียดนามก่อน
ใครไปเวียดนามอย่าให้รู้ฝากซื้อ
ส่วนเฮ่งยิ้งอัลลมอนด์จีนทำน้ำนมแมวขอซื้อกินดีกว่า เดี๋ยวนี้มีแบบผงไม่ตกตะกอนกระป๋องเขียวร้อยกว่าบาท
และถนนเยาวพานิช มีร้านขายน้ำเห่งยิ้งถึงสองร้าน ร้านแรกหน้าร้านทองเซ่งเฮงหลี ร้านที่สองตรงข้ามตั้งใจอยู่
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ
หรือ อยู่ระหว่างรวบรวมเป็นบทความที่สมบูรณ์ ที่อาจใช้เวลาหลายปี
#กินตามอาสาม #อร่อยตามอาสาม #ตามรอยอาสาม #เที่ยวกับอาสาม
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ ยิ้มยิ้มภัตตาคาร
คือ ภัตตาคารเล่งหงส์ สมัยที่ยังอยู่สีลม ในร้านมีบ่อปลาหลีฮื้อ ที่กินประจำ
คือ นกเป็ดน้ำตุ๋นรังนกน้ำมะพร้าว ปัจจุบันนกเป็ดน้ำกลายเป็นสัตว์สงวนอดกิน
ส่วนอีกสองร้านอยู่ที่ถนนเยาวพานิชย์ เยาวราช ร้านแรก คือ กวงเม้ง
สมัยอยู่ที่เดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเยาวราช ร้านนี้กินบ่อยสุด
ก่อนย้ายไปหัวมุมถนนพาดสาย แล้วแตกสาขาออกไปอีกสองแห่ง อีกร้านอยู่เยื้องกัน
แต่ต้องเดินบันไดขึ้นไปชั้นสองนาน ๆ กินครั้ง คือ ยิ้มยิ้มภัตตาคาร หรือเชี้ยเชี่ยจิ๋วเล้า
ความทรงจำเกี่ยวกับร้านนี้เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้วมีน้อยมาก สงสัยแต่เพียงว่า ทำไมชื่อ "ยิ้มยิ้ม"
วันพฤหัสฯ ที่ 10-12-20 เจ้านายชวนไปซื้อยาจีนที่เยาวราช ก่อนซื้อกินอาหารเที่ยงก่อนที่ยิ้มยิ้ม
ร้านอยู่ตรงหัวมุมซ้ายมือสามแยกเลี้ยวเข้าถนนพาดสายที่จอดรถหายากนิดหนึ่ง
ต้องลุ้นระหว่างที่จอดรถของอาคารฮั่วเซ่งเฮงติดกับซาละเปาไต้แป๊ะ
หรือที่จอดรถตรงข้ามร้านใต้วัดญวนชัยภูมิการาม หรือวัดตี๊หง่านตื่อ ซึ่งตัววัดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ
หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพาดสาย ชิดขวาเลี้ยวเข้าทางเข้าแคบ ๆ ของสมาคมฮากกา ซึ่งมีศาลเจ้ากวนอูอยู่บนดาดฟ้า
ลงรถหน้าร้านแล้วให้คนขับรถไปวนหาที่จอดรถ สุดท้ายได้รอจอดที่สมาคมฮากกา
ต้องขึ้นบันไดสูงไปชั้นสอง ปัจจุบันมีรางเก้าอี้ไฟฟ้าให้ผู้สูงวัยนั่งขึ้นไปชั้นสอง
ถือว่าเอาใจใส่ผู้พิการผู้สูงอายุ ให้สามารถกินอาหารแต้จิ๋วอร่อย
ถึงบางอ้อว่าทำไมชื่อยิ้ม ๆ เดินเข้าร้านที่มีเพียง 7 โต๊ะ
ทั้งรุ่นสามและรุ่นสี่ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม "เชียจ๋อ ๆ" เชิญนั่งๆ
เจ้านายบอกว่าปกติเงียบมาก แต่วันนี้โต๊ะเต็ม คนน่าจะเบื่อร้านตั้งใจอยู่ที่อยู่ชั้นล่างซึ่งเดี๋ยวนี้คนแน่น
