🔵เชื่อสิ !! เศรษฐกิจไทยไม่แย่สุดในอาเซียน/สัญญาณเริ่มดี เงินเฟ้อติดลบน้อยสุดรอบ 9 เดือน

เพี้ยนชนแก้วเศรษฐกิจไทยไม่แย่สุดในอาเซียน



@_@ นานาโอเครัฐเดินหน้าเศรษฐกิจปีหน้าโต 4% มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่แย่สุดในอาเซียน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยภายหลังการมาตรวจเยี่ยมกระทรวงการคลัง ว่า...🏓

ได้มาเยี่ยมและขอบคุณผู้บริหารกระทรวงการคลังที่ช่วยดูแลการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ล่าสุดเดือน ธ.ค. 2563 มีการคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวติดลบเหลือ 6-7% จากเดิมที่มีการคาดกันว่าจะติดลบ 9-10% ไม่ได้แย่ที่สุดในประเทศอาเซียน มีประเทศอื่นในอาเซียนที่เศรษฐกิจขยายตัวติดลบมากกว่าประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทจัดอันดับเครดิต ก็ยังคงเครดิตของประเทศไทยไว้เท่าเดิมที่ระดับน่าลงทุน และมุมมองอย่างแบบมีเสถียรภาพเหมือนเดิมเช่นกัน
 
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจปี 2564 ยังเป็นปีที่ท้าทายของเศรษฐกิจประเทศไทย ที่ต้องดำเนินการ 2 สิ่งไปพร้อมกัน ประกอบด้วย...🎯

1. ทำการประคับประคองเศรษฐกิจปี 2564 ให้โตได้ตามเป้าหมาย 3.5-4% หากสามารภทำได้ จะทำให้เศรษฐกิจกับมาขยายตัวเหมือนปี 2562 ก่อนมีโควิด-19 ภายใน 12-18 เดือน

2. ต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ ด้านอุตสาหกรรมการ 7 อุตสาหกรรมใหม่ และ 5 อุตสาหกรรมเดิม รวมที่ทำกรุงเทพ ให้เป็นที่ทำการภูมิภาคของบริษัทต่างประเทศ ซึ่งคลังมีบทบาทสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก ปี 2565 ประเทศไทยจะเห็นอุตสาหกรรมใหม่ๆ อุตสาหกรรมไหนคนไทยทำได้ก็ทำทันที อุตสาหกรรมไหนคนไทยทำไม่ได้ก็ต้องให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
 
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าไม่กระทบกับเศรษฐกิจไทย เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไปเป็นตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง

https://www.posttoday.com/finance-stock/news/639602

เพี้ยนแคปเจอร์ เศรษฐกิจสัญญาณเริ่มดี เงินเฟ้อติดลบน้อยสุดรอบ 9 เดือน



@_@  อมยิ้ม36พาณิชย์ ชี้ ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มการใช้จ่าย ดันราคาสินค้าขยับ คาดทั้งปีติดลบ 0.87%

น.ส.พิมพ์ชนก  วอนขอพร   ผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนพ.ย. 2563 ว่า  ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.41 (YoY) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเป็นการหดตัวในอัตราน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ จากความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาฐาน ปีที่ผ่านมาต่ำ 

ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานยังคงหดตัว แต่มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยหดตัวน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ราคาลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตข้าวในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในหลายพื้นที่
  
สำหรับสินค้าในหมวดอื่น ๆ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่ปกติ สอดคล้องกับความต้องการ การส่งเสริมการขาย และปริมาณผลผลิต  เป็นสำคัญ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไปที่หักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว)สูงขึ้นร้อยละ 0.18 (YoY)
ทั้งนี้เงินเฟ้อในเดือนนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งมาตรการด้านการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ส่งผลดีต่อ ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ทั้งนี้ทิศทางของเงินเฟ้อที่ดีขึ้นดังกล่าว สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดด้านอุปสงค์และอุปทานในประเทศ โดยเฉพาะรายได้เกษตรกร ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องตามราคาสินค้าเกษตรสำคัญ
 
รวมทั้งปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่เครื่องชี้ด้านอุปทานมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่หดตัวน้อยลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

“เงินเฟ้อเทียบกับเดือนต.ค. ลดลงร้อยละ 0.04  โดยเฉลี่ย 11 เดือน ลดลงร้อยละ 0.90 (AoA)  ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.9  ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาในหมวดผลผลิตเกษตรกรรมยังคงขยายตัวได้ดี และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หดตัวน้อยลง" 

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนพ.ย. 2563 ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 46.3 จากระดับ 44.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 36.4 มาอยู่ที่ระดับ 38.5 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตที่ปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 50.1 มาอยู่ที่ระดับ 51.5 และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 (สูงกว่าระดับ 50) สาเหตุสำคัญคาดว่าน่าจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ของภาครัฐที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง และความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลงตามลำดับ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้าน และความขัดแย้งทางการเมืองจาก หลายฝ่ายยังยืดเยื้อ เป็นปัจจัยกดดันที่ส่งผลทางลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป  

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนธ.ค. 2563 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาและคาดว่าจะยังคงหดตัว แต่ในอัตราที่น้อยลง โดยสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ราคาน้ำมัน เริ่มทรงตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้น ราคาสินค้าเกษตรและอาหารสดที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่องตามความต้องการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในหลากหลายรูปแบบที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในภาพรวมเพื่อชดเชยรายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออกได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าเงินเฟ้อทั้งปี 2563 ติดลบร้อยละ  0.87  หรือ อาจบวกลบไม่เกินร้อยละ  0.02 ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ไว้นติดลบร้อยละ  0.7 -1.5

https://www.posttoday.com/economy/news/639577

ดิฉันก็เชื่อมั่นว่า...เศรษฐกิจไทยจะไม่ตกต่ำที่สุดในอาเซียนแน่นอนค่ะ

ในปีหน้าก็จะได้เห็นกัน  ดูจากผลงานรับมือโควิด ก็พอจะทราบฝีมือนะคะ

สู้ๆค่ะ ทีมเศรษฐกิจ!!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่