ถุงมือเรื่องสั้น ประจำสัปดาห์ที่ 23 สมัยที่ 6 สุดท้าย ส่งท้ายปี 2020 ยกที่ 2 เรื่องที่ 6 ครับ....
เรื่องบ้านๆ ครอบครัวหนึ่ง คุณผู้ชายขนของเก่าออกจากตัวบ้านเพื่อขายให้คนรับซื้อของเก่าซึ่งขับรถกระบะมารับซื้อถึงที่
ของอย่างอื่นไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้น เก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิงเอนหลังได้ตัวหนึ่ง ดูเผินๆ ก็ยังใหม่กิ๊ง แต่ที่นั่งมีรอยแตก คุณผู้ชายกำลังจะยกขายเขาไปอยู่แล้ว แต่คุณแม่บ้านมาเห็นเข้าและทักท้วง บอกว่าจะซ่อมเอง "มันซ่อมได้" หล่อนว่างั้น คุณผู้ชายก็ไม่ว่าอะไรตามใจหล่อน
แล้วเจ้าเก้าอี้ที่ว่ามันซ่อมได้ จะยังผลอย่างไรให้เกิดขึ้นในบ้าน ? ตามไปดูกันครับ ^^

เสียงแตรแปลก ๆ แต่คุ้นหูคนในซอยดังลอดเข้ามาในบ้านสองชั้นครึ่งตึ่กครึ่งไม้ที่โดดเด่นด้วยซุ้มไม้เถาอวดดอกสีชมพูบานแอร่มบนหลังคาศาลาน้อยข้างบ้าน ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นท่อนล่างนุ่งผ้าขาวม้าผละจากงานในมือแล้วเดินออกไปที่หน้าประตู โบกมือเป็นสัญญาณเรียกให้รถยนต์ที่เป็นเจ้าของเสียงแตรหยุดลงที่หน้าบ้าน
รถยนต์สีแดงค่อนข้างเก่าพร้อมสิ่งของต่าง ๆ อัดกันมาค่อนข้างเป็นระเบียบในกระบะหลังแล่นมาจอดพร้อมกับจังหวะเปิดประตูรถฝั่งซ้ายมือ หญิงสาวสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว มีผ้าปิดปากจมูก ก้าวออกมาจากรถพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของบ้าน ขณะที่เขารับไหว้พลางแลดูส่วนท้ายกระบะ
“เป็นไงครับพี่ งวดนี้ มีของเยอะไหมครับ”
ชายคนขับส่งเสียงมาก่อนขณะก้าวออกจากที่นั่งด้านหน้า ปิดประตูแรง ๆ แล้วเดินอ้อมกระบะท้ายตรงมาที่หน้าประตูรั้วเหล็กซึ่งบัดนี้ถูกเปิดกว้างไว้ด้านหนึ่ง
“โน่นแน่ะ ทั้งหมดที่กองในโรงรถนั่นแหละ”
เจ้าบ้านตอบพร้อมผายมือไปทางด้านใน สองสามีภรรยากุลีกุจอเดินเข้าไปหาข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกโละทิ้งแล้วก้มลงยกขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งมัดหนังสือพิมพ์เก่า กระดาษเอกสารต่าง ๆ แผ่นซีดีเก่า วิทยุ ลำโพงที่ชำรุด จอคอมพิวเตอร์ รวมทั้งถุงใบโตที่แยกประเภทของพลาสติก โลหะ และแก้วเอาไว้อีกสามสี่ถุง
พวกเขาช่วยกันยกออกไปวางที่หน้าบ้าน ฝ่ายหญิงเป็นคนชั่งน้ำหนักบนตาชั่งที่เตรียมมา ส่วนฝ่ายชายเป็นคนบันทึกลงสมุดในมือ เพียงไม่กี่นาทีทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกจัดใส่เข้าไปบนพื้นที่ว่างที่เหลือท้ายกระบะนั้นอย่างง่ายดาย
“พวกคุณมาทีไร บ้านผมสะอาดทุกที” เจ้าของบ้านเอ่ยยิ้ม ๆ
