เหนื่อยใจกับสิ่งที่พ่อแม่ทำ

เราเป็นผู้หญิงนะคะ ปัจจุบัน อายุ 25 ปีคะ ตอนนี้ทำงานหน่วยงานราชการคะ
ขอเล่าเรื่องเราเองและครอบครัวย้อนไปนะคะ คือตัวเราใช้ชีวิตตั้งแต่ ม.1 - ปวส. ก็อยู่บ้านเช่าคนเดียวตลอด พอช่วงปวส.เรามีแฟน พ่อแม่เราจับได้ว่าเรามีแฟน เขาก็กดดันเราแล้วจับให้เราหมั้นหมายกับคนนั้น ทั้งๆที่เรายังไม่พร้อม เขาก็จัดการของเขา (เราไม่ได้ท้องนะคะ) แค่เขาทราบว่าเรามีแฟน แฟนเราเขาก็เป็นวัยรุ่นเดียวกันกับเรา แถมติดยาด้วย สุดท้ายก็เลิกกัน เรากลายเป็นเหมือนคนมีตำหนิเลย พ่อแม่เราไม่เคยถามเราเลยว่าเราจะรู้สึกยังไง เป็นแบบไหนบ้าง เขาคิดแต่ในแบบของเขาที่เขาคิดว่าดีคิดว่าถูก แต่เขาไม่เคยคิดถึงใจเราเลย จนกระทั่งป.ตรี ตลอดระยะเวลาที่เรียน นานๆทีพ่อกับแม่จะมา โดยเฉพาะ ตอนป.ตรี เรียน 2 ปี มาหาแค่ ครั้งเดียว
พ่อกับแม่ไม่เคยโทรหาเราเลย ส่งแต่เงินให้ ไม่เคยถามอะไรว่าเราเป็นยังไง เขาไม่เคยรับรู้เรื่องของเราเลย พอโทรหาเขาเขากลับว่าเราว่าโทรมาทำไมโทรมาขอเงิน ที่จริงเราไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างนั้น ทุกๆวันเราก็ใช้ชีวิตของเราไปคนเดียวคิดเองหมดทุกอย่าง ใจจริงแม่เราเขาไม่สนับสนุนเราให้เรียนต่อ ป.ตรีนะคะ ข้อนี้เราก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่เราก็ดึงดันเรียนจนจบ ผลการเรียนเราก็ดีมาโดนตลอด ซึ่งครอบครัวเราเขาก็ไม่เคยใส่ใจ บอกก่อนนะคะว่ามีฐานะปานกลาง ทุกๆครั้งที่เราเห็นพ่อแม่ของเพื่อนเขาโทรหาเพื่อนในใจเราก็แอบอิจฉาว่า ทำไมเขาดูอบอุ่นจังเลย ทำไมเราไม่มีแบบนี้บ้าง ก็คิดอิจฉาเพื่อนอยู่ในใจ ได้แต่น้อยใจไปคนเดียว
   จากนั้นหลังจากจบ ป.ตรี ทันทีเราก็กลับไปอยู่บ้าน พ่อกับแม่เราก็ดื่มเหล้าทุกวัน เขาทะเลาะกันทุกวัน ซึ่งในบ้านนั้น มีเรา มีพ่อ แม่ น้องชาย (ไปโรงเรียน) ตอนกลางวันเราก็อยู่กับพ่อแม่ ต้องเห็นเขาด่าทอกันหยาบคายเวลาเมา (เราไม่เคยเห็นแบบนี้) เราก็ไม่ค่อยโอเค แต่ก็ไม่ไปยุ่ง พอเขาเมาเขาก็จะด่าเรา ต่างๆนาๆ ตอนนี้คือเรามีแฟนใหม่แล้วนะที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา แม่เราเขาดื่มเหล้าทุกวัน พอเมาก็ด่าว่าเราบ้าง อีชั่ว อีร่าน สารพัด เราเสียใจมากกับคำที่เขาพูดกับเราต่อให้รู้ว่าเมา เราเป็นคนเซนเซอร์ทีฟมาก ถ้าร้องไห้ก็ร้องจนหมดน้ำตาอะ มันเหมือนเป็นแผลในหัวใจเราที่เจ็บปวดเหลือเกิน