ฟอสซิลโบราณที่สมบูรณ์และน่าประทับใจที่สุด


มัมมี่ Edmontosaurus 


มัมมี่ Edmontosaurus หรือ AMNH 5060  เป็นตัวอย่างไดโนเสาร์ตัวแรกที่พบว่ามีผิวหนังห่อหุ้มกระดูกอยู่  ในสายพันธุ์ Edmontosaurus annectens ซึ่งถูกค้นพบในปี 1908  ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ปากเป็ด hadrosaurid  ที่อาศัยอยู่เมื่อราวๆ 66-68 ล้านปีก่อน  ซากฟอสซิลนี้ได้รับการกู้คืนจากแหล่งขุดในสหรัฐอเมริกาใกล้เมือง Lusk รัฐไวโอมิง  และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี 

ซากฟอสซิลถูกพบในลักษณะนอนหงาย คอบิดไปข้างหลังและปลายแขนยื่นออกไป โครงกระดูกสมบูรณ์ตั้งแต่หางเท้าหลัง และส่วนหลังของกระดูกเชิงกรานและกระดูกทั้งหมดยังคงเชื่อมต่อกัน เกือบสองในสามของผิวจะถูกรักษาไว้ โดยผิวหนังประกอบด้วยเกล็ดสองชนิดที่ไม่ทับซ้อนกันซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 1 ถึง 5 มิลลิเมตร (0.039 และ 0.197 นิ้ว) ห่อหุ้มกระดูกไว้อย่างแน่นหนา และมีการยุบของร่างกายบางส่วนซึ่งบ่งชี้ว่าซากนั้นแห้งก่อนที่จะฝังศพ ซึ่งหลังจากการคายน้ำและการฝังซากแบคทีเรียเกิดการรวมตัวของตะกอนโดยรอบทำให้เกิดการเก็บรักษาที่ดีเยี่ยม การแสดงผลทางผิวหนังที่พบระหว่างนิ้วมือ เคยถูกตีความว่าเป็นหลักฐานสำหรับวิถีชีวิตในน้ำ

มนุษยชาติไม่ค่อยรู้จักเกี่ยวกับผิวหนังของไดโนเสาร์มากนัก จะมีให้เห็นบ้างจากชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่พบในที่ต่างๆ ดังนั้นการค้นหาตัวอย่างที่มีสภาพสมบูรณ์เท่ากับชิ้นนี้จึงเป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ในทางบรรพชีวินวิทยา มัมมี่ไดโนเสาร์ตัวนี้ถูกพบโดยนักสะสมฟอสซิล Charles Hazelius Sternberg และลูกชายทั้งสามของเขา
ซึ่งถือเป็นเรื่องพิเศษอย่างมาก สำหรับไดโนเสาร์ที่ตายซากตามธรรมชาติระหว่าง 66 ถึง 68 ล้านปีก่อนที่จะเห็นผิวหนัง,มือ, เส้นเอ็น, รูจมูก, เศษเนื้อในกระเพาะอาหาร รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่ส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์  ตอนนี้ซากฟอสซิล มัมมี่ Edmontosaurus ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกัน (American Museum of Natural History )




Whale Valley


วาดี อัล ฮีตัน (Wadi Al-Hitan) หรือ หุบเขาวาฬ (Whale Valley) ตั้งอยู่ในทะเลทรายตะวันตกของอียิปต์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2005 เนื่องจากมีฟอสซิลหลายร้อยชนิดของวาฬที่เก่าแก่ที่สุดได้แก่ อาร์คีโอเซติ (archaeoceti) ซึ่งเป็นลำดับย่อยของวาฬที่สูญพันธุ์ไปแล้ว 
บริเวณนี้ได้แสดงให้เห็นขั้นตอนวิวัฒนาการที่สำคัญ คือวิวัฒนาการของวาฬจากที่เคยอยู่อาศัยบนบก ไปเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่อาศัยในมหาสมุทร โดยแสดงอย่างชัดเจนถึงรูปแบบ และชีวิตของวาฬเหล่านี้ในช่วงระยะการเปลี่ยนผ่าน จากซากโบราณที่ Al-Hitan เราจะเห็นวาฬที่มีอายุน้อยที่สุด ที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทิ้งขาหลังไป ซึ่งเป็นขั้นตอนวิวัฒนาการที่สำคัญ 

พื้นที่นี้อยู่ห่างจากกรุงไคโรของอียิปต์ไปประมาณ 150 กม. อาจด้วยเหตุผลบางอย่างมีฟอสซิลของวาฬเก่าแก่จากช่วง 40-41 ล้านปีก่อนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละชิ้นส่วนมีความสมบูรณ์อย่างมาก  และยังมีโครงกระดูกสัตว์อีกหลายชนิดกว่า 400 โครงหลากหลายสายพันธุ์จากยุค Eocene ที่ถูกฝังไว้พร้อมๆกัน เช่นจระเข้ ปลากะพง เต่า และปลากระเบน ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจำลองสภาพแวดล้อมในเวลานั้นขั้นมาใหม่ได้เป็นอย่างดี

ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในบริเวณนี้อาจไม่ใช่ฟอสซิลที่เก่าแก่ที่สุด แต่มีความเข้มข้นในการค้นพบมีมากในพื้นที่ และระดับการเก็บรักษาของพวกมันอยู่ในระดับที่แม้แต่ในกระเพาะอาหารยังมีเศษอาหารบางส่วนอยู่

โดยซากฟอสซิล แสดงให้เห็นถึงรูปร่างที่เพรียวบางตามแบบฉบับของปลาวาฬสมัยใหม่ แต่ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมของกะโหลกศีรษะและโครงสร้างฟันไว้ โครงกระดูกที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกพบมีความยาวถึง 21 ม. ด้วยตีนกบห้านิ้วที่พัฒนามาอย่างดีบนปลายแขน และการปรากฏของขาหลัง เท้าและนิ้วเท้า
ที่ไม่คาดคิดซึ่งไม่เคยมีมาก่อนใน archaeoceti  โดยพวกมันกินเนื้อเป็นอาหาร
ซากโครงกระดูกเหล่านี้บางส่วนถูกเปิดเผย แต่ส่วนใหญ่ยังถูกฝังอยู่ในตะกอนตื้น ๆ ที่ถูกกัดเซาะอย่างช้าๆใน Wadi Al-Hitan ที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งมีชีวิตในทะเลชายฝั่งที่มีอายุหลายล้านปี




Chaohusaurus


ฟอสซิลอายุ 248 ล้านปีนี้เป็นของแม่ Chaohusaurus ที่กำลังให้กำเนิดลูกๆ ซากฟอสซิลมีอายุ 248 ล้านปีถูกพบใน South Majiashan ประเทศจีนในปี 2011
การคลอดเป็นกระบวนการที่อันตรายเนื่องจากหลายสิ่งหลายอย่างอาจผิดพลาดได้ แต่สำหรับ Chaohusaurus นี้ทุกอย่างกลับแย่ลง ซากดึกดำบรรพ์นี้แสดงให้เห็นว่าโดยแม่อุ้มลูกอย่างน้อยสามตัว  โดยตัวหนึ่งกำลังจะคลอดออกมาโดยการเอาหัวออกมาก่อนแล้วครึ่งหนึ่ง  อีกตัวหนึ่งพบอยู่ใต้ศพแม่  และอีกตัวยังอยู่ในท้อง 
มันเป็นฟอสซิลที่น่าทึ่งแต่น่าเสียดายที่พบเพียงส่วนหนึ่งของแม่ เพราะทีมเก็บซากฟอลซิลกลับมาในปี 2011 และเมื่อพวกเขาเข้าใจเรื่องนี้ในหนึ่งปีต่อมา ก็สายเกินไปที่จะฟื้นฟูร่างกายที่เหลือ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาได้มีการเก็บตัวอย่างอื่น ๆ มาเพื่อเติมเต็มช่องว่างเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่พบนี้

Chaohusaurus เป็นสัตว์เลื้อยคลานในทะเลคล้ายปลาที่สูญพันธุ์ไปแล้วจากยุค Triassic ตอนต้นของ Chaohu ประเทศจีน โดยชื่อสามัญหมายถึงทะเลสาบจ้าวหู  เป็นสัตว์ที่อาศัยในทะเลกลุ่มอิกธิโอซอร์ (Ichthyosaur) ในยุคไทรแอสสิกตอนต้น ซากดึกดำบรรพ์นี้แสดงให้เห็นลักษณะของสัตว์ที่คลอดลูกบนบก จึงอาจเป็นหลักฐานที่แสดงว่าอิกธิโอซอร์นั้น อาจกลับขึ้นมาบนบกเพื่อคลอดลูกมากกว่าจะคลอดในทะเล (ในขณะที่สัตว์ปัจจุบันที่ออกลูกเป็นตัวในทะเลจะเอาหางออกมาก่อน เช่น โลมา และวาฬ)
.



Crinoids

 
นี่คือฟอสซิล crinoids จากยุคคาร์บอนิเฟอรัส  (Carboniferous) เป็นสัตว์ทะเลรูปร่างคล้ายต้นไม้แม้ว่าจะเป็นสัตว์ไม่ใช่พืช ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อราวๆ 300-360 ล้านปีก่อน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Chestbursters และ xenomorph จากภาพยนตร์ “Alien”

Crinoids เป็นส่วนหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังทะเลกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า echinoderms  ส่วน echinoderms อื่นๆได้แก่ ปลาดาว ดาวเปราะ อีแปะทะเล
เม่นทะเล และปลิงทะเล  โดย echinoderms ที่มีชีวิตทั้งหมดมีสิ่งที่เรียกว่า pentameral สมมาตร ซึ่งหมายความว่าร่างกายของพวกมันถูกจัดเรียงเป็นรูปแบบห้าประการ ตัวอย่างเช่น แขนทั้งห้าของปลาดาวทั่วไป  ซึ่ง Crinoids อาจมีน้อยกว่าห้าแขนได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันมีแขนมากกว่าห้าแขน 

echinoderms ทั้งหมดยังมีแผ่นแคลไซต์ (ossicles) ฝังอยู่ในผิวหนังซึ่งเป็นโครงกระดูก เป็นเหตุผลที่เมื่อสัมผัสปลาดาวที่มีชีวิตจะรู้สึกคัน  จากภาพฟอสซิลโครงกระดูกของ crinoids แม้ชั้นผิวหนังด้านนอกจะหายไปแต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังมีชีวิต  โดยสัตว์ชนิดนี้ยังไม่สูญพันธุ์ไปจริงๆเนื่องจากยังมี crinoids อีกหลายชนิด (มักเรียกว่าลิลลี่ทะเลซึ่งเป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง) ที่ยังคงพบในมหาสมุทรของเรา 





ฟอสซิลของสัตว์เลื้อยคลาน 2 หัว


กลุ่มนักโบราณชีววิทยาชาวจีนและฝรั่งเศสพบซากฟอสซิสสัตว์เลื้อยคลานสองหัว ที่มาจากสายพันธุ์ที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นประเทศจีนปัจจุบัน เมื่อเกือบ 150 ล้านปี ผลการค้นพบเผยแพร่เมื่อ 20 ธ.ค.2006 ใน Biology Letters ของอังกฤษ

ซากฟอสซิลสัตว์สายพันธุ์ดังกล่าวถูกค้นพบในอี้เซี่ยน ฟอร์เมชั่น (Yixian Formation) ขุมทรัพย์ฟอสซิสแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นฟอสซิลกระดูกจากสัตว์ในช่วงยุคที่ไดโนเสาร์กำลังสูญพันธุ์ ที่กลุ่มนักโบราณวิทยาสองชาติพบนี้ มีความยาวเพียง 7 ซม. เป็นกระดูกของตัวอ่อน หรือสัตว์เลื้อยคลานแรกเกิดที่มีสองหัว สองคอ
นักโบราณชีววิทยายังกล่าวอีกว่า มันเป็นสายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานคอยาวที่อาศัยอยู่ในน้ำ และเมื่อเติบโตเต็มที่ ก็จะมีลำตัวโตราว 3.25 ฟุต สำหรับโครงกระดูกศีรษะ-ลำตัวที่แตกเป็นสองอันนี้ เป็นลักษณะความบกพร่องทางพัฒนาการที่พบทั่วไปในกลุ่มสายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานยุคปัจจุบัน เช่น เต่า และงู.
 
 
 
 
 
T-rex


ล่าสุดเมื่อปี 2020  ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดตัวโครงกระดูกทีเร็กซ์ที่สมบูรณ์แบบตัวแรกของโลก ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2006 ที่มอนทาน่า, สหรัฐอเมริกา  มันเป็นโครงกระดูกในหินที่มีอายุเก่าแก่ถึง 67 ล้านปี และเก็บเอาร่างของไทแรนโนซอรัสเร็กซ์ตัวหนึ่งเอาไว้ ในขณะที่มันกำลังต่อสู้กับไทรเซอราทอปส์

โดยจุดเด่นของโครงกระดูกที่ถูกพบในครั้งนี้ อยู่ที่โครงร่างของร่างกายไดโนเสาร์ทั้งสองตัวซึ่งไม่เพียงจะสมบูรณ์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันยังเห็นได้ถึงการบาดเจ็บรวมถึงฟันของที่ติดอยู่บนร่างของไทรเซอราทอปส์ด้วย 
“การเก็บรักษาของธรรมชาตินี้ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก และเราก็วางแผนที่จะใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีเพื่อเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับชีววิทยาของไดโนเสาร์ทั้งสองจากฟอสซิลนี้”  Eric Dorfman ผู้บริหารของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาตินอร์ทแคโรไลนา ซึ่งได้รับบริจาคโครงกระดูกในครั้งนี้กล่าว  “ฟอสซิลนี้จะเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อไดโนเสาร์ที่เราชื่นชอบทั้งสองโลกไปตลอดกาลเลย”

ปัจจุบันทางพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาตินอร์ทแคโรไลนาได้วางแผนที่จะนำ ฟอสซิลที่ได้มานี้ไปจัดแสดงด้วย โดยนิทรรศการดังกล่าวก็จะเริ่มได้รับการจัดตั้งในช่วงปี 2021 



ที่มา boredpanda  ladbible, dailymail และ metro


(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่