“หมดแล้วใช่ไหมพี่ มีเท่านี้นะ” คนขับรถถามพลางกวาดสายตาดูรอบ ๆ บ้าน
ชายเจ้าของบ้านทำท่านึกขึ้นได้ แล้วเดินกลับเข้าไปทางด้านหลังบ้านพร้อมกับพูดดัง ๆ
“เดี๋ยวนะ เอาไอ้ตัวนี้ไปด้วย”
เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาถือเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าแบบมีพนักพิงค่อนข้างใหม่ออกมาด้วยตัวหนึ่ง
“มันพังแล้วหรือจ๊ะ”
ฝ่ายหญิงถาม แต่เจ้าของบ้านส่งมันให้ฝ่ายชายพร้อมโบกไม้โบกมือ
“ของสมัยนี้พังเร็ว พวกเราก็เสียเปรียบเจ๊กเรื่อยไป”
ชายรับซื้อของเก่ารับไปวางบนตาชั่งที่ยังไม่ได้ยกใส่รถ ก็พอดีมีเสียงจักรยานยนต์แล่นเข้ามาจอดพร้อมเสียงทักทายของผู้หญิง
“อ้าว มาแล้วเหรอ รออยู่สองสามวันแล้วนะเนี่ย”
“หวัดดีครับเจ๊” ฝ่ายชายทักทาย แล้วยกมือไหว้พร้อมกับภรรยา
คนมาใหม่คือหญิงวัยไล่เลี่ยกับชายเจ้าบ้าน หล่อนสวมชุดอยู่บ้านทรงกระโปรงยาวเกือบถึงข้อเท้ามีลวดลายดอกไม้อย่างที่แม่บ้านชอบสวมใส่พร้อมกับมีหมวกกันน็อกบนศีรษะ ขณะจูงจักรยานยนต์เข้าไปในบ้าน เมื่อแลเห็นเก้าอี้สีฟ้าตัวนั้นกำลังจะถูกยกออกจากตาชั่ง หล่อนก็รีบท้วง
“นั่นจะขายเรอะพ่อ เก้าอี้น่ะ” หล่อนหันมาถามฝ่ายชายที่ทำท่าจะหันกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน เขาพยักหน้า
“ก็ที่นั่งมันแตกแล้วนี่ วานนี้นั่งก็โดนหนีบ เจ็บวุ้ย”
ทั้ง ๆ ที่หล่อนได้ยินเสียงสามีพูด แต่ก็ยังเดินเข้าไปคว้าเก้าอี้ตัวนั้นกลับคืนมาอย่างว่องไว
“เจ๊ยังไม่ขายหรอกตัวนี้ เดี๋ยวจะเอาไปซ่อมใช้เอง”
ฝ่ายสามีขยับปากจะคัดค้าน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขามองตาคนขับรถแวบหนึ่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปทางหลังบ้าน คนรับซื้อของเก่าไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเบา ๆ กันทั้งสองคน จากนั้นฝ่ายหญิงจึงยกตาชั่งขึ้นไปเก็บด้านท้ายกระบะ ส่วนฝ่ายชายถือเงินมาส่งให้หญิงเจ้าของบ้านพร้อมกระดาษแผ่นน้อย ก่อนที่จะร่ำลาแล้วขับรถออกไปพร้อมบีบแตรเสียงเดิมดังก้องไปทั้งซอย
เมื่อปิดประตูหน้าบ้านและกลับเข้าไปในบ้านแล้ว ฝ่ายภรรยาจึงยกเก้าอี้ตัวนั้นกลับเข้าไปที่ห้องครัวด้านหลังบ้านพร้อมพูดเสียงดัง
“ของยังใช้ได้ก็รีบทิ้งซะแล้ว พ่อเจ้าประคู้น ร่ำรวยเสียจริงนะคะ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ หล่อนจึงวางเก้าอี้ลงใกล้กับตู้เก็บของใกล้หน้าต่างห้องครัว แล้วเดินเลาะไปตามทางเดินสู่สวนหย่อมน้อยหลังบ้าน เห็นเขากำลังตัดแต่งกิ่งชวนชมในกระถางน้อยใหญ่ที่เจ้าตัวใส่ใจดูแลอย่างดี
