สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพทุกท่าน
วันนี้เราจะมารีวิวการทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิต นั่นก็คืออออออออ แท่น แทน แทนนนนน “การเสริมจมูก” ค่าาา
เหตุผลที่ตัดสินใจทำ : เนื่องจากเราเป็นสาวน้อยจากที่ราบสูง ความชัน ความโค้งเว้าของหน้าก็อาจจะน้อยนิดนึง (ไม่นิดแหละ แหะๆ) เวลาถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยถูกใจหน้าตัวเองเท่าไร ถ่ายยังไงก็ไม่สวยต้องมานั่งแต่งรูป นั่งดึงหน้าให้ดูดี ตอนแรกคิกว่าเป็นเพราะเราค่อนข้างเจ้าเนื้อหรือเปล่าหน้าเลยบาน พอคิดได้อย่างงั้นก็ตั้งใจลดน้ำหนัก ออกกำลังกายจนน้ำหนักลด หุ่นเป๊ะแต่เอ๊ะหน้าก็ยังบ้ง สงสัยจะโฟกัสผิดจุด แล้ววันหนึ่งก็เหมือนสวรรค์มาชี้ทางสว่าง ขณะที่กำลังกินข้าวกับเพื่อนๆที่ออฟฟิศอยู่นั้น ก็มีเพื่อนคนนึงพูดถึงเรื่องศัลยกรรม เขาบอกว่าเขาไปทำจมูกมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยเนี่ยดูไม่ออกกันเลยใช่ม๊าาาาา เพื่อนก็เปิดรูปตอนก่อนทำและหลังทำให้ดู ใช่จ่ะดูไม่ออกเลยแล้วหน้าเพื่อนคือสวยขึ้นมากกกกกก
ทันใดนั้นก็คิดได้ทันทีว่า เอ๊ะ!!!หรือนี่คือทางออกในปัญหาที่ชั้นกำลังเจอ (พูดในหัวตัวเองประหนึ่งนางเอกละครทีวีหลังข่าว)
คิดได้ดังนั้นก็ศึกษาข้อมูลเลยจ่ะ Search หาข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก ชื่อคุณหมอที่เชื่อถือได้ เราลิสรายชื่อไว้ประมาณสี่ห้าที่ สุดท้ายใช้เวลาในการตัดสินใจสองวันถ้วนก็จองคิวหมอเลยจ้าาาา
(ช้าๆได้พร้าเล่มงาม แต่หน้างามๆเราอยากได้เร็วๆ อิอิ)
แล้วสถานที่ที่เราตัดสินใจฝากความฝันในการมีดั้งก็คือออออ “คุณหมอธวัชชัย โรงพยาบาลยันฮี” จ้า
สาเหตุที่ตัดสินใจก็เพราะมาเจอกระทู้รีวิวในพันทิพนี่แหละ เห็นแล้วว้าวมาก กดจองคิววันนั้นเลยจ้า
แนบรูปหน้าดั้งเดิม
เข้าสู่การเตรียมตัว : หลังจากจองคิวแล้ว พี่แอดมินก็แจ้งมาว่าอีกอาทิตย์นึงเข้ามางัดดั้งได้เลยนะคะน้อง (พูดเล่น พี่แอดมินแจ้งว่าได้คิวคุณหมอวันเสาร์ที่.....นะคะคนไข้ แหะๆ)
แต่ช้าก่อน!!!!ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น ไม่กี่วันถัดมาพี่แอดมินก็โทรกลับมาแล้วแจ้งว่าขอเลื่อนคิวไปอีกอาทิตย์นึงเพราะคุณหมอติดธุระ
โอ้โนว โอ้โนว โอ้โนโนโนโนโน!!! เศร้าเลยค่ะ
แต่สุดท้ายวันขึ้นเขียงก็มาถึงงงงง
ขั้นตอนการทำ : วันที่เดินทางไปขึ้นเขียงเราให้แฟนพาไปเพราะพี่แอดมินแจ้งว่ามีการวางยานอนหลับ ถ้าพาญาติมาด้วยจะดีกว่า
ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นทำประวัติ วัดความดัน รอพบคุณหมอเหมือนโรงพยาบาลทั่วๆไป พอพี่พยาบาลเรียกเข้าพบคุณหมอ คุณหมอก็ขอถ่ายรูปหน้าเดิมไว้นิดนึง คุณหมอถามถึงทรงจมูกที่อยากได้ ตรงนี้เราต้องคุยกับคุณหมอให้ชัดๆเลยว่าอยากได้แบบไหน ให้เข้าใจตรงกัน เราแจ้งว่าเราอยากได้แบบเป็นธรรมชาติไม่ต้องการให้โด่งมากจนมองออก เราต้องการให้เข้ากับหน้าเราที่สุด คุณหมอใจดีมากอธิบายทุกขั้นตอนและแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ พบคุณหมอเสร็จแล้วก็จ่ายเงิน และนั่งรอคิว
และแล้วเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึงงงงง พี่พยาบาลมาเรียกเข้าห้องผ่าตัด เราก็โบกมือบ๊ายบายแฟนเล็กน้อยก่อนเข้าไป แฟนก็ได้ให้กำลังใจเล็กน้อยว่า “อย่าร้องไห้ออกมานะ ตัดสินใจจะทำเองก็ต้องเข้มแข็ง” 55555555 ช่างเป็นการอวยพรที่ดีจริงๆเลย
ป.ล.เคสเราคือเนื้อน้อยและฮัมพ์ใหญ่ ต้องตะไบฮัมพ์ด้วย คุณหมอบอกว่าจะพยายามทำให้ช้ำน้อยที่สุด
เข้าไปในห้องเตรียมผ่าตัดพี่พยาบาลก็ให้เราล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าและวัดความดันอีกรอบ พี่พยาบาลจุดวัดความดันน่ารักมากกกก ชวนเราคุยให้ผ่อนคลาย พี่พยาบาลมาจับจมูกเราหันซ้ายหันขวาแล้วบอกว่า อืมมม จมูกสวยอยู่ (สวยอยู่แปลว่าไม่สวย 5555) รอคิวสักพักก็มีพยาบาลใส่ชุดเหมือนชุดในห้องผ่าตัดมาเรียกเข้าห้องผ่าตัด นอนรอบนเตียงซักพักก็มีพี่พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดหน้าอีกรอบแล้วก็ทายาลงบนหน้าเรา ตรงนี้เราเริ่มกลัวแล้ว พี่พยาบาลคงสังเกตเห็น พี่เขาก็พยายามคุยกับเราให้เราผ่อนคลายขึ้นซึ่งมันได้ผลจริงๆ พี่พยาบาลบอกว่าในระหว่างผ่าตัดให้หายใจทางปากและถ้ารู้สึกว่ามีของเหลวในปากให้กลืนได้เลยไม่เป็นอันตราย หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาและแจ้งว่าจะฉีดยานอนหลับแล้วน๊าาา คุณจะหลับในอีก 5 4 3 2 1 แล้วเราก็วิ่งไล่จับเมฆในฝันเลย ตื่นมาอีกทีก็จะเสร็จแล้ว คุณหมอน่าจะกำลังตะไบจมูกแล้วก็เย็บแผล เสียวๆเล็กน้อยตอนเย็บแผลแต่พอทนได้ เสร็จแล้วก็จะมีพยาบาลมาเข็นเราไปที่ห้องพักฟื้น พออยู่ในห้องพักพื้นตอนนี้ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ โอ้โห ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลก็เข้ามา ปวดจนต้องขอยาแก้ปวกกับพี่พยาบาลในห้องนอนพัก ระหว่างพักพี่พยาบาลเอาเจลเย็นมาให้ประคบจมูกและสอนวิธีประคบที่ถูกต้องและให้นอนประคบอย่างงั้นประมาณชั่วโมงนึง เสร็จแล้วบุรุษพยาบาลก็มาเข็นเราออกจากห้องพักฟื้นไปหาญาติที่รออยู่ด้านนอก เราซื้อเจลประคบเย็นจากที่โรงพยาบาลเลยเพราะจะได้ประคบไปบนรถตอนเดินทางกลับ ซื้อมา 2 อันราคาสามร้อยห้าสิบบาท บุรุษพยาบาลเข็นเราไปส่งที่ลานจอดรถและส่งเราขึ้นรถเสร็จสรรพ ทันที่ที่บุรุษพยาบาลปิดประตูรถปุ๊ปน้ำตาเราก็ไหลพรากๆเลย 5555555 มันปวดมากกกกกกก แฟนมองหน้าแล้วก็ได้แต่ขำ
