สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กมัธยม(ต้น)คนนึง คือเรามีเรื่องหนักอกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เพื่อน สิ่งแวดล้อมใหม่ในรร. เราจะค่อยๆเล่าไปทีละเรื่องนะคะ ผิดพลาดต้องขอโทษด้วยค่ะ
ด้วยความที่เพิ่งเรียนมัธยม ก็ต้องปรับตัวอีกเยอะ เพื่งจะสอบปลายภาคไป(มัธยมสอบ4ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่2)ซึ่งเราก็ทำคะแนนได้ดีเลยค่ะ สำหรับเราเราว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ค่ะในเทอมต่อไป แต่เราก็ต้องแบกรับความเครียด ความเหนื่อยและท้อ ซึ่งยากที่หลายคนจะเข้าใจและนึกภาพได้
เราเปลี่ยนไปมาก เมื่อประถม เรื่องการเรียนเรา..เรียกได้ว่าห่วยเลยแหละ ถึงเราจะอยู่ห้องคิงก็เถอะเพราะงี้ครูบางคนถึงไม่ชอบเรา ส่วนนิสัยเราในตอนนั้น ถือว่าเฟรนลี่เลยแหละ เฮฮา มีเพื่อนเยอะ รักเพื่อนมากก คนที่ไม่ชอบเรามีน้อยค่ะ พอมามัธยมเราเหมือนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ คือ เงียบขึ้น ไม่ค่อยทักใครหรืออยากรู้จักใครก่อน ตั้งใจกับบางสิ่งจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พูดน้อยลงมาก เพื่อนก็น้อยลง เรื่องเรียนตอนนี้ ดีขึ้นมากค่ะ เพราะเราเลือกที่จะปิดตัวเอง สนใจแต่สิ่งที่จำเป็นค่ะ
สิ่งแวดล้อมในรร. สำหรับเราค่อนข้างยากคือ เมื่อตอนประถม เราเรียนรร.ที่อยู่ในเมือง ซึ่งจะมีเด็กเก่งๆเยอะ การแข่งขันสูง (ถึงเราจะไม่เก่งก็เถอะนะ) แต่ด้วยความที่มีแต่คนเก่ง เราว่าสิ่งแวดล้อมดีนะคะ เพื่อนก็นิสัยดี มีความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ส่วนตอนนี้ด้วยความที่ย้ายที่อยู่ ก็เลยต้องเรียนที่รร.ที่ค่อนข้างจะธรรมดาหน่อย(ถึงคนอื่นไม่คิดงั้น)
ต่อเลยแล้วกันนะคะ เพื่อนที่นี่ต่างกันมากค่ะ ทุกคนที่อ่านตั้งแต่ต้นคงจะเข้าใจมาส่วนนึงแล้วงั้นเราต่อเลยนะคะ คือเราเรียนห้องเรียนพิเศษค่ะ เป็นโปรแกรมอังกฤษ แต่ก็ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่เพราะรร.เรามีห้องเดียวค่ะ และทีชเชอร์ที่สอนก็...พูดไทยค่ะ
เพื่อนที่นี่ต่างกับที่คิดไว้เลยค่ะ คือ จากที่เราเคยอยู่ในสังคมที่มีแต่คนเก่ง ไม่ชินเลยกับอะไรแบบนี้ คือนี่ค่อนข้างจะเจ้าระเบียบและตั้งใจเรียนค่ะ เลยชอบชวนเพื่อนให้ไปส่งงานด้วยกันค่ะ แต่เพื่อนก็ยังไม่ทำกันทั้งกลุ่มเลยค่ะ บางครั้งเราก็ต้องรอให้เพื่อนทำเสร็จกันทั้งกลุ่มเราเลยได้ไปส่ง แต่ในห้องเราก็มีอยู่แค่30คน แต่ดีที่มีเพื่อนต่างห้องที่มาจากรร.เดียวกัน เราว่าเราควรที่จะอยู่คนเดียวดีกว่า
ทุกคนช่วยเราหน่อยนะคะ เราไม่รู้จะทำยังใงต่อไป อยากย้ายรร.ตอนม.ปลายค่ะ แต่ที่บ้านคงไม่ยอมแน่ๆ
คือเราอยากเรียนที่ที่สูงกว่านี้ค่ะ อนาคตที่วางไว้มันไกลมาก แต่ถ้ามีส่วนไหนขาดไปเนื้อเรื่องก็จะจบไม่เหมือนเดิมค่ะ
ทุกคนสามารถติเราได้นะคะ เหมือนกันเราเป็นคนรู้จักเลยก็ได้ ขอบคุณที่รับฟังมาถึงตอนนี้ค่ะ
นี่คือสิ่งที่เราสมควรต้องเจอรึป่าว
ด้วยความที่เพิ่งเรียนมัธยม ก็ต้องปรับตัวอีกเยอะ เพื่งจะสอบปลายภาคไป(มัธยมสอบ4ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่2)ซึ่งเราก็ทำคะแนนได้ดีเลยค่ะ สำหรับเราเราว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ค่ะในเทอมต่อไป แต่เราก็ต้องแบกรับความเครียด ความเหนื่อยและท้อ ซึ่งยากที่หลายคนจะเข้าใจและนึกภาพได้
เราเปลี่ยนไปมาก เมื่อประถม เรื่องการเรียนเรา..เรียกได้ว่าห่วยเลยแหละ ถึงเราจะอยู่ห้องคิงก็เถอะเพราะงี้ครูบางคนถึงไม่ชอบเรา ส่วนนิสัยเราในตอนนั้น ถือว่าเฟรนลี่เลยแหละ เฮฮา มีเพื่อนเยอะ รักเพื่อนมากก คนที่ไม่ชอบเรามีน้อยค่ะ พอมามัธยมเราเหมือนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ คือ เงียบขึ้น ไม่ค่อยทักใครหรืออยากรู้จักใครก่อน ตั้งใจกับบางสิ่งจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พูดน้อยลงมาก เพื่อนก็น้อยลง เรื่องเรียนตอนนี้ ดีขึ้นมากค่ะ เพราะเราเลือกที่จะปิดตัวเอง สนใจแต่สิ่งที่จำเป็นค่ะ
สิ่งแวดล้อมในรร. สำหรับเราค่อนข้างยากคือ เมื่อตอนประถม เราเรียนรร.ที่อยู่ในเมือง ซึ่งจะมีเด็กเก่งๆเยอะ การแข่งขันสูง (ถึงเราจะไม่เก่งก็เถอะนะ) แต่ด้วยความที่มีแต่คนเก่ง เราว่าสิ่งแวดล้อมดีนะคะ เพื่อนก็นิสัยดี มีความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ส่วนตอนนี้ด้วยความที่ย้ายที่อยู่ ก็เลยต้องเรียนที่รร.ที่ค่อนข้างจะธรรมดาหน่อย(ถึงคนอื่นไม่คิดงั้น)
ต่อเลยแล้วกันนะคะ เพื่อนที่นี่ต่างกันมากค่ะ ทุกคนที่อ่านตั้งแต่ต้นคงจะเข้าใจมาส่วนนึงแล้วงั้นเราต่อเลยนะคะ คือเราเรียนห้องเรียนพิเศษค่ะ เป็นโปรแกรมอังกฤษ แต่ก็ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่เพราะรร.เรามีห้องเดียวค่ะ และทีชเชอร์ที่สอนก็...พูดไทยค่ะ
เพื่อนที่นี่ต่างกับที่คิดไว้เลยค่ะ คือ จากที่เราเคยอยู่ในสังคมที่มีแต่คนเก่ง ไม่ชินเลยกับอะไรแบบนี้ คือนี่ค่อนข้างจะเจ้าระเบียบและตั้งใจเรียนค่ะ เลยชอบชวนเพื่อนให้ไปส่งงานด้วยกันค่ะ แต่เพื่อนก็ยังไม่ทำกันทั้งกลุ่มเลยค่ะ บางครั้งเราก็ต้องรอให้เพื่อนทำเสร็จกันทั้งกลุ่มเราเลยได้ไปส่ง แต่ในห้องเราก็มีอยู่แค่30คน แต่ดีที่มีเพื่อนต่างห้องที่มาจากรร.เดียวกัน เราว่าเราควรที่จะอยู่คนเดียวดีกว่า
ทุกคนช่วยเราหน่อยนะคะ เราไม่รู้จะทำยังใงต่อไป อยากย้ายรร.ตอนม.ปลายค่ะ แต่ที่บ้านคงไม่ยอมแน่ๆ
คือเราอยากเรียนที่ที่สูงกว่านี้ค่ะ อนาคตที่วางไว้มันไกลมาก แต่ถ้ามีส่วนไหนขาดไปเนื้อเรื่องก็จะจบไม่เหมือนเดิมค่ะ
ทุกคนสามารถติเราได้นะคะ เหมือนกันเราเป็นคนรู้จักเลยก็ได้ ขอบคุณที่รับฟังมาถึงตอนนี้ค่ะ