“นี่คุณพ่อ ใส่ผ้าขาวม้าอยู่บ้านแบบนี้ เวลาออกไปคุยกับแขกไม่กลัวผ้าหลุดเรอะไง”
“อ้าวคนอยู่บ้านก็ใส่อย่างนี้ทุกที จะหลุดได้ยังไง้” อีกฝ่ายตอบพลางมองต้นไม้ในกระถางไม่ละสายตา
“ระวังนะจ๊ะคุณผู้ชายขา กางเกงในก็ไม่ใส่ ผ้าขาวม้าหลุดหน้าบ้านละก็...น่าดูชม”
หล่อนพูดทิ้งน้ำหนักหางเสียงอย่างจงใจประชดประชันนิสัยบางอย่างของสามีที่มักจะทำให้ต้องเก็บเอามามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง
เทพเป็นคนแปลกมากสำหรับสุภา ตรงที่เขาไม่ชอบสวมกางเกงในมาตั้งแต่เด็ก เขาสวมเพียงกางเกงขาสั้นหรือขายาวแม้กระทั่งผ้าขาวม้าผืนเดียวจนเคยชิน และรับไม่ได้กับยางยืดของกางเกงในที่เขาเคยทดลองสวมดูแล้วแต่กลับบอกว่ารู้สึกอึดอัดและแพ้ขอบยางจนต้องเลิกใช้
“ชั้นละอ๊ายอายอีตอนไหนรู้ไหมเธอ ก็ตอนไปหาหมอแล้วต้องฉีดยาน่ะสิ”
สุภาเคยเปรยให้กลุ่มเพื่อนฟัง ก่อนที่จะมีเสียงวี้ดว้ายและหัวเราะตามมาอย่างสนุกสนาน
“แต่เขาก็ยังเถียงกลับมาอีกแหละนะ ‘ก็คิดซะว่าคนไข้เตรียมตัวมาไงเล่า ปั้ดโธ่ หมอนั่นแหละควรจะชมมากกว่า’ เป็นงั้นไป”
บ่ายสามโมงวันนั้น เทพต้องออกจากบ้านเพื่อนัดพบกลุ่มเพื่อนสมัยวัยรุ่น และต้องยกกระถางชวนชมไปให้เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นนักสะสมไม้กระถาง สุภาเห็นเขาง่วนอยู่กับต้นชวนชมในสวนเป็นนานสองนานจึงเตือนให้เตรียมตัว
“นี่พ่อ จวนบ่ายสองแล้วนะ มัวแต่เอ้อระเหยอยู่นั่นละ เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว รถติดจะไปไม่ทันเวลา”
“รู้น่า”
“นัดกันที่ไหนเนี่ย”
“ร้านอาหารแถวราม”
“รามคำแหงหรือพ่อ”
“เออ”
สุภาเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็อดรนทนไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง
“รามหนึ่งรึรามสอง”
คราวนี้อีกฝ่ายชะงัก จากที่กำลังจ้องดูหนอนบนกลีบดอกชวนชม เขาจึงยืดลำตัวขึ้น แล้วถือกรรไกรแต่งกิ่งไม้เดินกลับเข้ามาที่ห้องครัว เขาลืมไปเสียสนิทว่ารามคำแหงมีสองแห่ง
“เดี๋ยวไปค้นดูข้อความจากไอ้วัฒนาอีกที”
“เช็กเลย พ่อ เช็ก ไม่งั้นไปผิดที่แบบคราวนั้นอีก”
เมื่อหล่อนใช้น้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยกเหตุผล เทพจึงรีบเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่วางไว้บนหลังตู้เก็บของด้านนอกห้องครัว กดปุ่มคลายล็อกหน้าจอ ระบบเครื่องของเขาทำงานค่อนข้างช้า แบตเตอรี่ก็กำลังจะหมดเสียอีกเพราะมัวแต่ดูต้นไม้จึงไม่ได้เสียบสายชาร์จแบตเอาไว้
เขาถอนใจ หันไปพบเก้าอี้อยู่ข้าง ๆ จึงทิ้งกายนั่งลงไปเพื่อพักขาและตั้งใจว่าจะเปิดอ่านข้อความในโทรศัพท์
“เฮ้ย ! อะไรวะ...”