วันแรกหลังการเสริมจมูก
ยังไม่ค่อยบวมเท่าไร
วันที่ 2
มีอาการบวมช้ำเล็กน้อย
วันที่สาม
ใต้ตามีรอบช้ำเล็กน้อย
วันที่ 4
วันนี้ออกไปทำงานแล้ว ก็ติดเฝือกไปแบบนี้แหละ 55555
ดีที่ช่วงนี้ต้องใส่แมสตลอด ก็พอจะพลางๆสายตาไปได้นิดหน่อย 5555
วันที่ 5
ยังคงมีอาการบวมบ้างเล็กน้อย เพื่อนบอกว่าถ้าเทียบกับคนทั่วไปแล้วนี่ถือว่าบวมช้ำน้อยมาก
2 อาทิตย์ผ่านไป
วันนี้คุณหมอนัดไปติดตามอาการและตัดไหม ตอนตัดไหมคือน้ำตาไหลพรากๆเลย เจ็บมากก มือขยุ้มกระโปรงจนกระโปรงยับยู่ยี่ไปหมด
1 เดือนผ่านไปจ้า
จมูกเริ่มเข้าที่แล้ว ชอบมากกกกกกกก มีความสุขมาก
มั่นใจในเบ้าหน้าตัวเองขึ้นอีก 99.9% เลย
แนบรูปก่อนทำและหลังทำ
ปล.รูปหลังทำเราอาจจะดูผอมลง เพราะอย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้าว่าเราออกกำลังกายด้วย บอกกับหลังผ่าตัดกินได้แต่ข้าวต้มกับนมทำให้ผอมลง
[CR] กระทู้พลีชีพ รีวิวการศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิต พร้อมไอเทมสำหรับคนไม่อยากบวมช้ำ
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะวันนี้เราจะมารีวิวการทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิต นั่นก็คืออออออออ แท่น แทน แทนนนนน “การเสริมจมูก” ค่าาา
เหตุผลที่ตัดสินใจทำ : เนื่องจากเราเป็นสาวน้อยจากที่ราบสูง ความชัน ความโค้งเว้าของหน้าก็อาจจะน้อยนิดนึง (ไม่นิดแหละ แหะๆ) เวลาถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยถูกใจหน้าตัวเองเท่าไร ถ่ายยังไงก็ไม่สวยต้องมานั่งแต่งรูป นั่งดึงหน้าให้ดูดี ตอนแรกคิกว่าเป็นเพราะเราค่อนข้างเจ้าเนื้อหรือเปล่าหน้าเลยบาน พอคิดได้อย่างงั้นก็ตั้งใจลดน้ำหนัก ออกกำลังกายจนน้ำหนักลด หุ่นเป๊ะแต่เอ๊ะหน้าก็ยังบ้ง สงสัยจะโฟกัสผิดจุด แล้ววันหนึ่งก็เหมือนสวรรค์มาชี้ทางสว่าง ขณะที่กำลังกินข้าวกับเพื่อนๆที่ออฟฟิศอยู่นั้น ก็มีเพื่อนคนนึงพูดถึงเรื่องศัลยกรรม เขาบอกว่าเขาไปทำจมูกมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยเนี่ยดูไม่ออกกันเลยใช่ม๊าาาาา เพื่อนก็เปิดรูปตอนก่อนทำและหลังทำให้ดู ใช่จ่ะดูไม่ออกเลยแล้วหน้าเพื่อนคือสวยขึ้นมากกกกกก
