ห้องน้ำครูห้องน้ำ นร. เด็กไม่รักษาความสะอาด สกปรก เลยแยกห้องน้ำครูเอาไว้จะได้สะอาด ๆ ( บาง รร. มีบางตึกไม่มีห้องน้ำ นร. เลย) ใครแอบเข้าถูกทำโทษ
ถอดรองเท้าขึ้นอาคาร เด็กชอบทำสกปรกห้ามใส่ขึ้นมาเดี๋ยวพื้นไม่สะอาด ใครใส่ถูกทำโทษ
เด็กทิ้งขยะไม่เป็นที่ สอนไปก็ไม่ทำตาม เด็กไม่มีระเบียบ
เด็กมันไม่มีวินัยหรอกเลยบังคับให้แต่งชุด นร. ตัดผมเพื่อฝึกวินัยไปสะสิ ใครไม่ทำถูกทำโทษ
ลิฟต์ห้าม นร. ใช้เดี๋ยวทำพังไปเดินขึ้นบันได้สิ
ความเห็น นร. น่ะ มันก็แค่ของเด็กทำไมถึงกล้ามาเถียงฉัน
และอีกมากมายพอจบ มปลาย ปุ๊บนรกแบบนี้จะจบทันที คุณจะสามารถใส่รองเท้าขึ้นอาคารเรียนได้ คุณสามารถเข้าห้องน้ำครูได้เมื่อกลับมาเยี่ยม รร. คุณสามารถใส่ชุดอะไรก็ได้ ตัดผมทรงไหนก็ได้เมื่อกลับมา รร. นี้อีกครั้ง ผมค่อนข้างประหลาดในะว่าทัศนคติเชิงลบหลาย ๆ ครั้งทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างครู (และบุคคลภายนอก) กับ นร. ประหนึ่งคนที่เพรียบพร้อมด้วยความสะอาด และความคิดที่ดีกว่าเด็ก (ไม่นับความรู้ทางวิชาการ)
ครูบางคนไม่แม้แต่จะฟังความเห๋นของ นร. เพียงเพราะเขาเป็นเด็ก ที่สำคัญบางคนยังมองว่าความรุนแรงเป็นการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการตี หรือลงโททษที่หนักเกินจำเป็น (อย่างให้ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เช่น ลุกนั่งเป็นร้อยครั้ง จนหลาย ๆครั้งข่าวออกมาว่าเด็กได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก) หรือแม้แต่เรื่องกฎระเบียบที่บังคับใช้ต่อ นร. แต่มันดันไปขัดกับกฎกระทรวง หรือสิทธิมนุษยยชนเสียด้วยซ้ำ แต่ครูหลาย ๆ คนมักบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไป กต่ผมก็ไม่เห็นครํจะออกไปจาก รร. นะ จริง ๆ การไล่คนที่เห็นต่างออกไปนี้ก็ไม่สมควรทำแล้ว ความแตกต่างทางความคิดมันทำให้เกิดการพัฒนามากกว่าความคิดทางเดียว
จริง ๆ ผมมองว่าแค่ให้ค่าความเป็นคนกับมนร. ให้เท่า ๆ กับครูหรือผู้ใหญ่ แล้ววัดดกันด้วยเหตุผลจะดีกว่า บางครั้งสิ่งที่เด็กรู้บางเรื่องอาจมากกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเด็กไม่ดีผมมองว่ามันมีทุกช่วงวัยนะ ถ้าเด็กเกือบทั้ง รร. เป็นเด็กไม่ดีผมว่า รร. ต้องมองตัวเองแล้วแหละ อย่างไ้องน้ำที่บอกว่ามันสกปรก มันแค่เด็ก/ม่กี่คนหรอกที่ทำ ดีไม่ดีมีไม่ถึง 5% ของจำนวน นร. ทั้งหมดด้วยซ้ำ ส่วนครูไม่ดีก็มีเหมือนกัน แต่กลับมองว่า นร. เท่านั้นที่ไม่ดีได้ ไม่เคารพกติกาและไม่รักษาความสะอาด (ผมว่าเด็กทั่วไป เขาก็รักษากันนะ)