เสียงของเขาขาดหายไปพร้อมกับอาการสูดปากด้วยความเจ็บปวด เมื่อสุภาชะโงกหน้ามาเห็นอีกครั้ง เทพก็กำลังนั่งตัวแข็ง หน้าแดงก่ำ ส่งเสียงครางด้วยความทุกข์ทรมาน
................................
การสังสรรค์และอาหารมื้อเย็นร่วมกับกลุ่มเพื่อนในวันนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างเทพไม่มีโอกาสรู้ เพราะว่าเขายังไม่ได้เปิดโทรศัพท์มือถือจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น และผู้ที่โทรมาหาเขาก่อนใครก็คือวัฒนา ซึ่งมาพร้อมน้ำเสียงกระหืดกระหอบ
“เฮ้ย เทพ ติดต่อเมิงไม่ได้เลยตั้งแต่วาน กะเซอร์ไพรสเพื่อนรึไงวะ
นี่ข่าวของเมิงนี่หว่า ซวยฉิบ...เลยโว้ย”
“ข่าวอะไร”
“ก็เนี่ย...
อุทาหรณ์ลุงไม่นุ่งกางเกงใน เก้าอี้หนีบไข่บวม โทรตามกู้ภัยมาช่วยสำเร็จ เค้าใส่ชื่อเมิงด้วย นายปานเทพ วงศ์รัก”
“........”
“เมิงจริง ๆ รึวะเทพ”
เสียงปลายสายถามย้ำแล้วก็หัวเราะออกมาชนิดที่ไม่ยอมหยุดฟังคำตอบจากน้ำเสียงค่อนข้างแหบเครือของอีกฝ่ายหนึ่ง
“เออ...กูเอง”
...........................
จบแล้วครับ
..............................
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
🧰👵🔨 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#100 Week#23, 30/11 - 4/12 "ซ่อมได้" - ถุงมืออย่างดี 🔨👵🧰
เรื่องบ้านๆ ครอบครัวหนึ่ง คุณผู้ชายขนของเก่าออกจากตัวบ้านเพื่อขายให้คนรับซื้อของเก่าซึ่งขับรถกระบะมารับซื้อถึงที่
ของอย่างอื่นไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้น เก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิงเอนหลังได้ตัวหนึ่ง ดูเผินๆ ก็ยังใหม่กิ๊ง แต่ที่นั่งมีรอยแตก คุณผู้ชายกำลังจะยกขายเขาไปอยู่แล้ว แต่คุณแม่บ้านมาเห็นเข้าและทักท้วง บอกว่าจะซ่อมเอง "มันซ่อมได้" หล่อนว่างั้น คุณผู้ชายก็ไม่ว่าอะไรตามใจหล่อน
แล้วเจ้าเก้าอี้ที่ว่ามันซ่อมได้ จะยังผลอย่างไรให้เกิดขึ้นในบ้าน ? ตามไปดูกันครับ ^^
รถยนต์สีแดงค่อนข้างเก่าพร้อมสิ่งของต่าง ๆ อัดกันมาค่อนข้างเป็นระเบียบในกระบะหลังแล่นมาจอดพร้อมกับจังหวะเปิดประตูรถฝั่งซ้ายมือ หญิงสาวสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว มีผ้าปิดปากจมูก ก้าวออกมาจากรถพร้อมกับยกมือไหว้เจ้าของบ้าน ขณะที่เขารับไหว้พลางแลดูส่วนท้ายกระบะ