จนกระทั่งสุดท้ายเขาเมาแล้วมาหาเรื่องเราจนเราอยู่บ้านนั้นไม่ได้ เราเลยตัดสินใจ ขอออกไปอยู่ที่อื่น อีกวันนึงเราก็นั่งรถคนในหมู่บ้านที่เขาขี่เข้าเมืองขอติดรถไปด้วย ตลอดนั้นแม่เราก็ด่าเรา บอกพ่อว่าไม่ต้องให้เงินเราสักบาท เราก็ออกไปมีเงินอยู่ไม่กี่บาท เราเสียใจมากเลยกับเรื่องนี้ แต่เราก็ยังโชคดีที่มีแฟนเรา เขาช่วยเราไว้ สุดท้ายเขาก็รับเรามาอยู่ด้วย ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าจะไปอยู่กับเขา แต่เราไม่มีทางเลือก พ่อแม่เราเขาไล่เราออกจากบ้าน แฟนเราเหมือนเขาเป็นยาที่คอยรักษาแผลในใจเราหลังจากที่ลงจากรถแฟนเราก็มารับ เราเจ็บมากใจสลายไปเลย เราก็น้อยใจที่บ้านไม่รับสายเขาอีกเลย ทุกๆวันที่เราหลับตาก็เป็นแต่เรื่องของแม่เราที่ด่าว่าเรา ฝันแบบนี้ตลอดซ้ำๆไป เหมือนเป็นฝันร้ายของเราเลย. กว่าจะผ่านไปได้ก็เจ็บอยู่นาน แม่เราก็ติดต่อคุยกับเรา พักหลังเขาก็รู้ว่าเราอยู่กับแฟนเรา เราก็บอกว่ามันไม่งาม ตอนนั้นเราน่าจะอายุ 22 นะ เรียนจบป.ตรีแล้วนะคะ เขาบอกว่ามันไม่งาม กดดันเราทุกทางให้รีบแต่งงานกับพี่คนนั้น แต่คือเราก็เพิ่งคบกับพี่เขาจะรีบร้อนแต่งงานเราก็ไม่กล้า เราสองคนก็ยังดูใจกันอยู่เลย หลังจากที่เราออกมาพ่อแม่ก็ไม่ได้ให้เงินเราเลยสักบาทนะ มีแต่แฟนเราที่เราพอจะช่วยเราได้บ้างให้เงินเราบ้าง เราก็ตอบแทนเขาทำความสะอาดบ้าน ตอนนั้นเราอยู่บ้านเช่ากับแฟนสองคนนะ ไม่มีใคร เราก็พยายามหางาน แต่ก็ยังไม่โอเค สุดท้ายแฟนเราก็ดึงเราเข้าไปทำงาน ปีกว่า เราก็เปลี่ยนงานเพื่อนแฟนเขาแนะนำไปทำอีกงาน เราก็ไปทำจนตอนนี้เราสอบได้หน่วยงานราชเงินเดือน หมื่นต้นๆ ครอบครัวเราเขาไม่กดดันเรื่องแต่งงานแล้วแต่มากดดัน ให้เรามีลูกแทน เขาไม่เคยถามไถ่เราเลยจริงๆ เราเหนื่อยเหลือเกินที่มีครอบครัวแบบนี้ ไม่เข้าใจ เขาเคยคิดถึงเราบ้างหรือเปล่านะ ว่าเราพร้อมไหม เขาก็กดดันเรา บอกว่าเราทำสิ่งที่เขาต้องการให้ไม่ได้หรอเขาอยากมีหลาน ้ราก็อธิบายให้เขาฟังแล้วเราไม่มีเงินเราไม่พร้อม อีกยังมีหนี้สิน แต่ตัวเขาเองทำไมไม่เคยนึกถึงเรา ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เรามีแต่ความทุกข์ความเสียใจกับพ่อแม่เรามากมายเหลือเกิน เหมือนเป็นเข็มที่คอยทิ่มแทงหัวใจของเราจนปี้ปนไปหมด บางทีเหนื่อยจนรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรอีกแล้วอยากหลับตาลงไปแล้วไม่ตื่นอีกเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่