ห้องก้นครัวเคยนัดที่นี่พกเหมาไถไปด้วย แต่ตัวเองไม่ดื่ม เพราะอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษา
มีคนแซวหาว่าสร้างภาพ กินครั้งแรกก็ไม่ประทับใจ เพราะมีคนสั่งปูม้าทอดกระเทียม
ที่เนื้อติดก้ามจนกินไม่ได้ดันบอกเป็นจานที่ต้องสั่ง
มาภัตตาคารยิ้มยิ้มอายุร่วมร้อยปีสั่งเยอะ
ตามสไตล์ของเจ้านาย ที่กินที่ไหนสั่งเยอะจนต้องห่อกลับ
วันนี้มากันสามคนผู้หญิงตัวเล็กกินแมวดมหนึ่ง
เริ่มกันด้วยหอยนางรมกระทะร้อน อร่อยแต่ออกเค็ม
จานที่สองผัดปวยเล้งเหมาะกินหน้าหนาว
เพราะต้นอวบใหญ่กรอบไม่ขม จานนี้เค็มยิ้มหุบจนต้องบ่นบนโต๊ะ
จานที่สามสั่งเพราะคิดถึง คือ ฮื่อแซ หรือปลาดิบจีนจากเนื้อปลาซ่งฮื้อ หรือเฉาฮื้อ หรือปลาจีน
คนจีนแต้จิ๋วบ้านเราเรียกฮื่อแซ แต่ไปสั่งที่สิงคโปร์ไม่มีใครรู้จัก
เพราะที่นั่นเรียกกลับกันเป็น "แซฮื้อ" และกินเฉพาะช่วงตรุษจีน
เนื่องจากสำเนียงจีนกลางออกเสียงว่า"เซินอวี๋" "เซิน"แปลว่าดิบหรือก่อกำเนิด
"อวี๋"ซึ่งแปลว่าปลา มีเสียงพ้องกับคำว่า"อวี๋"ทีแปลว่ามีกินมีใช้ รวมแปลว่า"ทำให้มีกินมีใช้"
เมื่อทานกับผักเคียงที่ล้วนแต่มีชื่อเป็นมงคล เช่นไช้เท้า(เป็นเจ้าคนนายคน) คึ่นช่าย(มีเงินทองเหลือเก็บ)
ผักกาดหอมหรือพังช่าย(มีชื่อเสียงดีงาม)และสับปะรดหรืออั่งไล้(แดงมาหรือมงคลมา)
จึงทำให้แซฮื้อจัดเป็นอาหาราคาแพงในช่วงตรุษจีนของสิงคโปร์
สั่งจานเล็ก 300 บาท มาในจานใหญ่พร้อมเครื่องเคียงหนึ่งจาน และน้ำจิ้มตามจำนวนคน
เห็นแล่ปลาบางขนาดนี้อย่าคิดว่าใช้มีดยาวแบบญี่ปุ่น
เพราะปลาดิบจีนปลาน้ำจืดแล่ด้วยปังตอโชว์วิทยายุทธชั้นยอดบางเฉียบ
เนื้อใสแจ๋วเห็นเลือดปลาสีชมพู
แต่บ้านเรามีกินทุกวัน วิธีกินก็ไม่เหมือนกันอีก บ้านเราคีบทีละน้อยใส่ช้อน ราดน้ำจิ้มถั่วตำออกหวาน
ตามด้วยผักแนม อันมีแตงกวา สับปะรด ต้นหอม หัวผักกาดซอย ขึ้นช่าย และที่ขาดไม่ได้ คือ ใช้โป๊วจืด
แต่คนสิงคโปร์จะเททุกอย่างลงไปคลุกในจาน
แล้วจึงใช้ตะเกียบแย่งกันคีบแย่งกันโกยมากินเป็นที่สนุกสนาน
ปลาดิบจีนที่สิงคโปร์ยังมีแบบขายทุกวัน ที่ร้านโจ๊กเจินเจิน ใน Maxwell Food Center
คห.62-76 "เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 9 : วันสุดท้ายในสิงคโปร์ 1 Maxwell Food Center"
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/10/D9831830/D9831830.html
จานที่สี่ แห่กึ้นสด ทำใหม่ ๆ ห่อแผ่นฟองเต้าหู้เมื่อสั่ง
ทอดร้อน ๆ เนื้อกุ้งสับล้วนยังนุ่มแน่นอร่อย
จานที่ห้าข้าวผัดกรรเชียงปูเป็นก้อน
ข้าวร่วนเป็นเม็ดไม่แฉะไม่อมเยิ้มน้ำมัน