“เป็นไงครับพี่ งวดนี้ มีของเยอะไหมครับ”
ชายคนขับส่งเสียงมาก่อนขณะก้าวออกจากที่นั่งด้านหน้า ปิดประตูแรง ๆ แล้วเดินอ้อมกระบะท้ายตรงมาที่หน้าประตูรั้วเหล็กซึ่งบัดนี้ถูกเปิดกว้างไว้ด้านหนึ่ง
“โน่นแน่ะ ทั้งหมดที่กองในโรงรถนั่นแหละ”
เจ้าบ้านตอบพร้อมผายมือไปทางด้านใน สองสามีภรรยากุลีกุจอเดินเข้าไปหาข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกโละทิ้งแล้วก้มลงยกขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งมัดหนังสือพิมพ์เก่า กระดาษเอกสารต่าง ๆ แผ่นซีดีเก่า วิทยุ ลำโพงที่ชำรุด จอคอมพิวเตอร์ รวมทั้งถุงใบโตที่แยกประเภทของพลาสติก โลหะ และแก้วเอาไว้อีกสามสี่ถุง
พวกเขาช่วยกันยกออกไปวางที่หน้าบ้าน ฝ่ายหญิงเป็นคนชั่งน้ำหนักบนตาชั่งที่เตรียมมา ส่วนฝ่ายชายเป็นคนบันทึกลงสมุดในมือ เพียงไม่กี่นาทีทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกจัดใส่เข้าไปบนพื้นที่ว่างที่เหลือท้ายกระบะนั้นอย่างง่ายดาย
“พวกคุณมาทีไร บ้านผมสะอาดทุกที” เจ้าของบ้านเอ่ยยิ้ม ๆ
“หมดแล้วใช่ไหมพี่ มีเท่านี้นะ” คนขับรถถามพลางกวาดสายตาดูรอบ ๆ บ้าน
ชายเจ้าของบ้านทำท่านึกขึ้นได้ แล้วเดินกลับเข้าไปทางด้านหลังบ้านพร้อมกับพูดดัง ๆ
“เดี๋ยวนะ เอาไอ้ตัวนี้ไปด้วย”
เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาถือเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าแบบมีพนักพิงค่อนข้างใหม่ออกมาด้วยตัวหนึ่ง
“มันพังแล้วหรือจ๊ะ”
ฝ่ายหญิงถาม แต่เจ้าของบ้านส่งมันให้ฝ่ายชายพร้อมโบกไม้โบกมือ
“ของสมัยนี้พังเร็ว พวกเราก็เสียเปรียบเจ๊กเรื่อยไป”
ชายรับซื้อของเก่ารับไปวางบนตาชั่งที่ยังไม่ได้ยกใส่รถ ก็พอดีมีเสียงจักรยานยนต์แล่นเข้ามาจอดพร้อมเสียงทักทายของผู้หญิง
“อ้าว มาแล้วเหรอ รออยู่สองสามวันแล้วนะเนี่ย”
“หวัดดีครับเจ๊” ฝ่ายชายทักทาย แล้วยกมือไหว้พร้อมกับภรรยา
คนมาใหม่คือหญิงวัยไล่เลี่ยกับชายเจ้าบ้าน หล่อนสวมชุดอยู่บ้านทรงกระโปรงยาวเกือบถึงข้อเท้ามีลวดลายดอกไม้อย่างที่แม่บ้านชอบสวมใส่พร้อมกับมีหมวกกันน็อกบนศีรษะ ขณะจูงจักรยานยนต์เข้าไปในบ้าน เมื่อแลเห็นเก้าอี้สีฟ้าตัวนั้นกำลังจะถูกยกออกจากตาชั่ง หล่อนก็รีบท้วง
“นั่นจะขายเรอะพ่อ เก้าอี้น่ะ” หล่อนหันมาถามฝ่ายชายที่ทำท่าจะหันกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน เขาพยักหน้า
