เรื่องราว..
ผมเป็นคนที่หน้าผากเถิกมาตั้งแต่เด็ก หน้าตาค่อนข้างดีแต่หน้าผากใหญ่^^
และเริ่มห้วเถิกล้าน ตอนอายุ30ต้นๆ (หมอบอก เกิดจากกรรมพันธุ์ รักษาไม่หาย)
ผมไม่ได้อายนะ เรื่องศรีษะของผม..ที่เถิกล้านแบบนี้
และพอเรียนจบไป
เวลาไปงานแล้วมีแต่คนพูดๆ ว่าหัวเถิกหัวล้าน พูดๆๆ มันก็เหมือนเกินขอบเขตไปไหม (งานเลี้ยงรุ่น/งานผ้าป่ารุ่น/งานบุญ/งานเลี้ยงศิษย์เก่าฯลฯ ) พูดไม่หยุด
แบบนี้มันคือการเหยียด/บูลลี่ ปมคนอื่นใช่ไหม?
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ค่อยไปงานเลี้ยงใดๆอีกเลย (ยกเว้นบางงานที่ใหญ่และจำเป็นมากจริงๆ)
ถ้าไปงาน ก็มีแต่คนว่าเราหัวเถิกหัวล้าน ตลอดๆ
แม้แต่อาจารย์บางคนยังพูด เช่น ...อ๋อ ไอ้Aหัวล้านน่ะเหรอ แก่เกินอาจารย์ไปแล้ว บลาๆ ฯลฯ
เวลามีงานเลี้ยงต่าง ๆ ก็ส่งเงินไปช่วย และคิดว่าให้ คนที่ยังหล่อๆสวยๆ เขาไปงานดีกว่า เวลาถ่ายรูปหมู่ อัพFace จะได้ดูดี ดูสบายตา
เรานอนอยู่บ้านใช้เงินสบายๆ ท่องเที่ยวใช้เงินสบายๆดีกว่า
และถึงผมจะห้วเถิกล้านแบบนี้ แต่มีเงินนะจ๊ะ ซื้ออสังหา ซื้อบ้านแพง ซื้อรถยนต์แพงฯลฯ ได้ด้วยเงินที่หามาเองด้วยความสามารถตัวเอง
หัวเถิก แต่มีเงินเยอะนะจ๊ะ555
จากนั้น..เราจึงไม่ค่อยไปงานอีกเลย สงสัยคนอื่นดูจะไม่สบายตา ล่ะมั้ง?
และสุดท้าย...
ฝากถึงครูบาอาจารย์ที่เคารพ/สถานที่ที่เคยพักอาศัยอยู่/ผู้มีพระคุณทุกท่าน
สาเหตุที่ไม่เห็นผมไป งานบุญต่างๆเพื่อช่วยน้องๆ ..งานผ้าป่า/งานบุญสร้างอาคารเรียนฯลฯ ศิษย์ไม่ใช่วัวลืมเท้า แต่เหตุผลคือข้างต้นครับ แต่ผมส่งเงินไปช่วยทุกครั้งที่มีโอกาสครับผม
ขอบคุณครับ
ทำไมงานเลี้ยงรุ่น เพื่อนชอบพูดว่าหัวเถิกหัวล้าน(แบบนี้คือเหยียด/บูลลี่เราใช่ไหม?) ผมจึงไม่ค่อยไปงานไหนๆอีกเลย
ผมเป็นคนที่หน้าผากเถิกมาตั้งแต่เด็ก หน้าตาค่อนข้างดีแต่หน้าผากใหญ่^^
และเริ่มห้วเถิกล้าน ตอนอายุ30ต้นๆ (หมอบอก เกิดจากกรรมพันธุ์ รักษาไม่หาย)
ผมไม่ได้อายนะ เรื่องศรีษะของผม..ที่เถิกล้านแบบนี้
และพอเรียนจบไป
เวลาไปงานแล้วมีแต่คนพูดๆ ว่าหัวเถิกหัวล้าน พูดๆๆ มันก็เหมือนเกินขอบเขตไปไหม (งานเลี้ยงรุ่น/งานผ้าป่ารุ่น/งานบุญ/งานเลี้ยงศิษย์เก่าฯลฯ ) พูดไม่หยุด
แบบนี้มันคือการเหยียด/บูลลี่ ปมคนอื่นใช่ไหม?
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ค่อยไปงานเลี้ยงใดๆอีกเลย (ยกเว้นบางงานที่ใหญ่และจำเป็นมากจริงๆ)
ถ้าไปงาน ก็มีแต่คนว่าเราหัวเถิกหัวล้าน ตลอดๆ
แม้แต่อาจารย์บางคนยังพูด เช่น ...อ๋อ ไอ้Aหัวล้านน่ะเหรอ แก่เกินอาจารย์ไปแล้ว บลาๆ ฯลฯ
เวลามีงานเลี้ยงต่าง ๆ ก็ส่งเงินไปช่วย และคิดว่าให้ คนที่ยังหล่อๆสวยๆ เขาไปงานดีกว่า เวลาถ่ายรูปหมู่ อัพFace จะได้ดูดี ดูสบายตา
เรานอนอยู่บ้านใช้เงินสบายๆ ท่องเที่ยวใช้เงินสบายๆดีกว่า
และถึงผมจะห้วเถิกล้านแบบนี้ แต่มีเงินนะจ๊ะ ซื้ออสังหา ซื้อบ้านแพง ซื้อรถยนต์แพงฯลฯ ได้ด้วยเงินที่หามาเองด้วยความสามารถตัวเอง
หัวเถิก แต่มีเงินเยอะนะจ๊ะ555
จากนั้น..เราจึงไม่ค่อยไปงานอีกเลย สงสัยคนอื่นดูจะไม่สบายตา ล่ะมั้ง?
และสุดท้าย...
ฝากถึงครูบาอาจารย์ที่เคารพ/สถานที่ที่เคยพักอาศัยอยู่/ผู้มีพระคุณทุกท่าน
สาเหตุที่ไม่เห็นผมไป งานบุญต่างๆเพื่อช่วยน้องๆ ..งานผ้าป่า/งานบุญสร้างอาคารเรียนฯลฯ ศิษย์ไม่ใช่วัวลืมเท้า แต่เหตุผลคือข้างต้นครับ แต่ผมส่งเงินไปช่วยทุกครั้งที่มีโอกาสครับผม
ขอบคุณครับ