เรื่องชุดไปรเวท ถ้าให้ทดลองใส่สัก 1 ปี แล้วค่อยหาผลดีผลเสีย แล้วฟันธงอีกปี จะดีไหม

คือเห็นเถียงกันแล้ว ต่างคนต่างเหตุผล

คือถ้าลองให้ใส่ไปรเวท 1 ปี แล้วค่อยหาผลดีผลเสีย แล้วค่อยประกาศว่าอีกปีจะให้ใส่ชุดนักเรียน หรือไปรเวทดีไหม

ถ้าใส่ชุดไปรเวทดีกว่า ก็กำหนดชุดให้สุภาพตามประเพณีนิยม เช่น คอปก

ถ้าชุดนักเรียนดีกว่า  กระทรวงศึกษาธิกากำหนดกฎเกณฑ์ บทลงโทษชุดไปรเวทให้ชัดเจน

คือถ้าชุดไปรเวทดี  เวลาเข้าออกโรงเรียน ก็อย่าแหกปากอีกนะ  ว่ารอต่อเครื่องสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า  หรือตรวจบัตรนาน แดดร้อน ฝนตก เพราะคนเยอะนะ 

และไม่นับค่าใช้จ่ายเครื่องสแกน  กับคนตรวจบัตร ที่ต้องเสียค่าบุคคลากรเพิ่ม  โรงเรียนตามต่างจังหวัดจะมีงบไหม  แล้วถ้าไม่ใช่เทคโนโลยี คนตรวจบัตร เกิดผิดพลาด เผลอเรอ  มีพวกโรคจิตไปแทงนักเรียน แบบที่เป็นข่าวก็อย่ามาโวยและกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ และประเทศอื่น ๆ ก็ยังมีการใส่เครื่องแบบนักเรียนอยู่นะ ส่วนตัวคิดว่าการใส่เครื่องแบบลดการเหลื่อมล้ำได้มากกว่าใส่ชุดไปรเวท ลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า สมัยที่เรียนประถม มัธยมต้น ชุดนักเรียนกว่าจะเก่าจนต้องซื้อใหม่หลายปีมากนะถ้าใช้แบบถนอมและดูแลดี ๆ กระเป๋าเรียนสีดำอันเดียวของเจคอบเราใช้มา 3 ปี ไม่เปลี่ยน ชุดนักเรียนหรือแม้แต่ชุดทหาร-ตำรวจ บางคนใส่เนียนซ้ำสองวันซักรีดที เป็นการประหยัดและถนอมเนื้อผ้าอีกทางนึงด้วย

มาเทียบกับสมัยนี้ตอนที่ทำงานแล้ว สำหรับเราสิ้นเปลืองมากกว่าเยอะ โดยเฉพาะถ้าใครเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวและรักสวยรักงาม เพราะอะไร? เพราะชุดใส่ซ้ำหลายครั้งก็ไม่ได้ อายเค้า แล้วชุดทั้งเสื้อ กางเกง กระโปรง หรือเดรสต้องแมทช์กับกระเป๋า รองเท้า ตุ้มหู สร้อยทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าของแต่ละอย่างต้องมีเกินสิบอ่ะ (สมัยที่เราเรียนขนาดสร้อยพระยังใส่ไม่ได้เลย)

เคยมีอาจารย์ชาวนิวซีแลนด์ที่เค้าสอนในโรงเรียนในนิวซีแลนด์บอกว่าชุดเครื่องแบบนักเรียนช่วยให้ลดการบูลลี่ในกลุ่มเด็กนักเรียน จะบอกว่าความคิดเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่นะ มันบูลลี่กันแทบทุกเรื่องอ่ะ ยิ่งชุดไปรเวทยิ่งไปทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ สร้างชนชั้นขึ้นไปอีก กลุ่มนึงใส่แบรนด์เนมทั้งกลุ่ม ถ้ามีใครอยู่ในกลุ่มนี้แล้วใส่ของตลาดนัด ไม่คิดว่ามันกดดันเหรอ แน่นอนเค้าก็ต้องอยากได้อยากมี อยากเทียบเท่าคนในกลุ่ม เพราะในวัยนี้เริ่มต้องการการยอมรับจากเพื่อนแล้ว ถ้าอยากได้อยากมีแต่ไม่มีตังค์ก็ต้องไปดิ้นรนหามา ซึ่งเด็กบางคนคงไม่หาเงินแบบสุจริตและถูกต้องตามศีลธรรมหรอก เพราะการได้เงินมาอย่างสุจริตและถูกต้องตามศีลธรรมมันได้เงินน้อย

เวลาคุณเรียนจบแล้วไปทำงาน หลายแห่งเค้ายังใส่เครื่องแบบบริษัทเลย แบบนี้จะไปเย้ว ๆ อีกมั้ยหล่ะ ถ้ามีปัญหากับเครื่องแบบหรือกฎระเบียบที่วางไว้ เค้าก็ไม่ให้คุณเข้าทำงานก็แค่นั้น

ปล. ขนาดบริษัทไทยซัมมิทยังให้พนักงานใส่เครื่องแบบบริษัทเลยนี่ เพี้ยนกินมาม่า
ความคิดเห็นที่ 15
เอาเรื่องจริงๆนะ การจะไม่ใส่ชุดนักเรียนนี่เหตุผลจริงๆมันคืออะไร - - - > แค่ไม่อยากใส่ เพราะรู้สึกว่าโดนบังคับ แค่นี้ใช่มั๊ย

การใส่ชุดอะไรนี่มันเป็นประเด็นขนาดนี้เลยเหรอ โตขึ้นก็อาจจะโดนบังคับให้ใส่ชุดอะไรซักอย่างอยู่ดี