“ก็ที่นั่งมันแตกแล้วนี่ วานนี้นั่งก็โดนหนีบ เจ็บวุ้ย”
ทั้ง ๆ ที่หล่อนได้ยินเสียงสามีพูด แต่ก็ยังเดินเข้าไปคว้าเก้าอี้ตัวนั้นกลับคืนมาอย่างว่องไว
“เจ๊ยังไม่ขายหรอกตัวนี้ เดี๋ยวจะเอาไปซ่อมใช้เอง”
ฝ่ายสามีขยับปากจะคัดค้าน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขามองตาคนขับรถแวบหนึ่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปทางหลังบ้าน คนรับซื้อของเก่าไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะเบา ๆ กันทั้งสองคน จากนั้นฝ่ายหญิงจึงยกตาชั่งขึ้นไปเก็บด้านท้ายกระบะ ส่วนฝ่ายชายถือเงินมาส่งให้หญิงเจ้าของบ้านพร้อมกระดาษแผ่นน้อย ก่อนที่จะร่ำลาแล้วขับรถออกไปพร้อมบีบแตรเสียงเดิมดังก้องไปทั้งซอย
เมื่อปิดประตูหน้าบ้านและกลับเข้าไปในบ้านแล้ว ฝ่ายภรรยาจึงยกเก้าอี้ตัวนั้นกลับเข้าไปที่ห้องครัวด้านหลังบ้านพร้อมพูดเสียงดัง
“ของยังใช้ได้ก็รีบทิ้งซะแล้ว พ่อเจ้าประคู้น ร่ำรวยเสียจริงนะคะ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ หล่อนจึงวางเก้าอี้ลงใกล้กับตู้เก็บของใกล้หน้าต่างห้องครัว แล้วเดินเลาะไปตามทางเดินสู่สวนหย่อมน้อยหลังบ้าน เห็นเขากำลังตัดแต่งกิ่งชวนชมในกระถางน้อยใหญ่ที่เจ้าตัวใส่ใจดูแลอย่างดี
“นี่คุณพ่อ ใส่ผ้าขาวม้าอยู่บ้านแบบนี้ เวลาออกไปคุยกับแขกไม่กลัวผ้าหลุดเรอะไง”
“อ้าวคนอยู่บ้านก็ใส่อย่างนี้ทุกที จะหลุดได้ยังไง้” อีกฝ่ายตอบพลางมองต้นไม้ในกระถางไม่ละสายตา
“ระวังนะจ๊ะคุณผู้ชายขา กางเกงในก็ไม่ใส่ ผ้าขาวม้าหลุดหน้าบ้านละก็...น่าดูชม”
หล่อนพูดทิ้งน้ำหนักหางเสียงอย่างจงใจประชดประชันนิสัยบางอย่างของสามีที่มักจะทำให้ต้องเก็บเอามามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง
เทพเป็นคนแปลกมากสำหรับสุภา ตรงที่เขาไม่ชอบสวมกางเกงในมาตั้งแต่เด็ก เขาสวมเพียงกางเกงขาสั้นหรือขายาวแม้กระทั่งผ้าขาวม้าผืนเดียวจนเคยชิน และรับไม่ได้กับยางยืดของกางเกงในที่เขาเคยทดลองสวมดูแล้วแต่กลับบอกว่ารู้สึกอึดอัดและแพ้ขอบยางจนต้องเลิกใช้
“ชั้นละอ๊ายอายอีตอนไหนรู้ไหมเธอ ก็ตอนไปหาหมอแล้วต้องฉีดยาน่ะสิ”
สุภาเคยเปรยให้กลุ่มเพื่อนฟัง ก่อนที่จะมีเสียงวี้ดว้ายและหัวเราะตามมาอย่างสนุกสนาน