ทันใดนั้นก็คิดได้ทันทีว่า เอ๊ะ!!!หรือนี่คือทางออกในปัญหาที่ชั้นกำลังเจอ (พูดในหัวตัวเองประหนึ่งนางเอกละครทีวีหลังข่าว)
คิดได้ดังนั้นก็ศึกษาข้อมูลเลยจ่ะ Search หาข้อมูลโรงพยาบาล คลินิก ชื่อคุณหมอที่เชื่อถือได้ เราลิสรายชื่อไว้ประมาณสี่ห้าที่ สุดท้ายใช้เวลาในการตัดสินใจสองวันถ้วนก็จองคิวหมอเลยจ้าาาา
(ช้าๆได้พร้าเล่มงาม แต่หน้างามๆเราอยากได้เร็วๆ อิอิ)
แล้วสถานที่ที่เราตัดสินใจฝากความฝันในการมีดั้งก็คือออออ “คุณหมอธวัชชัย โรงพยาบาลยันฮี” จ้า
สาเหตุที่ตัดสินใจก็เพราะมาเจอกระทู้รีวิวในพันทิพนี่แหละ เห็นแล้วว้าวมาก กดจองคิววันนั้นเลยจ้า
แนบรูปหน้าดั้งเดิม
เข้าสู่การเตรียมตัว : หลังจากจองคิวแล้ว พี่แอดมินก็แจ้งมาว่าอีกอาทิตย์นึงเข้ามางัดดั้งได้เลยนะคะน้อง (พูดเล่น พี่แอดมินแจ้งว่าได้คิวคุณหมอวันเสาร์ที่.....นะคะคนไข้ แหะๆ)
แต่ช้าก่อน!!!!ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น ไม่กี่วันถัดมาพี่แอดมินก็โทรกลับมาแล้วแจ้งว่าขอเลื่อนคิวไปอีกอาทิตย์นึงเพราะคุณหมอติดธุระ
โอ้โนว โอ้โนว โอ้โนโนโนโนโน!!! เศร้าเลยค่ะ
แต่สุดท้ายวันขึ้นเขียงก็มาถึงงงงง
ขั้นตอนการทำ : วันที่เดินทางไปขึ้นเขียงเราให้แฟนพาไปเพราะพี่แอดมินแจ้งว่ามีการวางยานอนหลับ ถ้าพาญาติมาด้วยจะดีกว่า
ไปถึงโรงพยาบาลก็ยื่นทำประวัติ วัดความดัน รอพบคุณหมอเหมือนโรงพยาบาลทั่วๆไป พอพี่พยาบาลเรียกเข้าพบคุณหมอ คุณหมอก็ขอถ่ายรูปหน้าเดิมไว้นิดนึง คุณหมอถามถึงทรงจมูกที่อยากได้ ตรงนี้เราต้องคุยกับคุณหมอให้ชัดๆเลยว่าอยากได้แบบไหน ให้เข้าใจตรงกัน เราแจ้งว่าเราอยากได้แบบเป็นธรรมชาติไม่ต้องการให้โด่งมากจนมองออก เราต้องการให้เข้ากับหน้าเราที่สุด คุณหมอใจดีมากอธิบายทุกขั้นตอนและแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ พบคุณหมอเสร็จแล้วก็จ่ายเงิน และนั่งรอคิว
และแล้วเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึงงงงง พี่พยาบาลมาเรียกเข้าห้องผ่าตัด เราก็โบกมือบ๊ายบายแฟนเล็กน้อยก่อนเข้าไป แฟนก็ได้ให้กำลังใจเล็กน้อยว่า “อย่าร้องไห้ออกมานะ ตัดสินใจจะทำเองก็ต้องเข้มแข็ง” 55555555 ช่างเป็นการอวยพรที่ดีจริงๆเลย
ป.ล.เคสเราคือเนื้อน้อยและฮัมพ์ใหญ่ ต้องตะไบฮัมพ์ด้วย คุณหมอบอกว่าจะพยายามทำให้ช้ำน้อยที่สุด