หอมกลิ่นกระทะไฟแรง ตอกไข่ไม่ตีลงไปผัดไข่เป็นชิ้นชอบ
นึกว่าหมดแล้ว พระเจ้าช่วยยิ้มยิ้ม มีเป็ดล่อนอีกตัว เป็ดล่อนเป็นอาหารที่หากินยาก
เป็ดล่อนยิ้มยิ้มเนื้อหนาหนังกรอบ ไม่อัดจนแบนแบบเป็ดกีตาร์ แนมด้วยข้าวเกรียบปลา
กินไม่หมดเริ่มยิ้มไม่ออกสั่งห่อยังไม่จบ
เพราะปิดท้ายด้วยเผือกหิมะแต่ร้อนข้างใน
แต่เรียกเผือกหิมะเพราะเกล็ดน้ำตาลสีขาว ที่ฉาบอยู่บนผิวเผือกแท่งสี่เหลี่ยมทอด
ที่นี่นอกจากเกร็ดน้ำตาลแล้ว น้ำตาลยังฉาบเป็นแผ่นเหมือนกิน "ถังหูลู่"
ซึ่งเป็นการเอาผลไม้เสียบไม้จุ่มในน้ำเชื่อม จากนั้นจุ่มในน้ำเย็น
ได้เป็นน้ำตาลใสเหมือนแก้วเคลือบกรอบทั่วชิ้นผลไม้
"เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 6 : มะละกา 1 : Jonker Walk"
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/02/D8894298/D8894298.html
คห.1 "เที่ยวไปกินไป by laser @ ครัวปักกิ่ง สามย่าน" https://pantip.com/topic/37791101
มีรายการที่อยากกินแต่เกรงใจมันแพง
และไม่คิดว่าจะมีในร้านแต้จิ๋วโบราณ คือ "อั่งบุงโอวมั้ว" หรือปลาไหลจีนน้ำแดง
ตอนเป็นเด็กไปหาดใหญ่กินทุกคืน ปลาไหลจีนตัวจะอวบหนาขนาดลำอ้อยเนื้อไร้สาบดิน
หั่นเป็นท่อน เอาไปทอดหนังฟูก่อนทำน้ำแดง
เครื่องดื่มเป็นชาจีนร้อน อาหารกินแล้วปากไม่แห้งถือเป็นเรื่องดี
อิ่มแล้วข้ามถนนเยาวพานิชย์ไปร้านแต้เล่าจินเส็ง
เพื่อซื้อห่วยเปี้ย หรือเปี๊ยะงา ชิ้นละ 40 บาท 5 ชิ้น
วันนี้ชิ้นใหญ่ขึ้น น่าจะอบนานไปหน่อยเพราะแข็งขึ้น แต่ยังหอมเปลือกส้มแห้ง
ออกถนนเยาวราชเลี้ยวซ้ายไปทางตลาดเก่า
เพื่อไปร้านขายยาจีนขนาดสองห้อง ติดดงร้านหมูแผ่นสารพัดเฮียง
เป็นครั้งแรกที่เห็น "เซียงจา" ที่เอาไปทำขนมเซียงจาแผ่นกลมแดง ๆ อร่อย
เอาไปแช่น้ำร้อนดื่มแทนชา มีสรรพคุณคล้ายแอสไพรินป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
ลองซื้อมาชงดื่มหนึ่งห่อ 110 บาท
อยากซื้อ "ไหน่จี้" หรือเม็ดบัวแห้ง
แต่ขอศึกษาวิธีอบกรอบแบบเวียดนามก่อน
ใครไปเวียดนามอย่าให้รู้ฝากซื้อ
ส่วนเฮ่งยิ้งอัลลมอนด์จีนทำน้ำนมแมวขอซื้อกินดีกว่า เดี๋ยวนี้มีแบบผงไม่ตกตะกอนกระป๋องเขียวร้อยกว่าบาท
และถนนเยาวพานิช มีร้านขายน้ำเห่งยิ้งถึงสองร้าน ร้านแรกหน้าร้านทองเซ่งเฮงหลี ร้านที่สองตรงข้ามตั้งใจอยู่
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ
หรือ อยู่ระหว่างรวบรวมเป็นบทความที่สมบูรณ์ ที่อาจใช้เวลาหลายปี
#กินตามอาสาม #อร่อยตามอาสาม #ตามรอยอาสาม #เที่ยวกับอาสาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น