ทัศนคติเชิงลบต่อ นร. ในประเทศเรามีเยอะขนาดนี้เลยหรอ
ถอดรองเท้าขึ้นอาคาร เด็กชอบทำสกปรกห้ามใส่ขึ้นมาเดี๋ยวพื้นไม่สะอาด ใครใส่ถูกทำโทษ
เด็กทิ้งขยะไม่เป็นที่ สอนไปก็ไม่ทำตาม เด็กไม่มีระเบียบ
เด็กมันไม่มีวินัยหรอกเลยบังคับให้แต่งชุด นร. ตัดผมเพื่อฝึกวินัยไปสะสิ ใครไม่ทำถูกทำโทษ
ลิฟต์ห้าม นร. ใช้เดี๋ยวทำพังไปเดินขึ้นบันได้สิ
ความเห็น นร. น่ะ มันก็แค่ของเด็กทำไมถึงกล้ามาเถียงฉัน
และอีกมากมายพอจบ มปลาย ปุ๊บนรกแบบนี้จะจบทันที คุณจะสามารถใส่รองเท้าขึ้นอาคารเรียนได้ คุณสามารถเข้าห้องน้ำครูได้เมื่อกลับมาเยี่ยม รร. คุณสามารถใส่ชุดอะไรก็ได้ ตัดผมทรงไหนก็ได้เมื่อกลับมา รร. นี้อีกครั้ง ผมค่อนข้างประหลาดในะว่าทัศนคติเชิงลบหลาย ๆ ครั้งทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างครู (และบุคคลภายนอก) กับ นร. ประหนึ่งคนที่เพรียบพร้อมด้วยความสะอาด และความคิดที่ดีกว่าเด็ก (ไม่นับความรู้ทางวิชาการ)
ครูบางคนไม่แม้แต่จะฟังความเห๋นของ นร. เพียงเพราะเขาเป็นเด็ก ที่สำคัญบางคนยังมองว่าความรุนแรงเป็นการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการตี หรือลงโททษที่หนักเกินจำเป็น (อย่างให้ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เช่น ลุกนั่งเป็นร้อยครั้ง จนหลาย ๆครั้งข่าวออกมาว่าเด็กได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก) หรือแม้แต่เรื่องกฎระเบียบที่บังคับใช้ต่อ นร. แต่มันดันไปขัดกับกฎกระทรวง หรือสิทธิมนุษยยชนเสียด้วยซ้ำ แต่ครูหลาย ๆ คนมักบอกว่าทำไม่ได้ก็ออกไป กต่ผมก็ไม่เห็นครํจะออกไปจาก รร. นะ จริง ๆ การไล่คนที่เห็นต่างออกไปนี้ก็ไม่สมควรทำแล้ว ความแตกต่างทางความคิดมันทำให้เกิดการพัฒนามากกว่าความคิดทางเดียว
จริง ๆ ผมมองว่าแค่ให้ค่าความเป็นคนกับมนร. ให้เท่า ๆ กับครูหรือผู้ใหญ่ แล้ววัดดกันด้วยเหตุผลจะดีกว่า บางครั้งสิ่งที่เด็กรู้บางเรื่องอาจมากกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเด็กไม่ดีผมมองว่ามันมีทุกช่วงวัยนะ ถ้าเด็กเกือบทั้ง รร. เป็นเด็กไม่ดีผมว่า รร. ต้องมองตัวเองแล้วแหละ อย่างไ้องน้ำที่บอกว่ามันสกปรก มันแค่เด็ก/ม่กี่คนหรอกที่ทำ ดีไม่ดีมีไม่ถึง 5% ของจำนวน นร. ทั้งหมดด้วยซ้ำ ส่วนครูไม่ดีก็มีเหมือนกัน แต่กลับมองว่า นร. เท่านั้นที่ไม่ดีได้ ไม่เคารพกติกาและไม่รักษาความสะอาด (ผมว่าเด็กทั่วไป เขาก็รักษากันนะ)