“แต่เขาก็ยังเถียงกลับมาอีกแหละนะ ‘ก็คิดซะว่าคนไข้เตรียมตัวมาไงเล่า ปั้ดโธ่ หมอนั่นแหละควรจะชมมากกว่า’ เป็นงั้นไป”
บ่ายสามโมงวันนั้น เทพต้องออกจากบ้านเพื่อนัดพบกลุ่มเพื่อนสมัยวัยรุ่น และต้องยกกระถางชวนชมไปให้เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นนักสะสมไม้กระถาง สุภาเห็นเขาง่วนอยู่กับต้นชวนชมในสวนเป็นนานสองนานจึงเตือนให้เตรียมตัว
“นี่พ่อ จวนบ่ายสองแล้วนะ มัวแต่เอ้อระเหยอยู่นั่นละ เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว รถติดจะไปไม่ทันเวลา”
“รู้น่า”
“นัดกันที่ไหนเนี่ย”
“ร้านอาหารแถวราม”
“รามคำแหงหรือพ่อ”
“เออ”
สุภาเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็อดรนทนไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง
“รามหนึ่งรึรามสอง”
คราวนี้อีกฝ่ายชะงัก จากที่กำลังจ้องดูหนอนบนกลีบดอกชวนชม เขาจึงยืดลำตัวขึ้น แล้วถือกรรไกรแต่งกิ่งไม้เดินกลับเข้ามาที่ห้องครัว เขาลืมไปเสียสนิทว่ารามคำแหงมีสองแห่ง
“เดี๋ยวไปค้นดูข้อความจากไอ้วัฒนาอีกที”
“เช็กเลย พ่อ เช็ก ไม่งั้นไปผิดที่แบบคราวนั้นอีก”
เมื่อหล่อนใช้น้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยกเหตุผล เทพจึงรีบเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่วางไว้บนหลังตู้เก็บของด้านนอกห้องครัว กดปุ่มคลายล็อกหน้าจอ ระบบเครื่องของเขาทำงานค่อนข้างช้า แบตเตอรี่ก็กำลังจะหมดเสียอีกเพราะมัวแต่ดูต้นไม้จึงไม่ได้เสียบสายชาร์จแบตเอาไว้
เขาถอนใจ หันไปพบเก้าอี้อยู่ข้าง ๆ จึงทิ้งกายนั่งลงไปเพื่อพักขาและตั้งใจว่าจะเปิดอ่านข้อความในโทรศัพท์
“เฮ้ย ! อะไรวะ...”
เสียงของเขาขาดหายไปพร้อมกับอาการสูดปากด้วยความเจ็บปวด เมื่อสุภาชะโงกหน้ามาเห็นอีกครั้ง เทพก็กำลังนั่งตัวแข็ง หน้าแดงก่ำ ส่งเสียงครางด้วยความทุกข์ทรมาน
“เฮ้ย เทพ ติดต่อเมิงไม่ได้เลยตั้งแต่วาน กะเซอร์ไพรสเพื่อนรึไงวะ นี่ข่าวของเมิงนี่หว่า ซวยฉิบ...เลยโว้ย”
“ข่าวอะไร”
“ก็เนี่ย...อุทาหรณ์ลุงไม่นุ่งกางเกงใน เก้าอี้หนีบไข่บวม โทรตามกู้ภัยมาช่วยสำเร็จ เค้าใส่ชื่อเมิงด้วย นายปานเทพ วงศ์รัก”
“........”
“เมิงจริง ๆ รึวะเทพ”
เสียงปลายสายถามย้ำแล้วก็หัวเราะออกมาชนิดที่ไม่ยอมหยุดฟังคำตอบจากน้ำเสียงค่อนข้างแหบเครือของอีกฝ่ายหนึ่ง
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน