ใส่ไตรจีวรเป็นชุดไปรเวทได้ไหม

กระทู้คำถาม
อยากใส่สบงได้ไหมหรอครับ แค่รู้สึกว่าอยากใส่เป็นชุดปกติ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
สิ่งที่พวกน้องๆ กำลังเรียกร้องกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแต่งไปรเวทไปโรงเรียน ไม่ตัดผม ดึงฟ้าลงมาตีเสมอ ยกเลิกวัฒนธรรมประเพณี จะไม่ขอนับถือศาสนา เรียกร้องโน่น เรียกร้องนี่ แม้กระทั่งจะขอใส่จีวรพระเป็นเสื้อผ้าปกติ

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงในอีก 2,500 ปีข้างหน้า ตอนนั้นจะไม่มีศาสนาพุทธคงอยู่อย่างที่ต้องการ บ้านเมืองจะไร้กฏหมาย ไม่มีขื่อแป ฆ่าฟังกันเอง คนเราจะมีอายุขัยที่สั้นลง เหลือประมาณ 10 ปี อยู่ด้วยความหวาดระแวง

ผมพูดเสมอว่า คนที่พูดคำหยาบ แล้วบอกว่าเป็นคนดี ไม่มี

หลายคนไม่เชื่อ เชื่อว่าตัวเองเป็นคนดี

น้องๆ เรียกร้องว่าขอให้รับฟังความคิดเห็นเด็กๆ กันบ้าง ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ทุกคนพร้อมที่จะรับฟัง อยากรับฟัง แม้แต่ผมเอง

แต่สำหรับตัวผม ผมสามารถทนฟังได้ไม่กี่นาที และก็เชื่อว่าคนปกติทั่วไปก็ไม่น่าจะทนฟังได้นานเช่นกัน เพราะการใช้คำพูดที่หยาบคาย ก้าวร้าว ไม่ใช่พูดคุยในแบบปัญญาชน

มันเหมือนกับว่าน้องๆ ไม่ได้ต้องการให้ใครรับฟังจริงๆ เหมือนอย่างที่มีคนบอกว่า ร่างรัฐธรรมนุญที่เรียกร้อง ก็เขียนขึ้นมาแบบที่ไม่ได้ต้องการให้มีการรับร่าง

ที่จริง ผมไม่อยากแสดงความเห็นเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่เคยคิดจะเข้าห้องการเมือง แต่ไหนๆ น้องเจ้าของกระทู้ก็แท็คศาสนาพุทธ อยากจะพูดในมุมของศาสนาพุทธ จะเชื่อหรือรับฟังหรือไม่ก็ตาม

การพูด เป็นผลมาจากความคิด (ความคิดดีหรือความดำริชอบ ภาษาบาลีเรียกว่า สัมมาสังกัปปะ)

ถ้าเราคิดดี (สัมมาสังกัปปะ) เราจะพูดดี (สัมมาวาจา)

และสัมมาวาจานี่เอง ก็จะทำให้เกิด สัมมากัมมันตะ หรือการทำดี

ทั้งสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา และสัมมากัมมันตะ เป็นมรรคข้อที่ 2, 3, 4 เรียงตามลำดับ (มรรคข้อแรกคือ สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นที่ถูกต้อง)

เราจะข้ามหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง หรือสลับไปมา ไม่ได้ หมายถึงปฏิบัติข้อ 3 ก่อน แล้วค่อยมาปฏิบัติข้อ 2 เป็นไปไม่ได้ มรรคแต่ละข้อเป็นเหตุและผลเกี่ยวโยงกัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ผู้ที่จะเจริญสติ (สัมมาสติ ซึ่งเป็นมรรคข้อที่ 7) จำเป็นต้องมีมรรคข้อที่ 1-6 ก่อน (เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ผม)

ผมไม่แน่ใจว่าผมควรแสดงความเห็นหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าอาจจะมีประโยชน์ให้คิดอะไรกันได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่