อาชีพที่ต้องแต่งเครื่องแบบมีมากมายเลยนะ ข้าราชการ ครูอาจารย์ พยาบาล หมอ ผู้ป่วย นักบวช คนงาน แม่บ้าน พนักงานห้างร้านบริษัท ขับรถสาธารณะ พรีเซนเตอร์ เด็กเชียร์เบียร์  และอีกมากมายบรรยายไม่หมด ขนาดคนส่งแกร็ปฟู้ดยังต้องใส่เครื่องแบบเลย หรือถึงไม่ใช่เครื่องแบบทั้งตัว ก็อาจมีเงื่อนไข ใส่ชุดแบบนั้นไม่ดี สีนี้ไม่ได้ หรือต้องมีอุปกรณ์ หมวก แว่น ถุงมือ เข็มขัด รองเท้า อะไรเยอะแยะ แล้วถ้าต้องไปทำงานที่ต้องถูกบังคับให้แต่งชุดอะไรซักอย่าง จะไม่ทำเหรอ

คนทั้งโลกเค้าไม่เห็นมีปัญหากับการถูกบังคับที่เค้าเรียกกันว่าระเบียบ กฎหมาย แต่คนไทยเราชอบอิสระ ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อก พ่นยาฆ่าแมลงไม่เคยใส่หน้ากาก ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ พอบอกว่ามันผิด ก็รู้สึกว่าถูกบังคับ แล้วมันก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่ทุกเรื่อง แต่ในหลายๆเรื่องก็โดนบังคับแต่ไม่ทันคิด เสียเท่าไหร่ก็หามาใส่จนได้ ตัวอย่างเช่น การใส่สูทไปทำงาน สูทมันก็เครื่องแบบอย่างหนึ่งนั่นแหละ

เครื่องแบบมันก็เป็นแค่สัญลักษณ์แทนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ว่ามีหน้าที่อะไร มีบทบาทอะไรในสังคม ที่จริงแทบจะไม่มีผลกับตัวคนสวมใส่อะไรด้วยซ้ำ จะมีผลก็กับคนที่พบเจอมากกว่า อย่างชุดนักเรียนนี่ ผู้คนเห็นก็ได้รู้ว่าเป็นนักเรียนนะ ถ้ามีอะไรพอช่วยเหลือได้ เค้าก็ช่วยดูแลได้ ลองคิดดูถ้าทุกคนขอเลิกใส่เครื่องแบบกันหมด จะวุ่นวายแค่ไหน ใครเป็นใครมั่วไปหมด
ความคิดเห็นที่ 5
เอาจริงๆมันก็ทำได้แหละครับ
แต่ถ้ามามองกันอีกทีก็มีความเสี่ยง
อย่างโรงเรียนผมที่ต่างจังหวัดเป็นโรงเรียนเปิด(ไม่มีรั้ว) ข้างๆโรงเรียนเป็นป่า ด้านหน้าเป็นถนนที่มีรั้วสูงพอปีนได้

คือถ้าไม่ใส่ชุดนักเรียน จะแยกไม่ออกเลยว่ามาเรียนหรือมาส่งยา บางทีเดินไปเดินมาในโรงเรียนอาจจะไม่รู้ว่าเด็กในโรงเรียนเดียวกันหรือปล่าว บางทีเจอเด็กโรงเรียนอื่นมาหาเรื่องเด็กในโรงเรียน ครูก็แยกไม่ออก เพราะมันบอกไม่ได้อยู่แล้วว่าเป็นเด็กโรงเรียนตัวเองหรือปล่าว เพราะไม่ใส่ชุดนักเรียน

ไหนจะแยกระหว่างนักเรียนกับเด็กเดินยาอีก บางทีเดินๆแถวๆห้องน้ำครูอาจจะคิดว่าเป็นนักเรียนไปเข้าห้องน้ำก็มี

ไหนจะเจอกับพวกมิจๆทั้งหลายแหละทั้ง ขโมยของ แอบถ่ายในห้องน้ำ อีก

ถ้าไม่มีอะไรที่ชี้ชัดคนเหล่านี้ออกจากเด็กนักเรียนรับรองว่า เพลิน เลยครับ
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าสมมุติหยุดไป 1 ปีแล้วไม่ต่ออีก    เด็กที่เข้าใหม่ในปีต่อไปก็ต้องโวยอีกว่าทำไมเขาไม่ได้ทดลองแต่งชุดลำลองบ้าง    ทำไมมีแต่รุ่นพี่เท่านั้นที่ได้ทดลอง

การมีชุดเครื่องแบบมันคือลดความเหลื่อมล้ำ    ซึ่งหากจะทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการอย่างที่โฆษณากันนักหนาก็จำเป็นต้องมีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ    ในบรรดาผู้มาชุมนุมยังบ่นด่าอยู่เลยว่าความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ     แต่กลับเรียกร้องให้ยกเลิกเครื่องแบบเพื่อให้เหลื่อมล้ำหนักขึ้น     ยิ่งกว่าคิดตื้นๆอีก     ประเทศพัฒนาแล้วเขาก็ไม่ใช่ว่าให้นักเรียนแต่งลำลองกันหมด    ที่บังคับใส่เครื่องแบบก็มีไม่น้อย
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าจะต้องตามใจกันขนาดนั้นก็ไม่ต้องมีละกฎระเบียบ
กฎหมายก็ต้องไม่มีด้วย ล้มเลิกไปให้หมดเลย ฟรีด้อมกันไปให้หมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่