เข้าไปในห้องเตรียมผ่าตัดพี่พยาบาลก็ให้เราล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าและวัดความดันอีกรอบ พี่พยาบาลจุดวัดความดันน่ารักมากกกก ชวนเราคุยให้ผ่อนคลาย พี่พยาบาลมาจับจมูกเราหันซ้ายหันขวาแล้วบอกว่า อืมมม จมูกสวยอยู่ (สวยอยู่แปลว่าไม่สวย 5555) รอคิวสักพักก็มีพยาบาลใส่ชุดเหมือนชุดในห้องผ่าตัดมาเรียกเข้าห้องผ่าตัด นอนรอบนเตียงซักพักก็มีพี่พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดหน้าอีกรอบแล้วก็ทายาลงบนหน้าเรา ตรงนี้เราเริ่มกลัวแล้ว พี่พยาบาลคงสังเกตเห็น พี่เขาก็พยายามคุยกับเราให้เราผ่อนคลายขึ้นซึ่งมันได้ผลจริงๆ พี่พยาบาลบอกว่าในระหว่างผ่าตัดให้หายใจทางปากและถ้ารู้สึกว่ามีของเหลวในปากให้กลืนได้เลยไม่เป็นอันตราย หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาและแจ้งว่าจะฉีดยานอนหลับแล้วน๊าาา คุณจะหลับในอีก 5 4 3 2 1 แล้วเราก็วิ่งไล่จับเมฆในฝันเลย ตื่นมาอีกทีก็จะเสร็จแล้ว คุณหมอน่าจะกำลังตะไบจมูกแล้วก็เย็บแผล เสียวๆเล็กน้อยตอนเย็บแผลแต่พอทนได้ เสร็จแล้วก็จะมีพยาบาลมาเข็นเราไปที่ห้องพักฟื้น พออยู่ในห้องพักพื้นตอนนี้ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ โอ้โห ความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลก็เข้ามา ปวดจนต้องขอยาแก้ปวกกับพี่พยาบาลในห้องนอนพัก ระหว่างพักพี่พยาบาลเอาเจลเย็นมาให้ประคบจมูกและสอนวิธีประคบที่ถูกต้องและให้นอนประคบอย่างงั้นประมาณชั่วโมงนึง เสร็จแล้วบุรุษพยาบาลก็มาเข็นเราออกจากห้องพักฟื้นไปหาญาติที่รออยู่ด้านนอก เราซื้อเจลประคบเย็นจากที่โรงพยาบาลเลยเพราะจะได้ประคบไปบนรถตอนเดินทางกลับ ซื้อมา 2 อันราคาสามร้อยห้าสิบบาท บุรุษพยาบาลเข็นเราไปส่งที่ลานจอดรถและส่งเราขึ้นรถเสร็จสรรพ ทันที่ที่บุรุษพยาบาลปิดประตูรถปุ๊ปน้ำตาเราก็ไหลพรากๆเลย 5555555 มันปวดมากกกกกกก แฟนมองหน้าแล้วก็ได้แต่ขำ
วันแรกหลังการเสริมจมูก
ยังไม่ค่อยบวมเท่าไร
วันที่ 2
มีอาการบวมช้ำเล็กน้อย
วันที่สาม
ใต้ตามีรอบช้ำเล็กน้อย
วันที่ 4
วันนี้ออกไปทำงานแล้ว ก็ติดเฝือกไปแบบนี้แหละ 55555
ดีที่ช่วงนี้ต้องใส่แมสตลอด ก็พอจะพลางๆสายตาไปได้นิดหน่อย 5555
วันที่ 5
ยังคงมีอาการบวมบ้างเล็กน้อย เพื่อนบอกว่าถ้าเทียบกับคนทั่วไปแล้วนี่ถือว่าบวมช้ำน้อยมาก
2 อาทิตย์ผ่านไป
วันนี้คุณหมอนัดไปติดตามอาการและตัดไหม ตอนตัดไหมคือน้ำตาไหลพรากๆเลย เจ็บมากก มือขยุ้มกระโปรงจนกระโปรงยับยู่ยี่ไปหมด
1 เดือนผ่านไปจ้า
จมูกเริ่มเข้าที่แล้ว ชอบมากกกกกกกก มีความสุขมาก
มั่นใจในเบ้าหน้าตัวเองขึ้นอีก 99.9% เลย
แนบรูปก่อนทำและหลังทำ
ปล.รูปหลังทำเราอาจจะดูผอมลง เพราะอย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้าว่าเราออกกำลังกายด้วย บอกกับหลังผ่าตัดกินได้แต่ข้าวต้มกับนมทำให้ผอมลง